Skip to main content

ชวนมารักกัน 6 : แรงงานแห่งรัก

คอลัมน์/ชุมชน

 


           


เสียงชาช่าเห่าเสียงดังอยู่ข้างบ้าน ฉันคิดว่ามันต้องเจออะไรสักอย่าง น่าจะเป็นงู


 


บ้านใหม่ของเราแต่เก่ามาก ๆ หลังนี้  เป็นที่อยู่ของสัตว์สารพัด ทั้งงู ตุ๊กแก ตะขาบ รอบบริเวณบ้านของเราด้านหลังเป็นที่รกร้างว่างเปล่า มีต้นไม้แน่นหนา ทั้งต้นไม้เล็ก ต้นไม้ใหญ่ หญ้าสาบเสือ และอื่น ๆ ส่วนด้านข้างเป็นบ้านร้างที่ถูกทิ้งไว้ปกคลุมด้วยไม้ใบแน่นหนา  


 


แต่เราเลือกบ้านหลังนี้ เพราะบ้านร้างและต้นไม้หลังบ้านที่พอให้ร่มเงา เพื่อนบางคนถามว่าไม่กลัวบ้านเก่า ๆ ไม่กลัวบ้านร้างข้างบ้าน ฉันบอกว่าฉันชอบบ้านร้างที่ไม่มีคน สงบดี และสวนร้างก็ดูสงบและลึกลับดี


 


บ้านร้างใคร ๆ ก็ว่ามีผี ฉันว่าผีไม่ทำเสียงดังหรือรบกวนใคร ทั้งบ้านร้างและสวนร้างไม่มีใครกล้าบุกเข้ามา ไม่คุ้มกับการฝ่าป่าดงเข้ามา ดังนั้นปลอดภัยยิ่งนัก ส่วนงูเงี้ยวเขี้ยวขอไม่ต้องกลัวเพราะว่าเรามีหมาอยู่ด้วย พวกสัตว์เลื้อยคลานทั้งหลายกลัวหมา


 


ความจริงก็คือ มันดีที่สุดเท่าที่หาได้ในเวลานี้ ทั้งราคาค่าเช่าที่พอจะสู้ได้  และคิดว่าจะอยู่ไปก่อนสักสองสามเดือน ให้พอมีที่นั่งลงได้อย่างไม่ร้อนรุ่ม ขอหยุดนิ่ง ๆ สักพัก แม้จะรู้สึกกลัวและวังเวงอยู่บ้างในบ้านหลังนี้


 


คิดจะจัดตกแต่งใหม่ให้มันเป็นบ้านที่น่าอยู่สะอาดสะอ้านขึ้นมา ซึ่งมันก็ยาก ตั้งแต่พื้นที่ปูเสื่อน้ำมันเอาไว้กระดำกระด่างเหมือนหนังคางคก  กลัวพวกสิงสาราสัตว์น้อยใหญ่แอบมาอยู่ด้วย โดยเฉพาะงู และตุ๊กแก แล้วฉันก็ได้พบทั้งสองอย่าง ในวันแรกที่เข้ามาอยู่ ทันทีที่เปิดหน้าต่างห้องครัวออกพบว่ามันเลื้อยช้า ๆ อยู่ข้างนอกผิวสีทองสะท้อนเป็นมัน และมันหันมาสบตาฉันด้วย เป็นครั้งแรกจริงๆ ที่ฉันเห็นตางูได้อย่างชัดเจน และฉันรู้สึกว่ามันไม่หลบตาฉัน เอาเถอะแกอยู่ก่อน ฉันยอมแกก็ได้ ฉันปิดหน้าต่างหนีตามัน และคิดว่ามันคงจะจากไปอยู่ที่อื่น เพราะมีที่รกร้างว่างเปล่ามากมายทั้งด้านข้างและด้านหลัง


 


งูเป็นสัตว์ที่ฉันกลัวเป็นที่สุด ยิ่งกลัวก็ยิ่งพบเห็นมันอยู่เสมอ  หลายครั้งที่เขาพยายามชี้ให้ฉันมองมันอย่างเพื่อนร่วมโลกให้ได้  เขาบอกว่ามันน่าสงสาร ใคร ๆ ก็เกลียดมัน เห็นแล้วก็อยากฆ่ามัน


 


ครั้งหนึ่งเขาเคยหยุดให้ฉันดูงูข้างถนน ดูมันค่อย ๆ เลื้อยผ่านหน้าเราไปอย่างช้า ๆ  ฉันจำได้ว่ากลัวสุดขีด ฉันมองเห็นมันกลับหัวมาแล้วก็ตรงเข้าฉกกัด และฉันก็ร้องเสียงดังสุดเสียงครั้งแรก


"มันไปไกลแล้ว" เขาบอก


 


ฉันคิดและมองเห็นไปเองว่ามันมาฉกกัด   ไม่มีเหตุผลใด ๆ เลยที่จะสนับสนุนการกลัวงูนอกจากคิดไปว่าเมื่ออดีตชาติฉันอาจจะเคยฆ่างูตาย หรือไม่ก็ฉันตายเพราะถูกงูกัด  ชาตินี้ฉันจึงกลัวงูมากจนถึงขั้นทั้งกลัวทั้งเกลียดมันเลยทีเดียว


 


ในระหว่างที่กำลังคิดกังวลอยู่นั้น ฉันพบคราบงูอยู่ใกล้ ๆ ประตูหลังบ้าน แค่เห็นคราบของมันฉันก็แทบจะหายใจไม่ออกแล้ว           


 


ฉันจินตนาการถึงพวกมันอย่างน่ากลัว แต่ก็ไม่ได้คิดที่จะฆ่ามันสักครั้ง  แต่จะให้ช่วยเหลือมัน ฉันก็คงไม่ทำ


 


วันนี้ครอบครัวชาช่า พร้อมใจกันเห่าเสียงดังอยู่หลังบ้าน ฉันคิดว่ามันต้องเจองู เปิดหน้าต่างห้องครัวดูก็มองไม่เห็นอะไรนอกจากหญ้าที่ขึ้นรกสูงกว่าหัว                    


 


เอาละ...ชาช่า วันนี้ฉันตัดสินใจแล้ว เราจะช่วยกันจัดการต้นหญ้าที่ขึ้นรกอยู่หลังบ้านเราเอง แกกับครอบครัวนี่แหละช่วยฉันได้  รวมพลังแรงงานแห่งรัก


 


ฉันตัดสินใจไปซื้อจอบ เสียมและกระบุง ที่ร้านของชำเล็ก ๆ ซึ่งมีขายทุกอย่าง  นี่แหละร้านของชำจริง ๆ ที่ยังคงมีอยู่ ฉันคิดว่าฉันจะซื้อของที่ร้านของชำแห่งนี้ทุกครั้ง ฉันไม่ได้รังเกียจห้างสรรพสินค้าหรือร้านค้าประเภทมินิมาร์ท แต่อยากให้มีร้านขายของชำอยู่ด้วย และหากเราไม่ช่วยกันซื้อ ไม่นานร้านขายของชำก็จะเหลือแต่เพียงตำนาน 


 


ความอบอุ่นทางใจมีที่ร้านขายของชำ มีเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับร้านขายของชำ เช่นเป็นที่แรกที่เราเริ่มจ่ายเงินครั้งแรก จำได้ว่าทุกครั้งที่ไปซื้อของจะต้องบอกเจ้าของร้านของชำว่า แม่ให้ซื้อ… ติดคำว่าแม่ให้ซื้อ เพราะแม่จะสั่งทุกครั้งว่า ไปบอกเขานะลูกว่าแม่ให้มาซื้อน้ำตาล แม่ให้มาซื้อเข็มเย็บผ้า แม่ให้มาซื้อไม้ขีดไฟ  คนขายเองก็จะชอบถามด้วยว่าใครให้มาซื้อ  ร้านขายของชำเป็นหนึ่งในไม่กี่เรื่องที่จดจำได้  


 


บู๊ทคู่เก่าที่ทิ้งไว้ในกล่องจนลืม ได้กลับมาสวมอีกครั้งหนึ่ง  และรู้สึกได้ทันทีในเวลานั้นว่ามันช่างเป็นรองเท้าที่ดีและเหมาะสมเหลือเกิน ความเหมาะสมมันขึ้นอยู่กับความจำเป็นในช่วงเวลานั้น ๆ


 


ชีวิตช่วงหนึ่งก็อาจจะเหมาะสมกับสิ่งหนึ่งอย่างหนึ่ง แต่ในอีกช่วงหนึ่งก็อาจจะไม่เหมาะสมก็เป็นได้


           


ชวนชาช่ากับชะอมเข้าไปลุย เพื่อไล่งูไปก่อน งูกลัวหมา


"ไปกันเถอะชาช่า ชะอม" ฉันส่งเสียงเรียกมัน  ฉันเอาไม้ขนาดยาว ทุบหญ้าหนา ๆ ก่อน ชาช่ากับชะอมเข้าไปบุกจริง ๆ 


 


จุ๊กจิ๊กกับพุงป่องกระโดดเข้าไปในป่ารกอย่างสนุกสนานเพราะตลอดเวลามันถูก ห้ามไม่ให้ลงไป แต่วันนี้มันเข้าไปซุกตัวอยู่ในพงหญ้า  


 


ส่งหมาเข้าไปแล้ว เอาไม้ยาว ๆ พาดลงบนพื้นหญ้า เมื่อแน่ใจว่าไม่มีงูแล้ว จึงเริ่มลงมือดายหญ้า มีจุ๊กจิ๊กหมอบอยู่ใกล้ ๆ ในขณะที่ฉันค่อย ๆ ขุดหญ้าออกอย่างยากลำบาก  หญ้าหนาและเปียก ต้องใช้วิธีขุดลากออกมาทีละนิด ๆ  กว่าจะเสร็จผ่านไปกว่าครึ่งวัน กวาดกองไว้แต่ไม่รู้จะเอาไปทิ้งที่ไหนนอกจากทำปุ๋ยอย่างเดียว


 


เหนื่อยมาก มือแตกเป็นตุ่มน้ำใส ๆ แต่ก็เป็นความภาคภูมิใจที่ทำเองได้จนเสร็จ และสบายใจที่มองเห็นลานดินเกลี้ยง ๆ แน่ใจว่าไม่มีงูอยู่บริเวณนี้


 


อีกอย่างหนึ่งพบว่า บ้านหลังนี้ไม่มีทางระบายน้ำ น้ำที่อ่างล้างหน้าแปรงฟันถูกปล่อยทิ้งไว้ใกล้ ๆ  แรกเรามองไม่เห็นเพราะต้นหญ้าหนา น้ำจากอ่างล้างจานก็เหมือนกัน ที่นี่เป็นที่ดินจัดสรร ใครปลูกบ้านก็ปลูก ต่างคนต่างปลูก ไม่มีการจัดระบบทางระบายน้ำ เพราะไม่ได้วางแผน ต่อไปเมื่อมีคนมาสร้างบ้านมาก ๆ น้ำอาจจะท่วม ครอบครัวเราเป็นครอบครัวเล็ก น้ำเสียน้อย แต่ถ้าเป็นครอบครัวใหญ่ที่ใช้น้ำมาก เราจะมีน้ำเน่าขังอยู่ข้าง ๆ บ้านเป็นแน่ จะระบายน้ำออกไปไหนก็ไม่ได้ เป็นขอบเขตที่ดินของคนอื่นทั้งนั้นและมีกำแพงปูนเตี้ย ๆ กับรั้วลวดหนาวกั้นไว้ ที่พอจะทำได้ก็คือหาต้นไม้มาปลูก ไม้ให้ร่มเงาสักสองสามต้น และปลูกพวกผักสวนครัวสมุนไพรให้ได้ประโยชน์จากน้ำที่ทิ้งไป


 


อย่างไรก็ตาม วันนี้เราฉลองการทำงานเสร็จ ด้วยการกินไอศกรีม ที่มาขายหน้าบ้าน ฉันสั่งซื้อไอศกรีมห้าถ้วย ไม่ใส่ถั่วลิสง คนขายยิ้ม ๆ เมื่อบอกว่า เอาพร้อม ๆ กัน เดี๋ยวจะแย่งกัน พุงป่องกินหมดก่อนใครและไปแย่งชาช่า มันถูกตบอัดติดดินนอนหงายยอมแพ้ พ่อค้าสงสารพุงป่องจึงแถมให้มันอีกถ้วย


 


"ชื่ออะไร" เขาถาม


"ชื่อพุงป่อง"ฉันบอก เพราะมันกินเก่งจน เรียกมันว่าพุงป่อง           


"มีหลายตัวจะให้ไปช่วยเลี้ยงบ้างก็ได้นะ พุงป่องน่ารักดี"


"แวะมาเลี้ยงที่นี่ก็ได้"ฉันบอกเขา "เลี้ยงไอศกรีมเป็นมื้อ ๆไป"


 


คนขายไอศกรีมหัวเราะเบา ๆ และปั่นจักรยานคันใหญ่จากไป


 กลับหน้าแรกประชาไท