Skip to main content

ประเทศไทยไม่ใช่ของเรา

คงต้องขอโทษแฟน ๆ ทั้งประจำและไม่ประจำแล้วที่ห่างหายจากเว็บประชาไทไปนาน อันที่จริงมีเรื่อง " ตลกเด็ก" ตุนไว้เป็นกระตั๊ก ไหนจะเรื่องที่โกวกากะอาม่าได้ไปจาริกแสวงบุญที่อินเดีย ก็มีเรื่องราวเยอะแยะอยากเล่าให้ฟัง แต่ไม่มีเวลา...จริง ๆ นะ


แต่กระนั้นก็ตามโกวกาก็อยากบอกเล่าเก้าสิบให้ฟังว่า ช่วงนี้กำลังวุ่นวายกับเรื่องอะไรบ้าง โกวกาและเพื่อน ๆ ในนามกลุ่มศึกษาข้อตกลงเขตการค้าเสรีภาคประชาชน (เอฟทีเอ ว็อทช์) กำลังทำการรณรงค์เพื่อคัดค้านการต่อรองประเด็นทรัพย์สินทางปัญญาในการเจรจาเอฟทีเอ ไทย-สหรัฐ ซึ่งกำลังจะมีขึ้นในวันที่ 4-8 เมษายนนี้ ที่พัทยา


อยากมีเวลามากพอที่จะอธิบายอย่างง่าย ๆ ว่า การทำเอฟทีเอ ไทย-สหรัฐในประเด็นทรัพย์สินทางปัญญาจะทำให้ยามีราคาแพงขึ้น เพราะยาถูกผูกขาดจากบริษัทยาของสหรัฐ ซึ่งจะกระทบไปสู่ระบบประกันสุขภาพ คนจนจะไม่มีปัญญาซื้อยา ไม่มีสิทธิได้รับการรักษาพยาบาล พูดกันแบบบ้าน ๆ ก็ต้องบอกกันเลยว่า ถ้าใครเจ็บ ใครป่วย ... ตายไปเลยจะง่ายกว่า


แต่เมื่อเวลาไม่มากพอ...พอดีมีเพื่อนที่ทำงานด้วยกันในประเด็นนี้ เมล์มาระบายความอัดอั้นตันใจ เลยแปะมาให้อ่านกันแบบเต็ม ๆ


นี่ไม่ใช่ความรู้สึกเจ็บช้ำแบบสำเร็จรูป แต่เป็นหัวจิตหัวใจของคนที่เชื่อว่า ประเทศไทยไม่ใช่ของเรา...หรือของใคร....คนเดียวแต่เป็นของพวกเรา...ทุกคน


ขอระบายความอึดอัดให้อ่านหน่อยนะ


ก่อนที่จะนั่งลงพิมพ์ ฉันนอนอ่าน a day weekly ซึ่งมีจดหมายถึงนายกจากลูกสาวคุณสมชาย (นีละไพจิตร) เลยไปถึงจดหมายของเด็กหญิงที่เก็บนกปลอมของนายกในช่วงเวลาที่ประเทศชาติได้รับรู้วิธีการสร้างสันติภาพแบบปลอม ๆ


เป็นการอ่านเพื่อรอเวลาฟังนายตำรวจคนนั้นพูดประจำวันเสาร์ อารมณ์จากการอ่านสัมผัสได้ถึงความ เจ็บ ขม ปร่า และเย้ยหยัน ในความถูกทำให้ต่ำต้อยด้อยค่าของความเป็นมนุษย์ที่อยู่ในสังกัดประชาชนไทย หรือบางทีอาจเป็นอีกอุบัติเหตุหนึ่งก็ได้ที่ เรื่องการเจรจาไทย-สหรัฐ ไม่ถูกหยิบยกขึ้นมาพูด แม้เขาคนนั้นจะพูดเรื่องเศรษฐกิจ การขาดดุล (เพราะน้ำมันขึ้นราคา ?) หรือเศรษฐกิจชุมชนของชาวโบ๊เบ๊


แต่นึกอีกที บางทีอาจเป็นเพราะ เศรษฐีกระจอกก็ทำอะไรได้แค่เรื่องกระจอก ซึ่งบางเรื่องอาจจะทำได้สำเร็จ และบางเรื่องอาจไม่ (อาทิเช่น ...)


ฉันนึกไปเรื่อยๆ ... ว่า เรื่องชีวิต เรื่องยา เรื่องความเป็นความตายและสุขภาพสวัสดิการขั้นพื้นฐานของคนมันกระจอกกว่าผลกระโยชน์นั้นจริง ๆ หรือ หรือเพราะเรื่องนี้มันถูกทำให้กระจอก เพื่อให้ไม่อาจมีผลต่อภาพลักษณ์ความเอื้ออาทรที่สร้างไว้อย่างสำเร็จในเวทีเอดส์โลกหรือเปล่าหว่า ? เฮ้อ ... เขาคนนี้ถนัดทำแต่เรื่องปลอม ๆ จริง ๆ ว่าไหม?


หลังจากนั้น    เพื่อนฉันก็ก็โทรมา เธอว่า   พ่อของเธอกำลังป่วยเป็นมะเร็งท่อน้ำดี และกำลังลุกลามไปที่ตับ น้ำเสียงเธอเต็มไปด้วยความทุกข์ละความกังวลใจ เธอว่า "หมอบอกว่าพ่อจะอยู่ต่อได้ประมาณ 40 วัน" สิ่งที่ฉันรู้สึกที่มากไปกว่าความเศร้าอย่างช่วยอะไรไม่ได้ แม่ของน้องสาวฉันก็ตายไปด้วยโรคมะเร็งตับ เมื่อ 8 - 9 ปีก่อน ซึ่งก่อนตายต้องทนทุกข์ทรมานจากการรักษาอยู่อย่างยาวนาน


ความรู้สึกหลายอย่างมันประดังเข้า มันทำให้ฉันเหวี่ยงหัวคิดเฉไฉไปอีกทางอย่างกะทันหันเหมือนกัน ว่าแค่  40 วันที่เหลืออยู่ของพ่อเพื่อนนี้จะมีวิธีการให้เขาสงบสุขลงได้อย่างไร? คิดไปอีกที นี่ก็แค่เหตุที่อุบัติขึ้นกับพ่อของเพื่อนฉันซึ่งเป็นแค่คนเล็ก ๆ คนหนึ่งใช่ไหม?


หรือเป็นเพราะเขาคนนั้น (คนที่คุณก็รู้ว่าใคร) ทำได้แค่เรื่องกระจอก เรื่องใหญ่ ๆ อย่างชีวิตคนนั้นเป็นเรื่องที่ประชาชนต้องจัดการทำกันเอง