Skip to main content

ผู้หญิงโง่หรืออย่างไร จึงปล่อยให้ตัวเองติดเชื้อเอชไอวี เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

คอลัมน์/ชุมชน


 


1 ธันวาคม วันเอดส์โลกเวียนมาบรรจบอีกครั้งหนึ่ง ท่ามกลางสถานการณ์ที่ยังไม่เปลี่ยนแปลง เอดส์เป็นโรคระบาดของโลกไม่ใช่ของท้องถิ่น หากเมื่อใดที่ประชาชนในสังคมโลกปล่อยให้ตนเองอยู่ในความเสี่ยงด้วยการมีเพศสัมพันธ์กับคู่ที่มีเอชไอวี แน่นอนย่อมมีความเสี่ยงรับเชื้อ อันนำมาซึ่งการเพิ่มขึ้นของผู้ติดเชื้อรายใหม่กว่า 5 ล้านคนในปีที่ผ่านมา (www.unaids.org) อัตราเพิ่มนี้ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในกลุ่มชาติที่มีลักษณะทางพฤติกรรมความสัมพันธ์ทางเพศที่ไม่มีความเท่าเทียมกันระหว่างคู่ เช่นกรณีประเทศไทยที่แม้ว่าอัตราการติดเชื้อรายใหม่ในแต่ละปีลดลง จากเดิมปีละเกือบแสนเหลือปีละไม่เกินสามหมื่นคน (www.aidsthai.org)  แต่สิ่งที่พบคือกลุ่มผู้ติดเชื้อรายใหม่อายุอยู่ระหว่าง 15-24 ปี ในกลุ่มนี้เป็นผู้หญิงมีอัตราการติดเชื้อเพิ่มขึ้น


 


ตลอด 20 ปีที่ผ่านมาเดิมผู้ชายมีอัตราการติดเชื้อมากกว่า ซึ่งพออธิบายได้ว่าเพราะมีความเสี่ยงกว่า มีโอกาสเสี่ยงสูงกว่า เนื่องจากผู้ชายมีเพศสัมพันธ์ได้เสรี ซื้อบริการทางเพศก็ได้  มีเพศสัมพันธ์กับคู่รักก็ได้ มีเพศสัมพันธ์กับกิ๊กก็ได้ และมีเพศสัมพันธ์กับภรรยาด้วย โดยจะใช้ถุงยางป้องกันบ้างไม่ป้องกันบ้าง หากกับคู่รัก กับแฟน ที่ประเมินว่าน่าจะปลอดภัยก็ไม่ใช้ แต่หากไปซื้อบริการกับพนักงานบริการทางเพศมักจะใช้ ทั้งนี้ เพราะต้องการป้องกันด้วยตนเองและเพราะพนักงานบริการก็มีกฎกติกาให้ใช้เสมอด้วยเช่นกัน 


 


ทำไมผู้หญิงจึงมีอัตราการติดเชื้อเพิ่มขึ้น และเป็นกลุ่มผู้หญิงที่อายุเฉลี่ยน้อยลงด้วย


 


ผู้หญิงอายุระหว่าง 15-24  น่าจะเป็นกลุ่มใด นักเรียน นักศึกษา คนทำงานวัยเริ่มต้นงาน คนเหล่านี้มีการศึกษาไหม  แน่นอนภายใต้รัฐธรรมนูญใหม่ เด็กไทยเรียนฟรีจนถึงมัธยมปลาย และภายใต้ระบบกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา มีนักเรียนได้เรียนต่อระดับมัธยมปลายและอุดมศึกษามากขึ้น ขณะเดียวกันจำนวนมหาวิทยาลัยก็เพิ่มขึ้นด้วย อาทิ มหาวิทยาลัยราชภัฏ และมหาวิทยาลัยเอกชน  ซึ่งพอให้ทำนายได้ว่าผู้หญิงที่ติดเชื้ออยู่ในกลุ่มวัยกำลังเรียน กำลังเริ่มต้นทำงาน ซึ่งถือว่ามีโอกาสได้รับการศึกษา  และทำนายได้เช่นกันว่ากลุ่มผู้หญิงเหล่านี้มีเพศสัมพันธ์เพิ่มมากขึ้นด้วย โดยเป็นเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย ไม่ได้ป้องกัน จึงทำให้อัตราการติดเชื้อในกลุ่มผู้หญิงเหล่านี้สูงขึ้น 


 


ถามว่าผู้หญิงเหล่านี้ไม่ได้รับการศึกษา เรียนไม่สูงพอ ก็ไม่ใช่  ถามว่าจะรู้เรื่องเอดส์ไหมก็ย่อมต้องรู้  มีการให้ข้อมูล ให้การศึกษา มีในหลักสูตรบ้างประปราย  มาตลอด 20 ปีของการรณรงค์เรื่องเอดส์ในบ้านเรา  แล้วเพราะอะไรผู้หญิงจึงติดเชื้อเพิ่มขึ้น ทำไมผู้หญิงยังโง่ปล่อยให้ตัวเองติดเชื้อเพิ่มขึ้น ทั้งที่กล้ามีความสัมพันธ์ทางเพศแต่ทำไมไม่กล้าจะป้องกันหรือสร้างความปลอดภัยให้ตนเองด้วย


 


ผู้หญิงรู้ทั้งรู้เรื่องเอดส์ การติดต่อหลักๆ มาจากการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย คือไม่รู้ว่าคู่ตนเองมีเพศสัมพันธ์มาโชกโชนเพียงใด ได้รับเชื้อมาหรือยัง  รวมถึงไม่สามารถใช้เครื่องมือป้องกันตนเองเมื่อมีเพศสัมพันธ์  ไม่อาจต่อรองให้การมีเพศสัมพันธ์นั้นๆมีการป้องกันได้  ผู้หญิงยังมีทัศนะว่าพร้อมจะมีเพศสัมพันธ์กับคู่รักแม้จะต้องเสี่ยงกับการตั้งครรภ์และการติดเชื้อ ผู้ชายก็มีทัศนะว่าแฟน คู่รัก กิ๊ก และคนที่จะเป็นแม่ของลูก ไม่จำเป็นต้องเป็นคนคนเดียวกัน  สภาพทางสังคมก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง ยังให้โอกาสผู้ชายแสวงหาความสุขทางเพศได้หลากหลายวิธี มีสถานบันเทิงเริงรมย์สำหรับชาย มีการกินดื่มของผู้ชายที่สังคมไม่ประณาม มีการแสวงหาประสบการณ์ทางเพศได้เสรี 


 


ส่วนผู้หญิงจะมีความสุขทางเพศได้ก็กับคู่ของตนเองเท่านั้น  ความไม่เท่าเทียมกันนี้ส่งผลให้อำนาจในการต่อรองสร้างความปลอดภัยระหว่างการมีความสุขทางเพศร่วมกันของชายหญิงไม่เท่าเทียมกันด้วย หญิงมีอำนาจต่อรองน้อยกว่า จึงมีโอกาสน้อยกว่าที่จะป้องกันตนเอง ไม่แปลกที่ตัวเลขสถิติจะบอกด้วยความเป็นห่วงว่าผู้หญิงอายุระหว่าง 15-24 ปีมีอัตราการติดเชื้อเพิ่มขึ้น


 


ผู้หญิงดิ้นรนให้ตนเองมีอิสระทางเพศมากขึ้น การกล้ามีเพศสัมพันธ์กับคู่ที่ไม่อาจใช่คู่รักที่หวังจะใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน  การแสวงหาความสุขทางเพศกับคู่ที่หลากหลายขึ้น แต่ก็ยังไม่ใช่ผู้หญิงที่ใช้ถุงยางอนามัยเพื่อตนเองเพิ่มขึ้น  ทำอย่างไรที่ทั้งหญิงและชายจะมีความสุขทางเพศเพิ่มขึ้น หลากหลายขึ้น แต่ปลอดภัยและมีศักดิ์ศรีเท่าเทียมกัน 


 


การเสริมสร้างแนวคิดค่านิยมว่าด้วยความเท่าเทียมกันในการมีความสุขทางเพศน่าจะต้องได้รับการพัฒนาขึ้น มนุษย์มีธรรมชาติทางเพศเหมือนกันควรร่วมกันสร้างความสวยงาม ความสุข และความสัมพันธ์ที่เอื้ออาทรต่อกัน มีความสุขด้วยกัน มีความปลอดภัยร่วมกัน  สังคมต้องสร้างความเท่าเทียมกันในการเปิดโอกาสให้วัยรุ่นหญิงชาย พัฒนาความสัมพันธ์ทางเพศที่สอดคล้องกัน ไม่ใช่เรียกร้องให้ผู้หญิงรักนวลสงวนตัวแต่เพียงฝ่ายเดียว หรือยอมรับให้ผู้ชายมีโอกาสแสวงหาประสบการณ์ทางเพศได้หลากหลาย แต่ไม่อนุญาติให้ผู้หญิงทำอะไรเลยที่จะเกิดการเรียนรู้เรื่องความสัมพันธ์ทางเพศนอกจากการแต่งงาน


 


วันเอดส์โลก เตือนเราว่ายังไม่ประสบความสำเร็จในการสร้างความเท่าเทียมกันทางเพศในสังคม กำแพงที่เป็นอุปสรรคสำคัญคือค่านิยม วัฒนธรรม ที่ไม่ยุติธรรมระหว่างหญิงชายในการมีความสัมพันธ์ทางเพศ สำหรับสถานการณ์เฉพาะหน้านี้ กระแสทั่วโลกจึงทำได้เพียงการหาทางให้ผู้หญิงมีอุปกรณ์ในการป้องกันตนเองมากขึ้น โดยไม่ต้องอาศัยการเจรจาต่อรองกับผู้ชายเฉกเช่นการใช้ถุงยางอนามัยที่ผู้ชายเป็นผู้ตัดสินใจและยินยอมใช้   นั่นคือการรณรงค์เพื่อหางบประมาณจำนวนมหาศาลเพื่อทำการวิจัยสารป้องกันการติดเชื้อ (ไมโครบิไซด์) ซึ่งจะเป็นสารที่ใส่เข้าไปในช่องคลอด  สามารถใช้ได้ด้วยตัวผู้หญิงเอง และเป็นสิ่งที่จะสนับสนุนให้ผู้หญิงมีความมั่นใจในการมีเพศสัมพันธ์ในแต่ละครั้ง 


 


อย่างไรก็ตาม  นี่เป็นเพียงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า  ที่สุดแล้วการทลายกำแพงวัฒนธรรม การปลุกเร้าเรื่องสิทธิมนุษยชนของผู้หญิง ยังเป็นทางออกระยะยาวที่ยั่งยืนในการทำให้ผู้หญิงมีศักดิ์ศรีและมีความเท่าเทียมกับชายในการสร้างความสุขทางเพศที่ปลอดภัย