Skip to main content

ชวนมารักกัน 10 : โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง

คอลัมน์/ชุมชน

คืนหนึ่งฉันได้รับโทรศัพท์จากคนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน เธอบอกว่า เธอโทร.มาจาก โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง 


 


ฉันถามเธอว่า โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง คืออะไร


"คือนิตยสารหมาคะ" เธอตอบ พร้อมทั้งอธิบายว่า เป็นหนังสือหมาสำหรับคนอ่าน


ฉันนึกสนุกคิดเล่นๆ ว่า มีหนังสือหมาที่เขียนสำหรับหมาอ่านด้วยหรือจ๊ะ  เธออธิบายต่อว่า เธอรู้มาว่าฉันเป็นนักเขียนที่เลี้ยงหมา และเขียนเกี่ยวกับเรื่องหมาๆ อยู่บ้าง เธอจึงอยากชวนไปร่วมงานด้วย


 


 "ก็น่าสนใจ" ฉันว่า


"นิตยสาร โฮ่ง โฮ่งโฮ่ง เป็นนิตยสารรายเดือน ที่นำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับหมาและคนรักหมา ในแง่มุมต่าง ๆ"


 


เธอสรุปว่าถ้าสนใจให้โทรศัพท์ไปคุยกับบรรณาธิการได้ เธอนัดหมายวันเวลาที่บรรณาธิการเธอสะดวกให้พร้อม  เป็นข่าวดีที่นำความสนุกสนานมาสู่ครอบครัวของเรา


 


พวก โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง นั่งกันหน้าสลอน คราวนี้แหละแกจะได้เป็นนางแบบ นายแบบกันถ้วนหน้า ต้องเริ่มจากพ่อชาช่าก่อน ฉันจะทำประวัติของแก ดูความดีความชอบของแกก่อน ความดีที่ปรากฏแน่ชัดก็คือดูแลครอบครัวอย่างดี เป็นแบบอย่างของลูก ๆ แกไม่เคยขโมยอะไรเข้ามาในบ้าน ไม่เคยไปกัดใครเขา ลูกสาวของแกก็น่ารักเพราะเมียแกเป็นแบบอย่างที่ดี ส่วนหนึ่งก็น่าจะมาจากแก เพราะแกดูแลเมียแกดี ชะอมจึงมีสุขภาพจิตที่ดี ทำให้เธอมีความสุขและมีจิตใจที่ดีเลี้ยงดูลูก ฉันยกความดีอีกข้อหนึ่งให้แก


 


แกคงรู้ว่า แบบอย่างของพ่อสำคัญจริง ๆ  แกขี้โกงขี้ขโมยในแบบต่าง ๆ  แกจะสอนลูกของแกให้รักความเป็นธรรมได้อย่างไร


           


โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง คือความหวังใหม่ของเรา พรุ่งนี้ฉันจะคุยกับเจ้าของหนังสือว่า ฉันจะทำงานอยู่ที่เมืองเหนือและส่งต้นฉบับเข้าสู่ส่วนกลาง เราจะติดต่อกันทางโทรศัพท์และอินเตอร์เน็ต


 


ใช่แล้ว ชาช่า เราต้องเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น อีกไม่นานจะมีหน้าของแกอยู่ในคอมพิวเตอร์


 


ยามเช้า เราเริ่มถ่ายรูปครอบครัวชาช่า  เริ่มจากชาช่าก่อน  ชาช่าไม่ชอบถ่ายรูป แต่เจ้าจุ๊บจิ๊บ ชอบมาก หล่อนนั่ง หมอบ ให้สวมหมวกก็ทำได้หมด และไม่ใช่แค่หมอบเท่านั้นหล่อนยังเอาจมูกไปดมดอกไม้ในแจกันด้วย ส่วนพุงป่องขี้กลัวหลบอยู่ข้าง ๆ


             


ยามเย็น หญิงสาวและชายหนุ่มเจ้าของครอบครัวชาช่าก็มาปรากฏตัวที่หน้าบ้าน เธอและเขาบอกว่าบัดนี้บ้านของเธอสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว พร้อมอยู่ อีกสามวันเธอจะมารับครอบครัวชาช่ากลับบ้าน


 


..ใจหายอย่างบอกไม่ถูก เหมือนครอบครัวเพื่อนผู้ร่วมสุขร่วมทุกข์จากไป


 


เธอให้เงินฉันค่าอาหารครอบครัวชาช่า ฉันปฏิเสธเงินนั้นและบอกว่า ฉันเข้าใจเธอแต่มันประเมินค่าไม่ได้เลย


เธอบอกว่า "เอาเถอะ คนกันเอง"


 "คนกันเองนะ ยิ่งเอาไม่ได้"


 


ครั้งหนึ่งฉันเป็นอาสาสมัครทำงานในมูลนิธิที่ดูแลเด็กกำพร้า และเด็กที่พ่อแม่มีปัญหาไม่สามารถเลี้ยงดูได้และนำมาฝากไว้ชั่วคราว เมื่อพวกเขาและเธอแก้ปัญหาได้แล้วเขาก็จะมารับลูกของเขากลับไป


 


ที่มูลนิธิแห่งนั้นรับตัวเด็กไว้และนำไปฝากเลี้ยงตามบ้านต่างๆ ที่มีความพร้อมพอที่จะเลี้ยงเด็กได้


 


ครอบครัวที่รับเด็กไว้  เรียกว่าครอบครัวอุปการะ ทุกเดือนพ่อแม่ที่แท้จริงก็จะมาเยี่ยม


ของตัวเองที่มูลนิธิ วันเหล่านี้เป็นวันแห่งความสุขและเศร้า โดยเฉพาะเมื่อถึงวันที่พ่อแม่ที่แท้จริงมีความพร้อมและรับลูกตัวเองกลับไป ส่วนพวกเด็กกำพร้าก็รอจนได้ครอบครัวบุญธรรมที่แท้จริง ถึงวันนั้นงานของพ่อแม่อุปการะก็จบสิ้น


 


พ่อแม่ครอบครัวอุปการะร่ำไห้ในวันที่คืนลูกให้มูลนิธิ ฉันเพิ่งจะเข้าใจหัวอกของพวกเขาอย่างลึกซึ้งในวันนี้เอง


 


ฉันบอกเจ้าของหนังสือว่า ฉันคงทำหนังสือกับพวกเขาไม่ได้แล้ว เพราะพวก โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง ที่บ้านกำลังจะจากไป พวกเขาจะถูกรับตัวกลับในอีกสามวันนี้แล้ว


"วันก่อนคุยกัน น้องบอกว่าชอบบั๊ค อยากเลี้ยงไหมคะพี่จะส่งไปให้ หรือจะเลี้ยงพันธุ์ไหนก็บอกนะคะ พี่จะส่งไปให้จริง ๆ เรามีคอกของเราเอง"


 


ฉันปฏิเสธไปเพราะยังทำใจไม่ได้ที่จะรับใครเข้ามาแทนที่ครอบครัวชาช่า  ยิ่งเห็นชาช่ากับชะอมทำท่าดีใจ ที่พบเธอและเขาแล้ว ยิ่งน้อยใจพวกมัน แสดงว่ามันรักเขาและตลอดเวลามันรอคอยเขาและเธอ โดยเฉพาะชาช่า มันออกไปนั่งรอทุกเย็น ด้วยตาละห้อย 


 


วันต่อมา เราช่วยกันอาบน้ำ เป่าขนแปรงขนให้ชาช่าและชะอม เพื่อรอเขาและเธอมารับกลับบ้าน


"มันไม่ใช่ของเรา"  เพื่อนร่วมบ้านที่เหลืออยู่เพียงชีวิตเดียว พูดเบา ๆ ในขณะที่เช็ดขี้ตาให้ชะอม  ในบรรดาสมาชิกทั้งสี่  ฉันรู้ว่าเขาเอ็นดูชะอมมากกว่าใคร ชะอมจะมีคราบน้ำตาและมีขี้ตาติดอยู่เสมอ ต้องเอาผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดให้มัน


 


บาย บาย – - ครอบครัวสุขสันต์ --ฉันรักเธอ