Skip to main content

ชีวิตฤดูหนาวที่อยู่ในข้าวหนุกงา

คอลัมน์/ชุมชน





 


ลมพัดอยู่ในอากาศ


กระไอหมอกตกหล่นระหว่างสายตา คลุมเครืออยู่ในทุกย่างก้าวของเช้าตรู่


ฉันปั่นจักรยาน และจอดเอาไว้ข้างเสาไฟฟ้า มองโต๊ะไม้ง่ายๆ ที่คลุมด้วยพลาสติกลวดลายสีน้ำตาล


อาหารเช้าเกือบสิบชนิด ล้วนทำขึ้นจากฝีมือของผู้หญิงวัยกลางคนที่เห็นหน้ากันทุกเมื่อเชื่อวัน


เพียงแต่วันนี้ บนโต๊ะตัวเดิมมีห่อใบตองสีเขียวสด วางเรียงรายกันอยู่


 


"เรียกว่าข้าวหนุกงาเจ๊า"


แม่ค้าตอบทันทีที่เห็นฉันมอง


ในนั้นฉันจินตนาการถึงข้าวร้อนๆ คลุกกับเม็ดงาดำที่ตำบดผสมกับเกลือ


เมื่อลองแกห่อดู ก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ


 


"น่ากินจังเลยค่ะ"


"ห่อละ 5 บาท ลองซื้อแล้วชิมดูสิ"


ฉันตัดสินใจแกะห่อแล้วชิมทันที ข้าวเหนียวยังอุ่น มีความนุ่ม ไม่แข็งกระด้าง


ในรสจืดมีความเค็ม ในความเค็มมีความหอม


ในความหอมมีจินตนาการบางอย่างแล่นผ่านอยู่


เพราะอาหารชนิดนี้ นอกจากฝีมือของแม่แล้ว ยังไม่เคยได้กินจากฝีมือใครอีก


 


ข้าวหนุกงาเป็นอาหารยามเช้าของฤดูหนาว


เป็นอาหารประจำบ้านที่ไม่เคยคิดฝันว่าจะมีคนทำขาย


ตอนเด็กๆ เมื่อตื่นนอน จะได้ยินเสียงแม่โขลกเม็ดงาผสมเกลืออยู่บริเวณครัวเล็กๆ


และแน่นอนว่าก่อนหน้านั้นไม่กี่วัน เม็ดงาเหล่านั้น ถูกเก็บและเด็ดจากต้น


ห้อยหัวตากไว้บนราวตากผ้าหลังบ้าน แม่ปลูกต้นงาเอาไว้ในพื้นที่เล็กๆ


เพียงพอสำหรับการทำข้าวหนุกงาไปตลอดทั้งฤดู


 


"ข้าวหนุกงาที่ดีต้องไม่จับกันเป็นก้อน"


แม่บอกขณะโรยเม็ดงาบดลงบนข้าวเหนียวที่เพิ่งสุกใหม่


ใช้ไม้พายคนให้กระจัดกระจายบนโกบข้าวที่ทำจากไม้แผ่น


จากนั้น ก็แบ่งส่วนให้เป็นกองๆ แล้วจัดยัดลงไปในครกอีกครั้งหนึ่ง


แม่โน้มตัวไปข้างหน้า แขนเล็กๆ ออกแรงคลุกเคล้าให้ข้าวรวมกับงา


แม่บอกว่าวิธีแบบนี้จะทำให้ข้าวนุ่มยิ่งขึ้น เวลากัดจะไม่รู้สึกสะดุดกับเม็ดข้าว


มันจะหลอมรวมกันจนกลายเป็นก้อนขนม


เพื่อให้เราเลือกหยิบกินตามใจชอบ ก่อนฉันจะเดินเตาะแตะไปโรงเรียนพร้อมกระเป๋าหนังสือ


 


ในฤดูหนาวนั้นมีอาหารอีกหลายชนิด


ที่ล้วนได้ชิมหลากรส หลากสูตรเมื่อเติบโตขึ้น


แต่ไม่มีอะไรมาแทนที่ข้าวหนุกงาของแม่ได้


ระหว่างเวลาที่ข้าวหนุกงาถูกเคี้ยวอยู่ในปาก


รับรู้รสชาติ ความหอม ความเหนียว ความนุ่ม


ฉันคล้ายเห็นแสงตะวันกำลังแหวกว่ายหมอกหนาขึ้นสู่ที่สูง


ดอกไม้สีแดงสดบนผ้าถุงของแม่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ในห้องครัว


เสียงครก เสียงตักน้ำ ผ้าที่ตากอยู่บนราว


ทุกอย่างกลับกลายเป็นส่วนประกอบไปหมด


ของฤดูหนาวในเช้าปัจจุบันนี้


 


"เอาอีก 3 ห่อค่ะ"


ฉันบอกแม่ค้า พร้อมมัดห่อใบตองที่ถืออยู่ให้เหมือนเดิม


แม้รสชาติที่ชิมไปเมื่อครู่ จะไม่เหมือนที่เคยกินตอนเด็กๆ


แต่ข้าวหนุกงาที่อยู่ตรงหน้านั้น


ก็ทำให้ฉันได้รับรู้ วัยเยาว์นั้นมีอยู่จริง


และไม่ได้หายไปกับกาลเวลา


 


เช้านี้ฉันปั่นจักรยานกลับบ้าน พร้อมตะกร้าที่มีข้าวหนุกงาและดอกไม้


จัดแจกันเสร็จแล้วนึกถึงใครบางคนที่อยู่ไม่ไกล


เขาเคยชวนเอาไว้ว่าอยากให้ไปเยี่ยมบ้าน


คิดเล่นๆ จะกลับไปถามว่า ที่บ้านมีแม่ที่ตื่นมาทำข้าวหนุกงาให้กินด้วยไหม


ถ้าตอบว่า "มี" เมื่อไหร่ วันนี้อาจต้องจัดกระเป๋าทันที


ก็เป็นได้ : )