เด็กไทยผูกพันกับอะไร
คอลัมน์/ชุมชน
สัปดาห์ที่แล้วผมไปประชุมที่โตเกียว 5 วัน เป็นการประชุมว่าด้วยชีวจริยธรรม (Bioethics) ของตัวแทนรัฐบาลประเทศต่างๆ ซึ่งจัดขึ้นโดยยูเนสโก
หลังการประชุมในแต่ละวันผมนั่งรถไฟใต้ดินไปยืนสังเกตบรรยากาศตามสถานที่ที่เคยได้ยินชื่อมาก่อน ส่วนใหญ่ก็รู้จักและได้ยินชื่อสถานที่เหล่านี้จากหนังสือการ์ตูนที่เคยอ่านครับ
ชินจูกุ กินซ่า รปปงงิ ชิบูยา บางสถานที่ไปกลางวัน บางสถานที่ไปกลางคืน ผมไม่เคยเห็นคนมากมายเช่นนี้มาก่อนเลย เกิดมาเคยเห็นแต่สยามสแควร์กับเยาวราชว่ามากแล้ว มายืนดูคนเดินช็อปปิ้งในโตเกียวแล้วใบ้กิน (สำหรับคนที่เคยไปโตเกียวแล้ว ไม่ต้องอ่านบทความนี้ก็ได้ครับ)
ย่านช็อปปิ้งดังๆ ในโตเกียวกว้างขวางเดินไม่รู้จักหมด สถานีรถไฟและสถานีรถไฟใต้ดินเชื่อมต่อกับทางเดินซึ่งเต็มไปด้วยร้านขายของอย่างซับซ้อน สาวๆ และไม่สาวแต่งแฟชั่นฤดูหนาวชวนมอง เวลาข้ามถนนกันแต่ละรอบคะเนว่า น่าจะมีจำนวนคนข้ามถนนรอบละมากกว่าหนึ่งพันคน มืดฟ้ามัวถนน
อ่านหนังสือพบว่า เฉพาะที่บริเวณสถานีรถไฟชินจูกุ มีคนใช้บริการวันละ 2 ล้านคน
ใครที่เคยดู Lost in Translation นำแสดงโดยแดน แอ็คครอยด์ กำกับโดยโซเฟีย คอปโปลา ลูกสาวของฟรานซิส ฟอร์ด คอปโปลา คงจำไดโนเสาร์ตัวใหญ่และฝูงช้างที่เดินผ่านจอฉายหนังบนตึกสูงได้ ภาพนี้เห็นได้จากบริเวณหน้าสถานีรถไฟชิบูยา ผมไปยืนดูจอหนังขนาดยักษ์ 3 จอนั้นด้วยความงุนงง ระหว่างนั้นคลื่นมนุษย์จำนวนมหาศาลเดินเข้าเดินออกสถานีรถไฟและข้ามถนนกันอย่างสนุกสนาน
โดยรวมๆ ผมสนุกกับภาพที่เห็นมาก
แต่ก็รู้สึกด้วยว่า นี่คือสังคมที่อลหม่านอย่างยิ่ง บริโภคนิยมอย่างยิ่ง วัตถุนิยมอย่างยิ่ง นี่คือสิ่งที่เรียกกันว่า chaos ผีเสื้อตัวเดียวกระพือปีกแถวนี้น่าจะทำให้ผู้คนเหยียบกันตายได้โดยง่าย แต่เท่าที่เห็นคืนนั้นไม่มีผีเสื้อสักตัว เดาว่าแข็งตายเพราะอากาศไปก่อนแล้ว ความหนาวเย็นและบรรยากาศก่อนคริสตมาสทำให้ทุกคนที่เห็นดูยิ้มแย้มแจ่มใสสดชื่นกันถ้วนหน้า
คำถามคือทั้งหมดนี้มั่นคงเพียงใด ตึกที่สูงขึ้นเสียดฟ้าพร้อมจอหนังไฮเทคฉายภาพตระการตานั้นมั่นคงเพียงใด พื้นดินที่คนนับล้านเดินช็อปปิ้งกันอยู่แข็งแรงเพียงใด ตึกสูงและพื้นดินเป็นรูปธรรมที่ผมมองเห็น ยังมีส่วนที่ผมมองไม่เห็น เช่น เงินในกระเป๋าแต่ละคนมีมากเพียงใด เศรษฐกิจแบบนี้จะอยู่ได้นานเท่าใด
ผมไม่ทราบตื้นลึกหนาบางของสังคมญี่ปุ่นหรอกครับ เท่าที่อ่านหนังสือพิมพ์ Japan Time ในโรงแรมที่พัก 5 วัน ก็พบบทความที่ว่าด้วยอัตราการฆ่าตัวตายของคนญี่ปุ่นที่กำลังสูงขึ้น จำนวนคดีอาชญากรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งคดีฆาตกรรมเด็กๆ เพิ่มมากขึ้น รัฐบาลญี่ปุ่นกำลังแก้ปัญหาเรื่องตึกสูงจำนวนหนึ่งสร้างต่ำกว่ามาตรฐานไม่สามารถรองรับแผ่นดินไหวขนาด 5 ริกเตอร์ได้ กรณีคอร์รัปชั่นก็มีให้อ่านเช่นกัน
ผมไม่ทราบว่าผู้คนนับล้านที่ชินจูกุ กินซ่า รปปงงิ และชิบูยาเหล่านั้นมั่นคงเพียงใด พอๆ กับไม่ทราบว่าผู้คนที่กำลังช้อปปิ้งอยู่ที่สยามสแควร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ และสยามพารากอนมีความมั่นคงเพียงใด
ท่ามกลางความสับสนอลหม่านที่เห็น ผมภาวนาให้แต่ละคนโดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นควรมีความผูกพันกับอะไรบางอย่างอยู่บ้าง และความผูกพันนั้นควรแข็งแรงมากพอที่จะรับมือกับเหตุการณ์คาดไม่ถึงยามที่ทุกอย่างล่มสลาย คือ ตึกถล่ม พื้นถล่ม หรือเศรษฐกิจถล่ม
ความผูกพันที่ว่าคือ สายสัมพันธ์ที่มีต่อคุณพ่อคุณแม่ ต่อผี และต่อศาสนา ทั้งสามประการนี้จะเป็นฐานทางจริยธรรมที่แข็งแรงช่วยให้เด็กๆ มั่นคงรอบด้าน
สายสัมพันธ์ที่มีต่อคุณพ่อคุณแม่ จะช่วยนำเด็กกลับบ้าน ช็อปปิ้งเหนื่อยแล้วก็ให้รู้จักกลับบ้าน
สายสัมพันธ์ที่มีต่อผี จะช่วยให้เด็กๆ ไม่ทำชั่ว แม้ว่าจะไม่มีคนมองเห็น
สายสัมพันธ์ที่มีต่อศาสนา จะช่วยให้เด็กๆ มีศรัทธาและความเข้มแข็งอยู่เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อถึงเวลาทุกอย่างถล่มลง
ความผูกพันหรือสายสัมพันธ์ที่มีต่อคุณพ่อคุณแม่ ผี และศาสนา ทั้งสามนี้ที่แท้แล้วเป็นเรื่องเดียวกัน เวลาวิกฤตที่เด็กๆ สามารถสร้างสายสัมพันธ์เหล่านี้ให้แข็งแรงได้คือประมาณก่อนสามขวบเท่านั้นเอง
ถึงตรงนี้ต้องขอออกตัวว่าสำหรับเด็กที่ไม่มีพ่อไม่มีแม่นั้น ขอผู้ใหญ่สักคนก็ทดแทนได้ มิใช่ว่าครอบครัวในอุดมคติต้องมีพ่อและแม่เท่านั้น ครอบครัวที่ไม่มีพ่อไม่มีแม่ก็สามารถเป็นครอบครัวที่แข็งแรงได้เช่นกัน
สายสัมพันธ์สร้างกันอย่างไร โปรดติดตามตอนต่อไป