The Review: รู้ว่าความรักมีพลัง (ภาคทฤษฎี)
คอลัมน์/ชุมชน
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ว่าการอ่านบทกวีเพียงหนึ่งรอบในรายการโทรทัศน์ (บวกกับหมัดไม่กี่หมัดที่ปล่อยมาจากคนพร่องสติบางคน) จะทำให้ชื่อของคุณศักดิ์สิริ มีสมสืบเป็นที่รู้จักของคนนอกวงวรรณกรรมอีกครั้ง หลังจากที่ได้รับรางวัลซีไรต์เมื่อหลายปีก่อน
แต่ถึงกระนั้น...สำหรับหลายๆ คนที่เพิ่งรู้จักคุณศักดิ์สิริจากงานชิ้นนี้ ก็คงได้รู้จักเพียงแง่มุมของกวีที่ดูเข้มข้น จริงจัง และ "แรง" ใช่เล่น ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้ว งานส่วนมากของคุณศักดิ์สิริมีเหลี่ยมมุมของความละเอียดอ่อน นุ่มนวล และบริสุทธิ์เหลือกำลัง
สำหรับผมแล้ว ผมคิดว่าการอ่านงานโทนนุ่มนวลของคุณศักดิ์สิริไม่ต่างกับการได้รู้จักกับเด็กน้องน่ารักคนหนึ่ง ที่โลกของเขาคือธรรมชาติ ไม่ใช่ร่มเงาเสาปูนอย่างที่เราคุ้นเคยในเมืองใหญ่
นอกจากคุณศักดิ์สิริจะมีผลงานในเชิงกวีนิพนธ์ออกมาพอสมควรแล้ว เขายังมีผลงานเพลงเป็นของตัวเองมาแล้วสองอัลบั้ม (อัลบั้ม "เกี่ยวก้อย" และอัลบั้ม "จินตนาการ" ซึ่งอัลบั้มหลังเป็นการรวมเพลงประกอบรายการโทรทัศน์ "ทุ่งแสงตะวัน") รวมทั้งการแต่งเพลงให้กับเพื่อนๆ ศิลปินอีกมากมาย
ล่าสุด...คุณศักดิ์สิริก็เพิ่งมีอัลบั้มใหม่ที่ชื่อว่า "รู้ว่าความรักมีพลัง" ออกมาเมื่อไม่นานนี่เอง ซึ่งเป็นโอกาสอันดีที่หลายๆ คนที่อาจจะเพิ่งรู้จักคุณศักดิ์สิริได้ทำความรู้จักกับงานในอีกมุมหนึ่ง...
(รูปจาก http://www.katikala.com)
อัลบั้มนี้เป็นการรวมงานที่คุณศักดิ์สิริเคยเขียนให้กับศิลปินต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น "บทเพลงเดียวดายของคนเดินทาง" ที่เคยอยู่ในอัลบั้มของกลุ่ม "มาชารี" ของคุณพิบูลย์ศักดิ์ ละครพล, "ชิงช้าคนช่างฝัน" ที่เคยอยู่ในอัลบั้ม "นักเดินทาง" ของพี่จุ้ย-ศุ บุญเลี้ยง ฯลฯ มาร้อง-เรียบเรียงใหม่ บวกกับเพลงใหม่อีกหลายเพลง โดยมีพี่จุ้ยรับตำแหน่ง Producer ของอัลบั้มนี้
คงต้องบอกกันซะก่อน สำหรับผู้พิสมัยความเท่ห์ ความทันสมัยของดนตรีที่รักจะลองฟังอัลบั้มนี้ ขอให้ถอดความเท่ห์เหล่านั้นใส่ลิ้นชักตู้ไว้สักพัก จะทำให้การฟังอัลบั้มนี้เป็นไปอย่างมีความสุขขึ้น เพราะดนตรีในอัลบั้มนี้เป็นดนตรีแบบ Acoustic ยืนพื้น ที่ไม่ได้โชว์ลูกเล่นหวือหวาอะไรมากมาย เพื่อที่จะคอยโอบอุ้มสิ่งที่ดีที่สุดของอัลบั้มนี้...
...นั่นคือ "เนื้อเพลง" นั่นเองครับ
ด้วยความที่คุณศักดิ์สิริเป็นนักเขียนฝีมือระดับซีไรต์ชวนชิมนั้น ทำให้ในเนื้อเพลงของเขาก็ไม่พ้นที่จะกลายเป็นสิ่งที่น่าสนใจไปด้วย
สำหรับอัลบั้มนี้...ไม่ใช่แค่น่าสนใจเท่านั้น มันยังเพราะเสียมากๆ ด้วย (เพราะจนนักเขียนคอลัมน์ที่ไม่ค่อยมีใครอ่านอย่างกระผมต้องคารวะด้วยสุราชั้นดีหนึ่งจอก...)
"หากแผ่นดินคือความจริง
ทะเลดุจดั่งความฝัน
คลื่นและทรายคือคำจำนรร จากภายใน"
(จากเพลง "ทะเลฉันรักเธอ")
หรือ...
"ยามเธอไปถึงดวงดาว
ไกวเธอไปถึงดวงเดือน
ก้มมองดูฉันบ้าง
ภาวนา...อย่าให้ค้างกิ่งฟ้า กิ่งฝัน
ไกวกลับมาเพียงชิงช้าเปล่า...ฉันคงเศร้าโศกศัลย์"
(จากเพลง "ชิงช้าคนช่างฝัน")
อัลบั้มนี้คงไม่ใช่งานที่ติดหู ติดตลาดสักเท่าไหร่ แต่มั่นใจว่าอัลบั้มนี้สามารถเป็นอัลบั้มที่ "ติดใจ" คนฟังเพลงที่ชอบภาษาเพราะๆ ไปได้นานทีเดียว
ให้คะแนนความชอบ ๘/๑๐ ครับ