Skip to main content

สารป้องกันเชื้อ เรื่องที่ผู้หญิงควรรู้

คอลัมน์/ชุมชน


ผ่านไปหนึ่งเดือนแล้วสำหรับปี พ.ศ.2549  มีเรื่องราวต่างๆ ที่เรียกร้องความสนใจกันได้อย่างเร้าใจ ไม่ว่าจะเป็นการชุมนุมของคนที่ชอบฟังคุณสนธิเปิดโปง ตลอดจนร่วมกันเดินเท้าไปหน้าทำเนียบรัฐบาลและสามารถเดินเข้าประตูทำเนียบไปได้กลางดึก การเกิดเหตุแผ่นดินไหวและการถกเถียงว่าด้วยรอยแยกของเปลือกโลกที่อยู่ใต้เขื่อนในกาญจนบุรี ตลอดจนการชุมนุมใหญ่ของประชาชนผู้คัดค้านเอฟทีเอ  และล่าสุดสองตระกูลดังยกหุ้นชินคอร์ปขายได้เงินกันราวๆ เจ็ดหมื่นล้านบาท  แค่เดือนเดียวก็มีเรื่องมากมายให้ต้องคิดคำนึงถึงประเทศไทยว่าปีนี้จะต้องเป็นปีแห่งการตื่นเต้นเร้าใจเป็นแน่แท้



 


ดิฉันเองก็หายหน้าไปจากคอลัมน์นี้สามสัปดาห์ติดต่อกัน ทั้งนี้ เพราะเข้าไปมีส่วนร่วมกับขบวนการประชาชนในการติดตามการเจรจาทวิภาคีเปิดเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) อย่างใกล้ชิดกับเขาด้วย ซึ่งที่สุดทางสหรัฐฯ ก็ยื่นเอกสารข้อเสนอเงื่อนไขการเจรจาการค้าที่เกี่ยวกับสิทธิบัตรยา สิทธิบัตรพันธุ์พืช พันธุ์สัตว์ เรียบร้อยแล้วในรอบนี้  และเท่าที่ทราบทางเครือข่ายประชาชนและองค์กรอิสระ องค์กรในรัฐสภา กำลังทำเรื่องขอทราบรายละเอียดเอกสารที่สหรัฐฯ ยื่นให้ทีมเจรจาของไทยอยู่ ก็เฝ้าติดตามว่าจะได้รับการเปิดเผยหรือไม่ โดยไม่น่าจะมีการอ้างว่าได้ตกลงกันด้วยวาจาระหว่างหัวหน้าทีมเจรจาของไทยกับสหรัฐฯ ว่าจะปิดเป็นความลับในทุกเรื่องที่กำลังเจรจากันอยู่ เพราะหัวหน้าทีมเจรจาของไทยคือ นายนิตย์ พิบูลสงคราม ได้ลาออกจากการเป็นหัวหน้าทีมเรียบร้อยแล้ว หากมีรายละเอียดและบทวิเคราะห์ว่าด้วยสิทธิบัตรเมื่อไร ดิฉันไม่รอช้าจะนำมาเล่าสู่กันฟังต่อไปแน่นอน


 


เช่นกันในเดือนที่ผ่านมา  ดิฉันได้เข้าร่วมประชุมวงเล็กๆ ว่าด้วยสารไมโครบิไซด์ ซึ่งเป็นสารที่ผลิตขึ้นมาสำหรับใช้ป้องกันการติดเชื้อในช่องคลอดของผู้หญิง  เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เกี่ยวโยงกับภาวะสุขภาพของผู้หญิงทั่วโลก ไม่เฉพาะผู้หญิงไทยเท่านั้น เหตุที่มีการสนใจและตื่นตัวกันในเรื่องสารป้องกันนี้ ก็เพราะว่าผู้หญิงทั่วโลกอยู่ในภาวะเสี่ยงต่อการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์กันสูงมากๆ และเกิดกับผู้หญิงทุกวัย ไม่ยกเว้นว่าจะเป็นผู้หญิงที่ฐานะดี มีการศึกษา ชาติตระกูล หรือนับถือศาสนาใดๆ ก็มีโอกาสเสี่ยงได้รับเชื้อโรคโดยเฉพาะเชื้อเอชไอวีที่ทำให้เป็นโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง (เอดส์) ได้ 


 


อันที่จริงแล้ว  ในปัจจุบันนี้มีอุปกรณ์ป้องกันไม่ให้เกิดการติดเชื้ออยู่แล้วคือถุงยางอนามัย  หากมีการใช้อย่างสม่ำเสมอในทุกคู่ที่มีเพศสัมพันธ์กัน ก็สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ แต่จากสถิติล่าสุดพบว่ายังมีคนติดเชื้อรายใหม่ๆ ทุกปี ในเมืองไทยมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ปีละหมื่นกว่าคน ในจำนวนนี้มากกว่าครึ่งเป็นผู้หญิงที่อายุไม่มากนักอยู่ระหว่าง 15-35 ปี นับเป็นวัยเจริญพันธุ์ วัยกำลังสดใสมีเรี่ยวแรง มีความหวัง มีพลังในการดำเนินชีวิต หลายครั้งพบว่าผู้หญิงติดเชื้อเนื่องมาจากการมีเพศสัมพันธ์กับคนที่ตนรักและไว้วางใจ และตัดสินใจแต่งงานด้วย มารู้ว่าติดเชื้อก็ตอนตั้งครรภ์และไปฝากครรภ์พร้อมตัดสินใจตรวจเลือด   ดังนั้น การใช้ถุงยางอนามัยยังไม่ใช่วิธีการที่ผู้หญิงเลือกได้ในการป้องกันตนเอง เนื่องจากมีเหตุผลมากมายที่ผู้หญิงไม่สามารถบอกให้คู่ของตนใช้ รวมถึงผู้ชายก็ไม่ได้หมายความว่าทุกคนมีความพึงพอใจที่จะใช้ถุงยางทุกครั้ง  และกับทุกคนที่มีเพศสัมพันธ์


 


จึงทำให้มีการคิดค้นวิธีการอื่นๆที่ผู้หญิงจะเป็นผู้ใช้ในการป้องกันตนเองได้ นั่นคือการผลิตสารที่สามารถใช้เคลือบช่องคลอด ใช้ดักจับเชื้อไวรัส เชื้อโรคต่างๆ ก่อนที่จะเข้าสู่ร่างกายของผู้หญิง มีหลายบริษัทและองค์กรรัฐที่ทำการคิดค้นผลิตภัณฑ์และทำการทดลองอยู่ทั่วโลก แต่มันเป็นเรื่องยากมากที่จะได้สารที่มีคุณสมบัติเพรียบพร้อมอย่างที่ต้องการ ทั้งเมื่อใส่เข้าไปในช่องคลอดแล้วไม่แสบไม่คัน ไม่ทำลายเนื้อเยื่อ และยังต้องป้องกันเชื้อโรค ป้องกันการตั้งครรภ์ได้ด้วย หรือป้องกันเชื้อโรคแต่ไม่ป้องกันการตั้งครรภ์


 


ตลอดหลายปีที่ผ่านมายังไม่มีการทดลองใดที่ถึงขั้นประสบผล  เพราะสารต่างๆ ที่ผลิตขึ้นมายังมีข้ออ่อนข้อด้อยอยู่ และยังไม่มีการพัฒนาไปจนถึงการทดลองในคนจำนวนมากพอจะพิสูจน์ได้ว่ามีผลป้องกันได้จริง แต่ก็มีหน่วยงานและบริษัทต่างๆ  คิดค้นผลิตสารตัวนี้ออกมาเรื่อยๆ  ล่าสุดทราบมาว่าจะมีบริษัทสตาร์ฟาร์มา นำผลิตภัณฑ์ชื่อวีวาเจลเข้ามาทดลองในเมืองไทย ยังไม่มีรายละเอียดชัดเจนนัก แต่ก็จะติดตามนำความคืบหน้ามาเสนอต่อไป


 


ที่สุดแล้วคือผู้หญิงเราคงต้องสนใจกันมากขึ้นว่าสารป้องกันที่ว่านี้ จะเป็นประโยชน์หรือเป็นโทษต่อผู้หญิงในทางกายภาพและทางสังคม เพราะหากมีการทดลองประสบผลและมีสารนี้วางขายในตลาด ผู้หญิงไทยจะกล้าซื้อมาใช้หรือไม่ เพราะอาจถูกประณามได้ว่าเป็นผู้หญิงที่ไม่เป็นกุลสตรี เที่ยวได้มีเพศสัมพันธ์มากหลายถึงขนาดต้องพกพาสารป้องกันไว้ใช้ตลอดเวลา หรือวัยรุ่นหญิงไทยจะสามารถเข้าถึงสารนี้ได้ไหม หากราคาแพงและถูกตีตราไว้แล้ว 


 


นี่แหละจึงเป็นเรื่องของสารป้องกัน ที่ผู้หญิงต้องสนใจใฝ่รู้ต่อไป ตลอดจนการเตรียมการว่าหากมีทางเลือกในการป้องกันที่ผู้หญิงเลือกใช้ได้เองแล้วจะสามารถใช้ได้จริงหรือไม่ จะเหมือนกับถุงยางอนามัยไหมที่ยังมีบางส่วนที่ไม่ใช้ในการป้องกันตนเองและคู่ของตน 


 


การเสวนาวงเล็กๆ ของกลุ่มผู้หญิงที่สนใจเรื่องสารป้องกันหรือสารไมโครบิไซด์นี้ก็เพื่อเตรียมการว่าจะทำอย่างไรให้ผู้หญิงเข้าใจและสามารถใช้สารนี้ได้จริงๆ ในอนาคต  ดิฉันหวังว่าจะได้รับรู้การทดลองวิจัยต่างๆ ที่ดำเนินการอยู่ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อให้ผู้หญิงได้รู้ทันและเตรียมตัวเตรียมใจใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อไป