Skip to main content

จากสนธิ...ถึงหนังสือ "อย่างว่า" หลังห้องเรียน

คอลัมน์/ชุมชน

๒๔ ๑/๖


 


อ่านชื่อเรื่องก็คงพอจะรู้แล้วใช่ไหมครับ ว่าผมจะเขียนถึงเรื่องคุณสนธิ ลิ้มทองกุล และรายการ "เมืองไทยรายสัปดาห์"


 


ส่วนสาเหตุที่ผมตั้งใจจะเขียนถึงคุณสนธิก็ไม่ใช่อะไรหรอกครับ...เป็นเพราะว่าผมเห็นคุณเมธัส เจ้าของคอลัมน์ "เสียงข้างน้อย" เขาเขียนถึงคุณสนธิอยู่หลายตอน และแต่ละตอนดูจะมีคนอ่านกันอย่างล้นหลาม ผมเลยลองเขียนถึงคุณสนธิบ้าง เผื่อว่าจะมีผู้อ่านติดตามอ่านกันเยอะแยะ และทางประชาไทจะได้เห็นความดีความชอบ ขึ้นค่าเรื่องให้ผมบ้าง (ฮา...)


 


(เอ่อ...ที่ผมเขียนไว้ในย่อหน้าที่แล้วนั้นผมล้อเล่นครับ...แต่ถ้าจะขึ้นค่าเรื่องให้จริงๆ ผมก็ไม่ปฏิเสธนะครับ  :-P)


 


จริงๆ แล้วเรื่องมันมาจากการที่ผมติดตามไปฟังรายการ "เมืองไทยรายสัปดาห์" ที่สวนลุมฯ อยู่บ้าง (ที่ไปฟังถึงที่นั่นก็ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ประกอบกับที่บ้านผมไม่สามารถดูและฟังรายการที่ว่าได้ถนัดถนี่นัก แถมอินเตอร์เน็ตที่บ้านก็ช้าเสียยิ่งกว่าเต่าขาเจ็บ จนผมรู้สึกว่าระหว่างการนั่งรอโหลดรายการทางเน็ต กับการนั่งรถเมล์ไปสวนลุมฯ...ผมว่าอย่างหลังน่าจะเร็วกว่าแฮะ) และพอไปฟัง ทางรายการก็มักจะมีวีซีดีของรายการฯ ในตอนก่อนๆ ขาย (และแจก) ให้ติดไม้ติดมือกลับบ้านกันอยู่เรื่อยๆ


 


เรื่องมันเริ่มจากตรงนี้แหละครับ ตรงที่เมื่อผมกลับถึงบ้านพร้อมๆ กับวีซีดีที่ว่า เรื่องผิดปรกติก็เริ่มเกิดขึ้น


 


เริ่มจากคุณพ่อของผมที่ธรรมดาแกฟังรายการนี้บ้าง ไม่ฟังบ้าง (แถมยังเรียกชื่อรายการนี้ โดยเรียกชื่อรายการนี้ตามชื่อคุณสโรชา พรอุดมศักดิ์-พิธีกรร่วมของรายการ แต่ดันไพล่ไปเรียกด้วยสำเนียงจีนว่าว่า "โซลชา" ซึ่งพอได้ฟังดังนั้นก็งงๆ ว่าพ่อผมหมายถึงคุณสโรชาหรือโอเล่ กุนนาร์ โซลชา- อดีตนักบอลแมนฯ ยูฯ กันแน่J) พอรู้ว่าผมได้วีซีดีรายการนี้มา ก็ขอให้ผมเปิดให้เขาดู ต่อจากนั้นเมื่อพี่ชายคนโตของผมเขารู้ว่าผมมีวีซีดีที่ว่า ก็มาขอยืมเอาไปดูที่บ้าน แถมยังขอไรท์เก็บไว้ดูอีกแน่ะ นอกจากนั้นเวลาผมเจอเพื่อนๆ ของผม เรื่องของรายการนี้ในแง่มุมต่างๆ ก็ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นหัวข้อในการสนทนาอยู่เสมอๆ


 


เรื่องมันยังไม่จบแค่นั้นครับ...


 


เมื่อผมไปเดินเล่นๆ แถวๆ ตลาดนัดคลองถมเมื่อไม่กี่อาทิตย์ที่ผ่านมา ผมพบว่าวีซีดี "เมืองไทยรายสัปดาห์" กลายเป็นสินค้าขายดีของหลายๆ ร้าน แถมเมื่อผมไปหาซื้อชั่วโมงอินเตอร์เน็ตราคาถูกแถวๆ ฟอร์จูนทาวน์ ก็พบว่ามีการนำ "เมืองไทยรายสัปดาห์" ตอนที่ถูกห้ามเผยแพร่ (ในตอนนั้น) มารวมกันหลายๆ ตอน แล้วก็ถูกไรต์ลงบนแผ่นดีวีดี ออกขายกันอย่างเอิกเกริก


 


เกิดอะไรกันขึ้นละเนี่ย...


 


อยู่ดีๆ ก็ทำให้ผมนึกถึงสมัยเรียนมัธยมขึ้นมาได้ยังไงก็ไม่รู้


 


สมัยนั้น (เขียนแบบนี้อาจจะฟังดูว่ามันผ่านไปนานมากๆ แล้ว...ไม่นานเท่าไหร่หรอกครับ แค่ประมาณสิบปีนิดๆ เท่านั้นเองJ) เด็กมัธยมในยุคนั้นก็เหมือนกับเด็กมัธยมยุคนี้ หรือเด็กมัธยมยุคไหนๆ ก็ตาม ตรงที่ยังอยู่ในช่วงวัยกำลังอยากรู้อยากเห็นในเรื่องที่อยู่นอกเหนือจากในตำราเรียน


 


"เรื่องอย่างว่า" ก็เป็นเรื่องหนึ่งที่วัยรุ่นสนใจ และกระหายใคร่รู้ (จริงๆ ถ้าพูดให้ถูก...ทุกวัยมันก็สนใจเรื่องแบบนี้เหมือนกันนะแหละ) แถมยังเป็นเรื่องที่โรงเรียนไม่ชอบนักที่จะให้เรารู้ (ถึงจะมีให้ได้รู้บ้างในวิชาสุขศึกษา ก็เป็นการเรียนรู้ในแง่สรีระเท่านั้น)


 


เมื่อเวลามีเพื่อนคนไหนได้หนังสือ "อย่างว่า" มา (ในสมัยนั้นอินเตอร์เน็ตยังไม่แพร่หลายมากมายขนาดนี้) เพื่อนๆ ที่เหลือก็มักจะล้อมวงกันเข้ามาหาเขาที่หลังห้องในช่วงเวลาพักเที่ยง หรือไม่ก็ช่วงพักก่อนเริ่มคาบเรียนใหม่ หรือไม่ถ้าได้วีดิโอ "อย่างว่า" กันมา ก็ไม่แปลกที่เพื่อนๆ จะหาเรื่องนัดกันไปที่บ้านของเพื่อนสักคนที่บ้านมีเครื่องเล่นวีดิโอเพื่อดูด้วยกัน


 


ที่ผมเล่าได้เป็นฉากๆนี่ก็ไม่ใช่ว่าตัวเองเคยอยู่ในกลุ่มนั้นหรอกนะครับ...แค่ได้ยินเขาเล่าต่อๆ กันมาเท่านั้น (ฮา...)


 


แล้วเรื่องของคุณสนธิ กับเรื่อง "อย่างว่า" มันเหมือนกันตรงไหนหนอ? แน่นอนว่ามันไม่เกี่ยวกับประเด็นทางสรีระแหงๆ (ฮา...)


 


แต่มันเหมือนกันตรงที่มันตรงกับธรรมชาติของมนุษย์ ที่มักจะสนอกสนใจในเรื่องที่ถูกเก็บงำเอาไว้ ซึ่ง "ข้อมูล" ที่คุณสนธินำมา "แฉ" ก็ไม่ต่างกับสิ่งที่เพื่อนๆ ของผมได้เห็นในหนัง "อย่างว่า" น่ะแหละ (ถ้าถามผมว่าสิ่งที่คุณสนธิเอามาพูดในรายการมันจริง-เท็จขนาดไหน ก็คงต้องวอนท่านผู้อ่านไปคิด พิจารณา และหาข้อมูลให้รอบด้านก็แล้วกันJ) เข้าทำนองว่ายิ่งปิดมันมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้อยากรู้-อยากดูมากขึ้นเท่านั้น


 


ถ้า "พี่คนนั้น" (และชาวคณะ) เขาฟังพวกเราบ้าง และไม่ตอบกลับอย่างรุนแรง เมื่อเราพูดอะไรไม่เข้าหูเขา  ในขณะเดียวกันถ้าหนังสือเรียนสุขศึกษาจะบอกเราเรื่องอื่นๆ นอกจากการสอนเรื่องสุขอนามัย และศีลธรรมแบบขาดๆ พร่องๆ แล้ว เหตุผลที่จะไปแอบรับเรื่องแบบนี้อย่างหลบๆ ซ่อนๆ แต่ค่อยๆ กระพือขึ้นเรื่อยๆ ก็คงไม่มีหรอกครับ


 


แต่ถ้าเรา "เสนอ" แล้วพี่เขาไม่ "ตอบสนอง" (กรุณาอ่านให้เป็นทำนองเพลง "น้ำค้างเดือนหก" จะสนุกขึ้นเป็นกองJ) ล่ะก็...ตัวใครตัวมันล่ะครับ