ปีใหม่ ชีวิตเก่า : เราต่างหมุนวนรอบตัวเอง
คอลัมน์/ชุมชน
"ปีใหม่ปีนี้ไปเที่ยวไหน?..." หลายคนเอ่ยถามทุกครั้ง เมื่อใกล้ถึงวันสุดท้ายแห่งปี
"คงไม่ไปไหนหรอก อยากอยู่นิ่ง ๆ มากกว่า..." ผมส่ายหน้า บอกทุกคนอย่างนั้น
ใช่หรือไม่ว่า บางห้วงยามของชีวิตคนเรานั้นอยากอยู่นิ่ง ๆ อยู่กับที่ ไม่อยากเดินทางไปไหน
"แต่การเดินทาง ก็เป็นการพักผ่อนมิใช่หรือ" ใครบางคนขัดแย้ง
ผมนิ่งเงียบ ไม่ได้คัดค้าน แต่เริ่มพูดคุยกับตัวเองภายใน
ชีวิตคือความจริงตามที่ตาเห็น
หรือเป็นเพียงภาพฉากหนึ่งในความฝัน
ที่พอตื่นขึ้นมา มันก็อันตรธานไป...
โลกกึ่งจริงกึ่งฝัน หลอกล่อเราให้เผชิญ ด้นเดินไปข้างหน้า
บนถนนการเดินทางที่ดูเหมือนฝัน ๆ เราอาจได้พบชีวิตจริงที่เกินฝัน...
"ไพวรินทร์ ขาวงาม" เคยบันทึกเอาไว้ใน "เพราะภาพพูดได้ หัวใจจึงขอฟัง"
ผมหยิบมาอ่านทวนอีกครั้ง พร้อมกับปลดปล่อยอารมณ์อยู่บนเปลที่แขวนอยู่หน้าระเบียงไม้บ้านเช่าหลังเก่า
บางห้วงผมเริ่มตั้งคำถามกับตัวเอง...
หรือว่าแท้จริงแล้ว ชีวิตเราไม่ได้เดินทางไปไหนไกลเลย
เราต่างหมุนวนรอบตัวเอง
* * * * *
แดดสายเดินทางมา ทำให้หมอกหนาวค่อย ๆ คลี่จางหาย
ผมยังอยู่ที่เดิม มองออกไปเบื้องหน้า ความจริงอยู่เบื้องหน้า...
ต้นสะเดาหน้าบ้านกำลังแตกยอดผลิดอกขาวตามกิ่งก้านสาขา
บ้างพาตัวเองแยกแตกยอดออกตามตุ่มตาของโคนต้น จนน่าแปลกใจ
จำได้ว่า ก่อนนั้น ต้นสะเดามันเกือบตายไปแล้ว จู่ ๆ ใบที่เคยเขียวสดเริ่มเหลืองโรยร่วงลงเต็มลานดิน ลานระเบียง จนรู้สึกผิดปกติ ตอนแรกนึกว่านี่ช่วงฤดูผลัดใบ เพื่อรอการผลิใบใหม่
จนวันหนึ่ง ผมเห็นคนงานชาวไทยใหญ่กำลังก้มเงย ๆ ใช้จอบขุดดินรอบโคนต้น
"ทำอะไรเหรอ..." ผมเอ่ยถามเขา
"ขุดดินออกครับ มันแน่น ต้นไม้มันหายใจไม่ออก" เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงซื่อใสแฝงความอ่อนโยน
ต้นไม้หายใจไม่ออก...ผมชอบถ้อยคำ ๆ นี้มาก
เป็นถ้อยคำดูซื่อ ๆ ไม่ต้องประดิดประดอย แต่ให้ความหมายความรู้สึกอย่างมาก
เขาบอกว่า หลังจากรอดูการร่วงของใบสะเดามานานหลายวันแล้ว
คงไม่ใช่การสลัดใบแน่นอน แต่มันกำลังจะตาย
อาจเป็นเพราะดินเหนียวที่อัดแน่นโคนต้นจนทำให้มันหายใจไม่ออก
ผมเข้าใจความรู้สึกของเขา ที่คน ๆ หนึ่ง พยายามช่วยเหลือชีวิตต้นไม้ต้นหนึ่ง
ใช่ ชีวิตหนึ่งกับการพยายามช่วยยื้อชีวิตหนึ่ง.
ผ่านไปหลายวัน อาการของสะเดาต้นนั้นก็ไม่ดีขึ้น
รุ่งเช้า คนงานคนนั้นพาต้นไม้ต้นใหญ่สองต้น ใส่รถบรรทุกมาจอดอยู่หน้าบ้านเช่า
พวกเขากำลังพาต้นไม้ต้นใหม่มาปลูกเสริมหน้าบ้าน
"มันไม่รอดแน่ ๆ เจ้านายก็เลยให้พามาปลูกแทนสะเดา" เขาเอ่ยเบา ๆ ก่อนลงมือปลูก
ผมพูดไม่ออก ได้แต่นิ่งอยู่อย่างนั้น.
* * * * *
บางครั้ง ความอัศจรรย์แห่งชีวิตมักเผยแสดงออกมาให้เราได้พบเห็นอยู่เสมอ
เหมือนกับผมยามนี้ เมื่อจู่ ๆ ต้นสะเดาต้นนั้นพลิกฟื้นคืนชีวิตกลับมาอย่างไม่น่าเชื่อ
มันเริ่มผลิใบเขียวสดออกมาอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับผลิดอกผลิยอดอ่อนออกมาให้เห็นอยู่ทุกวันๆ
ทว่าเมื่อผมจ้องมองออกไปอีกครั้ง...
มองเห็นต้นไม้สองต้นที่เขาขนมาปลูกแทนต้นสะเดา กลับยืนต้นตายซากอยู่อย่างนั้น
"มันถูกด้วงกัดกินเนื้อไม้ข้างใน" เขาบอกผม
เคยใช่ไหม กับการที่เราคิดว่าไม่รอด กลับฟื้นตื่น
กับสิ่งที่เราว่ารอด แต่กลับแห้งหายตายจาก
ทุกวันนี้ สะเดาต้นนั้นกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีค่าสำหรับผู้ผ่านทางไปมา
คนข้างบ้านเดินมาขอยอดสะเดาไปจิ้มน้ำพริก
นกเขา นกเอี้ยง นกกระจิบบินมาเกาะกิ่งสะเดา หยอกล้อ ร้องเพลงก่อนบินจากไป
รอบโคนต้นสะเดามีดอกคุณนายตื่นสาย ผักบุ้ง ตำลึง พริก มะเขือ มะละกอ ซ่อนแซมคลุมผืนดิน
บางชีวิตของพืชพันธุ์ มาพร้อมกับหมู่นก บางพืชพันธุ์ก่อเกิดโดยไม่ตั้งใจ
จากการที่ใครหลายคนเอาเมล็ดหล่นทิ้งไว้ตรงนั้น
ผมรดน้ำให้ทุกวัน ๆ เพื่อต้อนรับการเกิดใหม่อีกครั้งหนึ่งของสะเดา
และผมกำลังเดินหมุนวนอยู่รอบตัวเอง.
* * * * *
เพื่อนคนหนึ่ง โทรศัพท์เข้ามาทักทาย บอกว่าตอนนี้กำลังเดินทางไปเยือนภูเขา
พาคณะขนผ้าห่ม เสื้อกันหนาว ไปแจกเด็ก ๆ พี่น้องบนดอย
อีกคนบอกว่า กำลังเดินทางไปเที่ยวทะเลใต้
อีกคนบอกว่า กลับไปเยี่ยมพ่อแม่พี่น้องผองเพื่อนที่บ้านเกิด
ทุกคนกำลังเดินทาง เป้าหมายทุกคนคือการหยุดพักผ่อน
หลังจากอ่อนล้าเหนื่อยหนักกับการงานมาตลอดห้วงปีอันยาวนาน
ผมได้อืออือ ก่อนบอกทุกคนว่า... "ขอให้โชคดีกับการเดินทาง"
* * * * *
" ...บางครั้งผมเดินออกไปจากเพื่อน
บางครั้งเพื่อนเดินออกไปจากผม
เกิดการเว้นวรรค เกิดระยะห่าง
เพื่อนบางคนเลือนหายไปจากชีวิตจริง
ปรากฏภาพอยู่แต่เพียงในความคิดถึงอันเลือนราง
บนถนนชีวิต คนเราต่างเป็นนักเดินทาง
บนเวทีโลก คนเราต่างเป็นนักต่อสู้
ต่างใช้ชีวิต ใช้หัวใจ ตามกำลังแห่งตน
เราต่างเหมือนจุดที่เคลื่อนที่ไปบนกาลเวลาและความแปรเปลี่ยน..."
ผมชอบงานเขียนของ "ไพวรินทร์ ขาวงาม" บางบทบางตอนนี้
ทำให้นึกการเดินทางของมิ่งมิตรที่เคยคุ้น...
เพื่อนชายคนหนึ่ง ต้องออกจากบ้านเพื่อแสวงหาชีวิตในโลกกว้างตั้งแต่ยังเยาว์
แม่โยนกระเป๋าเสื้อผ้าให้ใบหนึ่ง พร้อมกับคำพูดที่เขาสับสน ไม่เข้าใจ
"ถ้าเอ็งอยู่บ้าน เอ็งก็จะต้องทำนาเหมือนแม่"
ผ่านไปหลายสิบปี เพื่อนคนนี้ยังจำคำของแม่ได้ดี
และเขาก็ยังไม่ได้กลับบ้าน
และเมื่อนึกถึงเพื่อนสนิทคนนั้น
ชีวิตเขากลับเดินทางไกล
ล่องลอยพลัดหายไปจากโลก ไกลลับไกล
นึกถึงหญิงสาวคนหนึ่ง,
เธอต้องการเรียนรู้จักความรัก แต่กำลังสับสนกับความรัก
ในขณะที่อีกคนบอกว่าเข้าใจลึกซึ้งกับความรัก แต่อยากเดินทางไกล
เพื่อต้องการแสวงหาความหมายให้มากกว่านั้น
ในขณะที่ใครบางคน,
อยากกลับบ้าน แต่ไม่มีบ้าน
เมื่อไม่มีพ่อไม่มีแม่ บ้านก็เหมือนไม่ใช่บ้าน
ทว่าเมื่อย้อนกลับมาดูตัวเอง...ชีวิตยังคงอยู่ตรงที่เดิม
พำนักอยู่บ้านเช่า คุยกับตัวเอง
ฟังเสียงขับขานข้างใน...
ไม่รู้สิ,บางห้วงยามชีวิตคนเรา
บางครั้งก็ต้องการอยู่นิ่ง ๆ อยู่กับที่ ไม่อยากเดินทางไปไหนต่อไหน
ปิดเครื่องสัญญาณการติดต่อกับโลกภายนอก
เหมือนกับอยากให้หัวใจ ร่างกาย ได้พักผ่อนอย่างแท้จริง
แต่ก็นั่นแหละ ไม่ว่าเราจะเดินทางไปไกลสักเท่าใด
สุดท้ายเราก็จำต้องกลับคืนมาอยู่กับความจริงอีกครั้ง,ชีวิต
หรือว่าแท้จริงแล้ว...
ชีวิตไม่ได้ไปไหนไกลเลย
เราต่างกำลังเดินหมุนวนอยู่รอบตัวเอง.
* * * * *