Skip to main content

ซาดัส

 


 


 


ซาดัสถือกำเนิดขึ้นพร้อม ๆ กับที่อรุณรุ่งได้จรัสความรังรองเหนือพื้นผิวโลก แดดล้อทอประกายระยับเหนือแผ่นน้ำ เกลียวคลื่นขับขานบทเพลงแห่งการเดินทางไกลเพื่อต้อนรับการสัญจรมาสู่โลกของหนูน้อย มีความรื่นเริงและความเป็นมิตรอยู่ในมวลบทเพลงเหล่านี้ ซึ่งก็เฉกเช่นเดียวกับดวงหน้าและจิตใจของซาดัส


 


หนูน้อยแย้มยิ้มอยู่เสมอ ดวงหน้าที่ฉาบไว้ด้วยความบริสุทธิ์ของหนูน้อยยังความเบิกบานใจแก่ผู้ที่ได้พบเห็น


 


"วงหน้าของซาดัสคล้ายกับเพ็ญแห่งจันทร์อย่างไรก็อย่างนั้น"   ใครบางคนบอก


"ข้ารู้แล้วว่าทำไมจึงมีปะการังหลากสีในท้องทะเล" อีกคนหนึ่งบอก


 


ซาดัส เป็นลูกคนแรกและคงจะเป็นลูกคนสุดท้ายของสามีภรรยาคู่หนึ่งที่อยู่อย่างร้างไร้บุตรมานานปีดีดัก คู่สามีภรรยาทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ลูกมาเลี้ยงสักคน  จนกระทั่งทั้งคู่ยอมรับเงียบๆ แล้วว่าจะต้องแก่เฒ่าตามลำพังโดยไม่ได้อุ้มชูเด็กตัวน้อยๆ แต่แล้วซาดัสก็มา การถือกำเนิดของซาดัสเป็นเหมือนของขวัญจากพระผู้เป็นเจ้าที่คู่สามีภรรยาได้รับหลังจากปฏิบัติตนเยี่ยงศาสนิกที่ดีมาตลอดชีวิต


 


ซาดัสร้องอ้อแอ้ เมื่อผู้เป็นมารดาพยายามยั่วให้ยิ้ม "ช่างบริสุทธิ์เหลือเกิน งดงามเหมือนมรกต"   ผู้เป็นมารดารำพึง


 


ความบริสุทธิ์ของซาดัสคือความบริสุทธิ์ที่ตกทอดจากดึกดำบรรพ์เมื่อครั้งที่มนุษย์ยังไม่รู้จักคำว่าบาป


 


ผู้เป็นบิดากล่าวว่า  "ลูกเอ๋ย ข้าฝันเห็นเจ้ามานานหลายปีแล้ว และข้าก็เชื่อว่าไม่วันใดวันหนึ่งเจ้าจะมาอยู่กับเรา"


 


ความสวยงาม และความมีชีวิตชีวาของซาดัสยังความปีติให้ไม่เฉพาะแต่ป๊ะกับมะผู้เลี้ยงดูเท่านั้น แต่ทุกคนในหมู่บ้านต่างพากันยินดีและมีความสุข  


 


ใครๆ ต่างก็อดไม่ได้ที่จะร้องทักทายเมื่อเดินผ่านหน้าบ้าน  ซาดัสตอบเสียงทักทายด้วยการส่งเสียงอ้อแอ้เอาแต่ใจ


 


เมื่อได้เห็นซาดัสแล้ว บางคนปักใจเชื่อว่าส่วนที่ดีที่สุดแห่งความเป็นมนุษย์นั้นได้สถิตอยู่ในตัวของซาดัส และถึงแม้ว่าราคีโทษทั้งหลายจะดำรงอยู่จริงในพื้นพิภพนี้  มันก็ไม่อาจย่างกรายมาสู่หนูน้อยได้เลย ไม่มีร่องรอยแห่งความทุกข์ลำเค็ญและความอัปลักษณ์แห่งมนุษย์ติดตัวของหนูน้อยแม้แต่นิดเดียว


 


เล่ากันว่ามีฝูงปลามากมาย ว่ายกระโดดด้วยความยินดีอยู่ใกล้กับบ้านซึ่งยื่นออกไปในทะเลขณะหนูน้อยคลอดออกมาและเปล่งเสียงร้องทักทายโลกเป็นครั้งแรก ปลาโลมาเป็นฝูงกระโดดอย่างร่าเริงอยู่หน้าเกาะ ซึ่งโดยปกติแล้วมันจะไม่มาปรากฏตัวให้เห็นในบริเวณนี้อย่างเด็ดขาด สัตว์น้ำที่เคยหนีหายไปเพราะป่าโกงกางถูกทำลาย พากันหวนกลับมาใหม่ และป่าโกงกางก็งอกงามขึ้นอีกครั้ง ชาวประมงจับปลาได้มากกว่าที่เคย  ร้านน้ำชาริมทะเลก็คึกคักกว่าเก่า ส่วนพวกคนหนุ่มๆ พากันเข้ามัสยิดอุทิศตนให้กับความศรัทธาทางศาสนา  ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้ให้ความสำคัญมากนัก


 


หนูน้อยโตขึ้นอย่างรวดเร็ว คนที่มาแถวสะพานปลา จะพบซาดัสวิ่งเล่นอยู่กับเพื่อนๆ ตามประสาเด็กหรือบางทีเมื่อน้ำทะเลขึ้นและเอ่อท่วมมาจนเกือบถึงทางเดิน ก็จะเห็นว่าเจ้าหนูกำลังดำผุดดำว่ายอย่างไม่รู้จักหน่ายอยู่อย่างนั้นราวกับเป็นปลา


 


บางคนที่ไม่ได้พบหน้าซาดัสบ่อยนักก็จะร้องว่า  "ซาดัสโตขึ้นจนเกือบจำไม่ได้แน่ะ"


 


ซาดัสดำเนินชีวิตไปแบบเดียวกับเด็กคนอื่น  ๆ ในหมู่บ้าน เขาเรียนรู้วิธีหาปลาแบบต่าง ๆ ทั้งที่จับด้วยมือเปล่าซึ่งต้องดำน้ำได้นานและที่ต้องใช้เครื่องมือชนิดต่าง ๆ  เขาหัดถือหางเสือเรือในยามที่ออกท่องท้องทะเลกับป๊ะ


 


"สุดขอบท้องทะเลอยู่ที่ไหนฮะ" เขาถามป๊ะ


"เอ่อ เข้าใจถามแฮะ"


"เราจะล่องเรือไปที่สุดขอบทะเลได้มั้ย"


"ทะเลไม่มีที่สิ้นสุด" ป๊ะของเขาตอบ "นอกเสียจากจะเจอแผ่นดิน"


 


เมื่อซาดัสโตพอที่จะเข้าโรงเรียน ป๊ะก็ส่งเขาเข้าโรงเรียน คุณครูทุกคนล้วนแต่ชอบซาดัส


"ไม่น่าเชื่อว่าลูกคนหาปลาจะมีผิวพรรณหน้าตาน่ารักขนาดนี้" ครูประจำชั้นบอก


 


ซาดัสเรียนได้ดีปานกลาง หากเขาเอาใจใส่การเล่าเรียนอีกเพียงนิดเขาก็จะเป็นเด็กที่เก่งที่สุดของโรงเรียนได้สบาย แต่เขาไม่ค่อยชอบการเล่าเรียนในโรงเรียนมากนัก เขาชอบท้องทะเลมากกว่า


 


ในตอนเย็นซึ่งเป็นเวลาน้ำลด เขาและเพื่อน ๆ จะเดินเล่นไปตามชายหาดเพื่อสำรวจดูว่ามีอะไรบ้างที่ทะเลซุกซ่อนไว้ ซึ่งจะพบทั้งปลาหมึก ปลาดาว ม้าน้ำ ปลาตีน หอยชนิดต่าง ๆ  ปูหลากชนิด หญ้าทะเล และพืชชนิดต่าง ๆ


 


ในวันเสาร์  เขาไม่ต้องไปโรงเรียน ซาดัสบอกป๊ะว่าอยากไปเที่ยวตลาดนัดที่อยู่บนแผ่นดินใหญ่ ป๊ะกับมะจึงพาซาดัสไปเที่ยวยังตลาดนัด ซาดัสเจอสิ่งแปลกตาน่าสนใจมากมายไม่ว่าจะเป็นขนมประเภทต่าง ๆ ของเล่นก็มีเยอะแยะ   แต่เขาไม่เคยรบเร้าอยากได้นั่น อยากได้นี่เลย เขารู้ดีว่าฐานะครอบครัวเป็นอย่างไร


 


ขากลับ ซาดัสนั่งอยู่ตรงหัวเรือ เขาชอบนั่งตรงนั้นเสมอ ซาดัสยืนขึ้นเมื่อมองเห็นฝูงปลาโลมากระโดดขึ้นเหนือน้ำ และพากันว่ายน้ำแข่งกับเรือหางยาว


"ฉันอยากว่ายน้ำเร็วอย่างปลาโลมา" ซาดัสนึก


 


ป๊ะของซาดัสมองไม่เห็นว่า ข้างหน้ามีขอนไม้ใหญ่ลอยขวางอยู่ ในวินาทีนั้นเอง เรือหางยาวจึงชนเข้ากับขอนไม้ใหญ่นั้นอย่างจัง  เรือหางยาวหมุนคว้าง   ซาดัสเสียหลักและหล่นร่วงลงไปในท้องทะเล แม่ของเขาร้องเสียงหลง


 


ป๊ะของซาดัสดับเครื่องยนต์และกระโดดลงไปในทะเลทันที  ไม่พบซาดัส !


มะของซาดัสกรีดร้องเมื่อเห็นน้ำทะเลเจือด้วยสีของเลือด  ป๊ะของซาดัสดำลงไปในตำแหน่งที่เลือดลอยขึ้นมา ลึกและนาน พบซาดัส อยู่ใกล้ ๆ กับขอนไม้ใหญ่


 


ใบหน้าของซาดัสถูกใบพัดของเรือหางยาวเฉือนเป็นรอยแผลใหญ่ ใบหน้างดงามไร้เดียงสานั้นถูกย้อมด้วยเลือด มะของซาดัสร้องสะท้านเมื่อเห็นสภาพของซาดัส เด็กน้อยหมดสติ


 


ะรีบพาซาดัสไปโรงพยาบาลซึ่งอยู่บนแผ่นดินใหญ่ มะนั่งกอดร่างไร้สตินั้นไปตลอด นางคร่ำครวญต่อว่าโชคชะตาที่ทำกับนางอย่างนี้ เพื่อนบ้านที่สวนทางในท้องทะเลพยายามไต่ถามว่าเกิดอะไรขึ้น นางไม่ตอบว่ากระไร ส่วนป๊ะนั้นนิ่งเป็นรูปปั้น เป็นรูปปั้นที่มีน้ำตาคลอ


 


มะเช็ดเลือดออกจากใบหน้าเล็ก ๆ  ของซาดัส และเห็นรอยแผลเป็นทางยาว นางเจ็บปวดเหลือจะกล่าว  ริมฝีปากบางของซาดัสขมุบขมิบ ดวงตากลมนั้นหลับอยู่ภายใต้แผงขนตา เลือดยังคงซึมออกมาทางบาดแผล


 


เมื่อไปถึงแผ่นดินใหญ่ ป๊ะต้องว่าจ้างรถให้ไปส่งที่โรงพยาบาลซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 10 กิโลเมตร เพื่อนบ้านที่อยู่ที่ตลาดเมื่อรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พยายามพูดปลอบใจและนั่งเป็นเพื่อนไปโรงพยาบาลด้วย


 


.........


 


"ซาดัสไม่เป็นอะไรมาก" หมอที่โรงพยาบาลบอก "โชคดีที่ใบพัดเฉือนเข้าไปไม่ลึกและไม่โดนดวงตา ไม่งั้นล่ะแย่แน่ ๆ"


 


ซาดัสฟื้นแล้ว ดวงตาของเขายังใสแจ๋วเหมือนเดิม ใบหน้าของเขายังงดงามเหมือนดวงจันทร์ หากแต่มีรอยขีดพาดผ่าน"


 


มะกอดซาดัสไว้และบอกว่า "ลูกสวยงามเหมือนมรกต"


"ไม่เหมือนแล้วล่ะ" ซาดัสพูด "ผมมีรอยแผลเป็น"


"นั่นล่ะ มรกต" นางยิ้มอย่างโล่งใจ


"มรกตทุกเม็ดต่างก็มีรอยร้าว มีรอยขีดข่วนทั้งนั้น"   นางบอก


ซาดัสก็เป็นมรกตอีกเม็ดหนึ่ง


 


                                                                       


                                                                                                 กลับหน้าแรกประชาไท