Skip to main content

บทเพลงแห่งสายน้ำ



 


ธารน้ำพลิ้วไหลซอนเซาะไปตามซอกหินเกิดเป็นเสียงเสนาะน่าฟัง 


 


อาตาล-เด็กน้อยชาวกะเหรี่ยงเดินลุยน้ำข้ามลำธารที่ส่งเสียงสดใสไป  น้ำลึกเลยหัวเข่าของเขาขึ้นมาหน่อยเดียวเท่านั้น ผิวน้ำกระทบกับแสงแดดยามสายทอประกายจรัส


 


พ่อแม่และพี่ชายเดินนำหน้าไปไกลแล้ว แต่อาตาลซึ่งรั้งอยู่หลังสุดไม่เร่งร้อนนัก เขามักแวะตรงนี้ตรงนั้นอยู่เรื่อย  บางครั้งเขาพบฝูงปลาตัวเล็ก ๆ  และพยายามจะจับมันให้ได้ แต่พวกปลาตัวน้อยช่างแคล่วคล่องว่องไวเสียจริง ว่ายหลบหนีหายไปอย่างรวดเร็วเข้าไปซ่อนอยู่ใต้ซากไม้ผุ ๆ และไม่ยอมออกมา


 


เส้นทางไปไร่ของเขาจะต้องเดินข้ามสายน้ำอันวกวนไปมาสายนี้ 3 ครั้ง แล้วเดินเลาะเลียบตลิ่งไปไม่กี่ก้าวเท่านั้นก็จะถึง สองข้างทางเป็นไร่ของเพื่อนบ้าน ไกลออกไปทางซ้ายมือเป็นเนินเขาสีทองด้วยทุ่งข้าวโพด


 


อาตาลแวะทักทายกับเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันซึ่งกำลังปีนต้นมะม่วงอยู่  ทีแรกอาตาลไม่เห็น  เพราะเพื่อนหลบอยู่บนกิ่งไม้


"อาตาล" เขาร้องเรียก


"ทำอะไรน่ะ" อาตาลเงยขึ้นไปมอง


"ฉันพบรังนก!" เพื่อนของเขาตอบ แต่เมื่อปีนไปถึงรังนกแล้ว ก็พบเพียงรังที่ว่างเปล่า


"ว้า! ไม่มีนกอยู่ ไข่ของมันก็ไม่มี"


"ไปที่ไร่เรามั้ย ไปกินลำไย" อาตาลชวน


"ไปสิ"


 


อาตาลและเพื่อนเดินต่อไป ข้ามลำธารอีกครั้ง ดอกอ้อไหวล้อเล่นลม เขาเดินผ่านไร่ของเพื่อนบ้านซึ่งกำลังช่วยกันถากหญ้าที่รกเรื้อออกเพื่อปลูกถั่ว ผู้หญิงคนหนึ่งหยุดถากหญ้าเมื่อได้ยินเสียงทารกร้อง เธอรีบเดินไปยังเสียงร้องนั้น ทารกนอนอยู่ในเปลที่ผูกไว้ในกระท่อม เธอเอานมจ่อเข้าที่ปากอันหิวโหยของทารกซึ่งก็ทำให้ทารกหยุดร้องในทันที   


 


ระหว่างทางเขาพบเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันอีกหลายคน ช่วงนี้โรงเรียนปิดเทอม เด็ก ๆ จึงมาอยู่กับพ่อแม่ตามท้องไร่ อาตาลร้องชวนทุกคนไปเล่นด้วยกัน


 


ไร่ของอาตาลอยู่ติดกับลำธาร ตอนที่เขาไปถึงนั้น  พ่อแม่และพี่ชายกำลังช่วยกันปลูกถั่วดินอย่างแข็งขัน  เขาเข้าไปช่วยครอบครัวปลูกถั่วด้วยเหมือนกัน แต่ก็ดูเก้ ๆ กัง ๆ และกีดขวางคนอื่นเสียมากกว่า


 


ดังนั้น อาตาลและเพื่อนซึ่งตอนนี้มีทั้งหมด 5 คน จึงพากันปีนต้นลำไย ลูกของมันกำลังสุกน่ากิน  เพื่อนคนหนึ่งเขย่ากิ่งเพื่อให้ลูกลำไยหล่นร่วงลงมา อาตาลปีนออกไปบนกิ่งเล็ก ๆ กิ่งหนึ่งซึ่งยื่นกิ่งออกไปเหนือลำธาร พอเขาตั้งท่าจะฉวยก้านเพื่อเด็ดเอาลูกลำไยก็เกิดเสียงดัง "เปรี๊ยะ" ไม้กิ่งนั้นหัก


"แย่แล้ว" อาตาลนึก


 


ยังไม่ทันที่เขาจะถอยกลับ ไม้กิ่งนั้นก็หักลง ทั้งไม้ ทั้งคน ตกลงไปในลำธาร ลูกลำไยร่วงพรูลงในน้ำ"โอ๊ย" อาตาลร้อง แต่เขาไม่เป็นอะไร


"ไปเก็บลำไย!" เพื่อนของเขาวิ่งกรูลงไปในลำธารเพื่อเก็บลูกลำไยที่มาพร้อมกับกิ่งหัก


 


เสียงเอะอะของเด็ก ๆ ในลำธารดังไปไกล อาตาลกับเพื่อน ๆ วิ่งเล่นอยู่ในน้ำ  พวกเขากำลังจะเล่นซ่อนแอบ โดยตกลงกันว่าจะหลบซ่อนในบริเวณที่กำหนดไว้เท่านั้น


 


อาตาลเป็นคนแรกที่ต้องตามหาเพื่อน ๆ ให้เจอ เพื่อน ๆ พากันไปซ่อนตัวตามจุดต่าง ๆ บางคนไปหลบในดงอ้อข้างตลิ่ง บางคนพรางตัวอยู่ข้างขอนไม้


 


อาตาลนับ 5 จนถึง 100 แล้วถามเพื่อนว่าพร้อมหรือยัง เขาจะไปหาแล้วนะ แต่เพื่อนบอกว่ายัง อาตาลจึงนั่งรออยู่บนโขดหินใหญ่กลางลำธาร เขาขี้เกียจจะนับแล้ว ดังนั้นเขาจึงเริ่มร้องเพลง


 


เขายื่นเท้าลงไปในน้ำซึ่งใสเย็น แกว่งเท้าไปมาอย่างสบายใจ สายน้ำส่งเสียงร้องเพลงคลอไปกับเสียงเพลงของเขา


 


เขาร้องเพลงที่ปู่ของเขาสอน มันเป็นบทเพลงที่ว่าด้วยการละเล่นในยามว่างเว้นจากงานในไร่ของชาวกะเหรี่ยง เสียงเพลงของเขาผสานเข้ากันได้ดีกับเสียงสายน้ำและเสียงไผ่เสียดกอที่อยู่ใกล้  เสียงเจื้อยแจ้วของเขาล่องลอยไหลไปไกลตามลำน้ำ


 


แม่ของเขาแอบยิ้มเมื่อได้ยินลูกชายตัวน้อยร้องเพลงซึ่งออกเสียงอักขระไม่ค่อยชัด ทำไมหนาเสียงเล็ก ๆ ของเด็กน้อยช่างน่าฟังนัก นานแล้วที่เธอไม่ได้ยินเพลงของกะเหรี่ยง พวกผู้ใหญ่ก็ไม่ค่อยอยากร้อง นอกจากมีคนจากข้างนอกมาขอให้ร้องให้ฟังเท่านั้น ส่วนเด็ก ๆ ก็ไม่ค่อยชอบเหมือนกัน หากแต่ไปชอบเพลงสมัยใหม่ที่ได้ยินจากวิทยุมากกว่า


 


แต่ลูกของเธอกลับร้องเพลงของกะเหรี่ยงอย่างตั้งใจ ราวกับเสียงนกกู่ร้องหาคู่ฉะนั้น เธอคิดว่าเสียงร้องเพลงของลูกฟังไปคล้ายเสียงของนกร้องเพลงบางชนิด


 


หมู่ต้นกล้วยป่าริมลำธารไหวโบกใบสีเขียวไปตามแรงลมพัด มีกล้วยป่าสุกน่ากินอยู่เครือหนึ่ง แต่ถึงแม้จะมีสีสันน่ากินก็กินเข้าไปไม่ได้เพราะมันจะทำให้มึนเมา


 


"มากินข้าวเถอะลูก" แม่ของเขาตะโกนบอก "ชวนเพื่อนมาด้วย"


"แม่กินไปก่อนเหอะ ผมยังไม่หิว"


 


"อาตาล มาหาเสียทีสิ พวกเราซ่อนอยู่นานแล้วนะ" เพื่อนของเขาเรียก


 


ในระหว่างที่อาตาลตามหาเพื่อนอย่างระมัดระวังนั้น ครอบครัวของเขาก็ตั้งวงกินข้าวเที่ยง พวกเขาเตรียมอาหารมาจากบ้าน มีผักต้ม น้ำพริกที่ปรุงอย่างง่าย ๆ ตามสูตรของพวกเขาเอง มีปลาแห้ง 3 ตัว ซึ่งซื้อมาจากพ่อค้าคนพื้นราบที่ขี่มอเตอร์ไซค์มาขายถึงในหมู่บ้าน


 


พวกเขานั่งกินข้าวเที่ยงใกล้ลำธารใต้ร่มไม้ไผ่ป่า พ่อแม่ และพี่ชาย เดินไปล้างมือในลำธาร น้ำเย็นสบาย พ่อของอาตาลวักน้ำมาลูบแขนและใบหน้า 


 


แม้ว่าจะมีกับข้าวไม่มากนัก แต่พวกเขาก็กินข้าวได้มากทีเดียว โดยเฉพาะพี่ชายของอาตาลนั้นกินถึง 2 จานใหญ่ ๆ ถึงจะอิ่ม พวกเขาเหลือข้าวไว้ให้เด็ก ๆ ด้วย เผื่อว่าเด็ก ๆ ที่กำลังเล่นซุกซนกันอยู่จะเกิดหิวขึ้นมา


 


พ่อของอาตาลกินข้าวเสร็จแล้ว  เดินลงไปในลำธาร เด็ดยอดใบตองซึ่งมีสีเขียวอ่อน ม้วนเป็นซองแล้วช้อนน้ำจากหลุมในลำธารมาดื่ม อันที่จริงพวกเขาก็เตรียมน้ำมาแล้วจากบ้าน แต่มันมีไม่พอที่จะดื่มกินสำหรับช่วงบ่าย แล้วเด็ก ๆ อีกล่ะ  กินข้าวเสร็จแล้ว พวกเขานั่งพักเล่นอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะเริ่มทำงานในตอนบ่าย


 


เสียงจอบที่ขุดลงไปในดินเพื่อหยอดเมล็ดถั่วลงไป ถูกกลบด้วยเสียงของเด็ก ๆ จากลำธาร เสียงเหล่านี้เปรียบเสมือนบทเพลงที่ประสานเข้ากับเสียงจากสายน้ำ ซึ่งแยกไม่ออกจากเสียงแห่งชีวิตของพวกเขา