แม่ค้าขายแซนวิช
คอลัมน์/ชุมชน
แม่ค้าขายแซนวิชอยู่ข้างป้ายรถเมล์ วันไหนฉันมาสายก็จะทักประจำว่าวันนี้มาสายนะ ฉันต้องคอยตอบคำถามเธอ แต่ก็ด้วยเต็มใจ
"วันนี้วันศุกร์แล้ว ทำงานมาสี่วันมันเพลียค่ะ วันนี้เลยตื่นสายหน่อย"
แซนวิชของป้ารสชาติอร่อยดี สองคู่สิบบาท ฉันก็เลยซื้อเกือบทุกวันเพราะไม่มีเวลาทานข้าวเช้า
"น้ำสลัดป้าทำเองเหรอ"
ฉันเดาว่าต้องใช่เพราะรสชาติหวานอร่อยดี
"เปล่าหรอก ซื้อเอาจากในห้าง"
แป่ว ! ผิดคาด
"แต่ป้าซื้อที่เขาทำมาใหม่ๆ เลยนะ ไม่เคยมีค้างคืน ปลาทูน่าก็เหมือนกัน ซื้อที่เป็นกระป๋อง แต่ก็ยี่ห้อดี ป้าจะเลือกแต่ของดีๆ เนี่ย เสาร์อาทิตย์น่ะ ทำสลัดกินเองไม่เห็นยาก ก็ไปซื้อผักมา ซอยเป็นฝอยเล็กๆ น้ำสลัดก็ซื้อของเขาน่ะแหละ กินได้ตั้งเยอะ แต่คนเราอย่างว่านะ ทำกินเองมักรู้สึกว่าไม่อร่อย ซื้อเขากินอร่อยกว่า"
วันต่อมาป้าชวนคุยอีก
"ทำงานอะไรหรือนี่ถึงไปสายได้"
ฉันไม่ตอบแต่อมยิ้ม
"วันนี้แต่งตัวสวยนะ"
"อ้าว ใส่กางเกงยีนส์ไปทำงานได้ด้วยเหรอ"
"เช้านี้อากาศร้อนอ้าวเลย ฝนต้องตกแน่ๆ"
ป้าทักฉันทุกวันๆ ตามความเปลี่ยนแปลงในตัวฉันหรือไม่อย่างนั้นก็ตามความเปลี่ยนแปลงของสภาพดินฟ้าอากาศและการจราจร
เราคุยกันได้เกือบทุกวันจนเป็นความคุ้นเคย ทั้งที่ไม่ได้อยู่ชุมชนเดียวกัน ไม่ได้ทำงานด้วยกัน นี่อาจเป็นความสัมพันธ์เชิงสังคมของคนยุคนี้ ที่เปลี่ยนแปลงไปตามสภาพสังคม
แม้โลกเปลี่ยนไป แต่ถ้าเราและคนบางคนไม่เปลี่ยน ความสัมพันธ์หนึ่งที่ดีๆ (ระหว่างเรา) ก็จะไม่เปลี่ยน
ป้าเป็นคนเดิมเช่นยุคก่อน ที่คุ้นหน้าคุ้นตากันก็ทายทักมักจี่ ไม่มีกำแพงของคนเมือง เช่นเดียวกับฉัน เราไม่เปลี่ยนแปลง แม้ว่าสังคมไหนจะเป็นอย่างไร เรายังคงความเป็นตัวตนอย่างเรา คนเก่าๆ อุปนิสัยเยี่ยงคนเก่าๆ เราจึงคุยกันได้อย่างสนิทใจทุกวัน
"รถเมล์มาแล้ว มัวคุยอยู่ได้ ไปเร้ว"
และป้าก็จำรถเมล์ที่ฉันต้องขึ้นได้ด้วยแหละ