Skip to main content

สุสานใบไม้ กับการตายของผีเสื้อ

คอลัมน์/ชุมชน

       


 


1.


หวีดหวิวพระพายใบไม้คว้าง                  เหลืองร่างหล่นร่วงลงทับถม


ชำแรกแยกซากโดยสายลม                 พลิกคว่ำพลิกจมอยู่พลัดพราย


บางร่วงหรุบลงพงหญ้าแห้ง                   ซบฝุ่นดินแล้งตะวันฉาย


ลมโกรกกระชากก็กระจาย                   ดังมีปีกว่ายร่ายใบเบา


นี่คือลานเดียวที่เปลี่ยวร้าง                    อยู่ห่างตึกสูงและหมู่เสา


อยู่ห่างถนนเมืองสีเทา                         อยู่ ณ ภูเขาที่แสนไกล


 


2.


ผีเสื้อตัวน้อยปีกค่อยล้า                       ดวงตามัวพร่าภาพเลือนไหว


เห็นปีกสหายวะวับไว                           หนใดในฝันอันนานยาว


พักเหนื่อยพอคลายระบายร้อน              ไร้กิ่งไร้ขอนจำนอนหนาว


ผืนดินระแหงอาบแสงดาว                      บ่งบอกเรื่องราวที่ร้าวรอน


 


3.


ฝันพริ้มยิ้มหวานสุดทางเลี้ยว                 รุ้งเคียวโค้งรอบขอบสิงขร


น้ำค้างคงวาววางฟางฟอน                     ได้ย้อนแดดรายว่ายสายลม


เห็นเด็กวิ่งเล่นลานนวดข้าว                   หญิงสาวเอนกายสยายผม


แว่วไผ่เบียดกอซอระงม                       หอมร่มดอกไม้ไสวบาน


ตะวันค่อยทอต่อแสงฟ้า                       พอตื่นพบว่าเพียงฝันหวาน


แต่เคยได้ฟังมาเนิ่นนาน                       ว่าลานในฝันนั้นมีจริง


 


4.


ขยับ ปีกป่ายในอากาศ                        ลมบาดปีกริ้วเริ่มรุ่งริ่ง


นานนักฤดูสู่พักพิง                              ไล่วิ่งลนลานกาลเวลา


ผีเสื้อพบเจอสุดทางเลี้ยว                     ลานเดียวเปลี่ยวนักไกลหนักหนา


เหลืองร่อนเรียงรายจนลวงตา                พลันว่าสหายมาร่ายลม


ขยับ  แรงเรี่ยวเสี้ยวสุดท้าย                  หวังหมู่สหายบินรายร่ม


กลางลานดอกไม้ไกลระทม                  ไกลความหมักหมมกลิ่นควันเมือง


 


พบเพียงใบไม้ใบสุดท้าย                      ขณะพระพายได้ปลดเปลื้อง


สิ้นแล้วแววฝันอันรองเรือง                    ตำนานเป็นเรื่องที่หลอกเรา


ไร้ลานนวดข้าวว่าวลอยล่อง                  ไร้คลองรุ้งขอบรอบภูเขา


ไร้มิตรสหายไม่เห็นเงา                        น้ำตาใครเล่าหลั่งรดมา


 


6.


ผีเสื้อแน่นิ่งพิงซากเหลือง                     ไม่นึกเปล่าเปลืองแสวงหา


อย่างน้อยกำหนดกฎชะตา                    เฝ้าฝันฟันฝ่ามาสู่ภู


แม้นจะมิได้ดังใจหวัง                          กระทั่งใครว่าน่าอดสู


กระทั่งวันตายไร้ใครดู                         อย่างน้อยเรียนรู้สู่ฝันตน


ทิ้งซากแทนสารถึงสหาย                     เวี่ยว่ายพ้นกระแสความสับสน


ดอกฝันแห่งใครจะได้ยล                      ดั้นด้นไปแสวง ณ แห่งใด!?


 


                                                                                       ชลกานต์.