Skip to main content

การเมืองที่รับใช้เศรษฐกิจ

คอลัมน์/ชุมชน



 


เรามักจะอ่านเจอตามหน้าหนังสือพิมพ์และได้ยินพ่อค้าพูดอยู่บ่อยๆ ว่าเสถียรภาพทางการเมืองนั้นส่งผลอย่างมากต่อบรรยากาศการลงทุน การกระทำใดๆ ที่อาจทำให้การเมืองไม่มีเสถียรภาพจึงเป็นสิ่งที่พึงหลีกเลี่ยง


 


แน่นอนว่าความเกี่ยวโยงอันส่งผลต่อกันระหว่างการเมืองกับการเศรษฐกิจนั้นไม่อาจปฏิเสธได้ แต่กระนั้นก็ตามที การกล่าวและตอกย้ำความคิดเช่นนี้ซ้ำอยู่บ่อยๆ  อาจทำให้เข้าใจไปว่าการเมืองมีไว้เพื่อรับใช้มิติทางเศรษฐกิจเพียงสถานเดียวเท่านั้น


 


และก็ดูเหมือนว่าในปัจจุบันหลายคนต่างมองเห็นว่า ความสำคัญของการเมืองและความมีเสถียรภาพทางการเมืองเป็นไปก็เพื่อเหตุผลทางเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียวจริง ๆ  ซึ่งการคิดและเชื่อเช่นนี้เป็นการลดทอนความสำคัญของการเมืองลงอย่างมาก ทั้งๆ ที่มันมีมิติที่ครอบคลุมกว้างไกลไปกว่านั้น


 


ดังนั้น เมื่อความมั่นคงทางการเมืองถูกก่อกวนจนเสียสมดุล สิ่งที่หลุดออกมาจากปากโดยอัตโนมัติของหลายๆ คน จึงเป็นคำพูดทำนองว่ามันจะทำให้เศรษฐกิจพลอยได้รับผลกระทบไปด้วย จะทำให้ตลาดหุ้นเกิดการผันผวน นายทุนจากต่างชาติไม่กล้าเข้ามาเสี่ยงลงทุน  นายทุนในประเทศเองก็หยุดชะงักการลงทุนใหม่ๆ หรือธุรกิจการท่องเที่ยวจะซบเซา ทั้งหมดนี้ราวกับว่าความมีระเบียบแน่นอนทางการเมืองไม่มีความสำคัญต่อด้านอื่นใดแล้วนอกเหนือไปจากนี้


 


มิติทางเศรษฐกิจทวีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นสิ่งที่สามารถกำหนดการกระทำ และการตัดสินใจทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง คือไม่สนว่าพรรคนั้นๆ มีอุดมการณ์ทางการเมืองอย่างไร ขอให้มีความน่าสนใจในทางเศรษฐศาสตร์เป็นใช้ได้ การก่อการร้ายที่ถูกโยงเข้ากับระบบทุนนิยม หรือการสิ้นสุดหยุดลงของความคิดในการทำการปฏิวัติ รัฐประหาร ซึ่งเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้อีกแล้วในประเทศไทยไม่ใช่เพราะประเด็นทางการเมือง แต่เป็นเพราะประเด็นทางเศรษฐกิจที่กระทบต่อพ่อค้า และชนชั้นกลางก็ทำให้ไม่มีใครกล้าที่จะคิดก่อรัฐประหารอีก ส่วนใครจะมีอุดมการณ์ทางการเมืองอย่างไรนั้นไม่ใช่ประเด็น  ขอให้เศรษฐกิจเติบโตก็พอ


 


ในรัฐบาลชุดปัจจุบันซึ่งอาจพอกล่าวได้ว่ามีเสถียรภาพทางการเมืองสูงมากเมื่อเทียบกับชุดที่ผ่านๆ มา ก็เช่นเดียวกันที่คำนึงถึงแต่เพียงเรื่องของการนำการเมืองมารับใช้เศรษฐกิจเป็นหลัก มองการเมืองด้วยสายตาของนักธุรกิจ โครงการหรือนโยบายต่างๆ จึงมุ่งไปสู่เรื่องของสถิติหรือตัวเลขงามๆ ทางเศรษฐกิจเสียเป็นส่วนใหญ่


 


อย่างไรก็ตาม ถ้าว่าไปแล้ว การเมือง หรือการมีเสถียรภาพทางการเมืองหาได้มีไว้เพื่อรับรองรับสนับสนุนมิติทางเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เพราะถ้าหากว่าการเมืองมีความสำคัญเพียงแค่เรื่องเศรษฐกิจ มนุษย์เราก็คงไม่ต่างจากสัตว์ทั่วไปที่หาเช้ากินค่ำไปวันๆ หนึ่ง


 


อย่างที่เรามักจะได้ยินการเอ่ยอ้างวาทะเก่าแก่ของปรัชญาเมธีกรีกอยู่เสมอว่า มนุษย์เป็นสัตว์สังคม บางคนอาจเถียงว่า "สังคม" เป็นของใหม่ ซึ่งหมายความว่าจะชอบหรือไม่ก็ตามมนุษย์ต้องมีความสัมพันธ์กับคนอื่นอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้


 


และก็หมายความต่อไปว่าภายในสังคมการเมืองนี้เอง ที่มนุษย์จะได้รับการปลูกฝังเรียนรู้แบบแผนความสัมพันธ์ที่สมเหตุสมผลในการประพฤติปฏิบัติสำหรับการมีชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข  เพื่อบรรลุถึงการเป็นมนุษย์ที่ดี และเพื่อการค้นพบศักยภาพของตนเองของมนุษย์แต่ละคน  สิ่งเหล่านี้จะเป็นไปได้ก็ต่อเมื่อมนุษย์ต้องเข้าร่วมสังคมการเมือง


 


ดังนั้น การเป็นสัตว์สังคมที่มีชีวิตอยู่ในชุมชนการเมืองนั้นเป็นไปก็เพื่อเป้าหมายที่สูงส่งและไปไกลกว่าเรื่องของเศรษฐกิจ  หรือเพียงแค่เรื่องของปากท้องเป็นอย่างมาก หากเป็นเรื่องในระดับตัวตนหรือระดับจิตวิญญาณก็ว่าได้  แต่สังคมการเมืองที่ต้องเผชิญกับการสู้รบและมีการเปลี่ยนแปลงระเบียบทางการเมืองกันอยู่บ่อยๆ ผู้ที่อาศัยอยู่ในสังคมการเมืองนั้นย่อมไม่มีเวลามากพอ สำหรับการสร้างแบบแผนความประพฤติ สร้างสรรค์ศิลปะอารยธรรม และการยกระดับทางจิตวิญญาณของตนเองได้


 


เมื่อการเมืองการปกครองกลายเป็นสิ่งที่ไร้ความมั่นคง ไร้เสถียรภาพแล้ว การปลูกฝัง เรียนรู้แบบแผนปฏิบัติที่แน่นอนซึ่งจำเป็นสำหรับการบรรลุถึงความเป็นมนุษย์ที่ดีย่อมไม่อาจเกิดขึ้นได้ด้วย เพราะการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่เกิดขึ้นอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในสังคมไทยไม่อาจก่อให้เกิดการบ่มเพาะนิสัยทางการเมืองแบบใดแบบหนึ่งขึ้นมาได้


 


อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าสิ่งที่ยกมานี้ถูกหลงลืมกันไปหมดแล้วและเหมาะสำหรับมีไว้อ่านในตำราเสียมากกว่า ในสังคมที่ทุกลมหายใจเข้า-ออกมีแต่เรื่องของเศรษฐกิจ    ความสำคัญของการเมือง และการมีเสถียรภาพทางการเมืองจึงมีความหมายเพียงแค่รองรับ สนับสนุนการจำเริญเติบโตทางเศรษฐกิจเท่านั้น ดังนั้นข้ออ้างทางเศรษฐกิจจึงมักจะใช้ได้ผลอยู่เสมอไม่ว่าจะอ้างโดยรัฐบาลหรือโดยพ่อค้า   


 


เป็นต้นว่า  เมื่อ กฟผ.ต้องการไล่ที่ชาวบ้านสำหรับสร้างเขื่อนผลิตกระแสไฟฟ้า ก็มักจะเอ่ยอ้างว่าการผลิตกระแสไฟฟ้าจะอำนวยประโยชน์ต่อธุรกิจและการสร้างงานต่าง ๆ  เมื่อจะมีการวางท่อก๊าซผ่านที่จะนะ เหตุผลทางเศรษฐกิจก็จะถูกยกมาเป็นอันดับต้น ๆ  หรือแม้แต่การตัดสินใจเลือกสาขาวิชาเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัย เหตุผลทางเศรษฐกิจทำนองว่าเมื่อจบออกไปแล้วจะได้เงินเดือนมากเท่าไหร่ก็เป็นเรื่องใหญ่ที่สุดที่ใช้ในการตัดสินใจ


 


การมีเสถียรภาพทางการเมืองของรัฐบาลชุดปัจจุบัน ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมากในแง่ที่ว่าสามารถผลักดันเปลี่ยนแปลงด้านนโยบายไปสู่สิ่งที่ดีกว่าได้โดยไม่ยากเย็นมากนัก จึงน่าจะได้รับการพิจารณาการใช้ประโยชน์จากการนี้เสียใหม่ให้ไปไกลกว่าประเด็นทางเศรษฐกิจ แต่น่าจะพิจารณาไปถึงวิธีการและการเรียนรู้เพื่อไปสู่การมีชีวิตที่ดีด้วย


 


ส่วนสถาบันการศึกษาที่ผลิตบุคลากรที่เชี่ยวชาญในด้านต่าง ๆ เพื่อมุ่งแต่รับใช้ทุนนิยมทั้งข้ามชาติและในชาติ รับใช้บริษัท ห้างร้านต่าง ๆ ก็จำเป็นต้องทบทวนปรัชญาการศึกษาเสียใหม่ เพราะเท่ากับว่า ท่ผ่าน ๆ มาสถาบันการศึกษามิได้ผลิตมนุษย์ที่รู้จักคิด รู้จักใช้เหตุผล ในทางกลับกันยังทำลายศักยภาพที่ว่านี้ลงไปด้วย เราจึงเห็นบัณฑิตฐานะดีแต่ไร้ปัญญาที่พร้อมจะรับใช้ทรราชย์ หรือพร้อมสำหรับการเอารัดเอาเปรียบคนเล็กน้อยอยู่เป็นจำนวนมาก


 


อย่างไรก็ตาม ความเชื่อที่ว่าการเมือง และการมีเสถียรภาพทางการเมืองเป็นไปเพื่อรับใช้เรื่องราวทางเศรษฐกิจเป็นสำคัญเป็นความคิดตายตัวที่ยากจะเปลี่ยนแปลงได้.


 


 


                                                                                          กลับหน้าแรกประชาไท