Skip to main content

พื้นที่ของคนไม่เลือกข้าง

คอลัมน์/ชุมชน

 



 


๒๔ ๑/๖


 


ผมเขียนบทความชิ้นนี้ในช่วงดึกของวันที่ ๒ กุมภาพันธ์ คาบเกี่ยวกับช่วงเช้าของวันศุกร์ที่ ๓ กุมภาพันธ์ อันเรียกได้ว่าใกล้ถึงวันนัดหมายของการชุมนุมของคุณสนธิ ลิ้มทองกุลเข้ามาทุกขณะ


 


ผมเขียนบทความนี้เพราะผมกำลังสงสัยว่า ในเหตุการณ์นี้...ผมจะไปยืนอยู่ที่ฟากใดดี ระหว่างฝั่งของพี่ผู้ชายหน้าเหลี่ยมคนนั้น กับฝั่งของพี่แว่นผมขาว


 


ผมเริ่มมองจากทางฝั่งของพี่หน้าเหลี่ยม...ผมใช้เวลาไม่นานนักในการตัดสินใจว่าผมไม่สามารถที่จะตัดใจเชียร์พี่เหลี่ยมของผมได้ จากสิ่งต่างๆ ที่พี่เขาได้ทำไว้ และผมได้เห็นสิ่งเหล่านั้นผ่านสื่อต่างๆ ซึ่งผมคงไม่พูดถึงรายละเอียดปลีกย่อยของเรื่องเหล่านั้น...พูดไปแล้วพาลจะเกิดอาการอาหารไม่ย่อยขึ้นมาให้ได้


 


แต่เมื่อหันกลับไปยังฟากของพี่แว่นผมขาว ที่หลายๆ คนที่ผมรู้จักมักจะมองว่าผมถือหางพี่เขาอยู่ (โดยสังเกตจากการที่ผมมักจะไปฟังรายการของแกที่สวนลุมฯ อยู่เสมอๆ ถ้ามีเวลาว่าง แถมผมยังมักจะหนีบเอาวีซีดีรายการของแกมาเปิดดูที่บ้านเป็นประจำ) ...ผมก็ไม่อาจพูดได้อย่างเต็มปากว่าเป็นพวกเดียวกับพี่เค้าอยู่ดีนะแหละ


 


ที่ผมพูดแบบนี้ ก็เพราะว่าผมลองสังเกตปฏิกิริยาตัวเองเวลาไปฟังพี่เขาพูดที่สวนลุมฯ ผมพบว่าแม้ผมจะเป็นเสียงหนึ่งที่ร่วมเฮไปกับบรรดาผู้ชมรายการที่สวนลุมฯ แต่ผมก็พบว่ามีหลายครั้งที่ผมเฮตามฝูงชนได้ไม่เต็มปาก เผลอๆ ผมกลับจะเงียบท่ามกลางเสียงเฮด้วยซ้ำ (ยกตัวอย่างง่ายๆ ก็ตอนที่เฮียแกพูดถึงข้อเสนอในการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ผมกลับหวนระลึกถึงวันที่ใครหลายๆ คนพากันใส่ชุดเขียวหนุนรัฐธรรมนูญฉบับนี้ แล้วก็พาให้คิดว่า "เราเรียกร้องรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน เพื่อเอามาฉีกทิ้งแล้วร่างไหมอีกเหรอ"...แก้ไขส่วนที่บกพร่องก็พอมั้ง) แถมในวันที่พวกพี่ๆ เค้าพากันเดินจากสวนลุมฯ ไปที่หน้าทำเนียบรัฐบาล ผมก็ตัดสินใจที่จะไม่เดินไปกับเขาด้วย


 


ผมเลยชักจะงงๆ กับตัวเอง ว่าสรุปแล้ว...เราจะเอายังไงกับวันที่ ๔ ที่จะถึงนี้ ว่าจะเดินทางไป "ไหว้พระรูปทรงม้า" กับเขาดีมั้ย


 


ผมเอาเรื่องนี้ไปนั่งคุยกับเพื่อนที่สนิทกัน ก็ได้ข้อสังเกตว่าถ้าเราเข้าไปยังเว็บไซต์ต่างๆ รวมถึงเว็บ บอร์ดสนทนาเรื่องการเมือง จะพบว่ามีการเผชิญหน้าระหว่างบรรดากองเชียร์ของทั้งสองฝ่ายอย่างเห็นได้ชัด (ถ้าจะให้เห็นชัด ขอให้ลองเข้าเว็บไซต์ของหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ แล้วเทียบกับเว็บ http://www.sondhi-mgr.com ดูแล้วกันครับ)


 


จนทำให้เกิดคำถามต่อมาว่า...แล้วพวกครึ่งๆ กลางๆ ประเภทไม่ชอบเฮียเหลี่ยม แต่ก็ไม่เข้าข้างเฮียแว่นผมขาวอย่างผม จะไปอยู่ตรงไหนดีล่ะ?


 


จากประวัติศาสตร์ทางการเมืองที่ผ่านมา เราคงได้เห็นว่าเราผ่านการแบ่งฟากความเชื่อมาแล้วในช่วงปี ๒๕๑๙ และในครั้งนั้นก็ไม่มีที่ว่างให้คนที่ไม่ได้เชื่อในฟากใดฟากหนึ่ง


 


เหตุการณ์นั้นแหละ ที่ทำให้คนดีๆ อย่างอาจารย์ป๋วย อึ๊งภากรณ์ไม่สามารถอยู่ในประเทศนี้ได้


 


แล้วในวันนี้ ท่ามกลางสงครามการเมืองที่เราเห็นอยู่ เราจะปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนั้น ให้เสียงที่แตกต่างไร้ความหมายหรือครับ


 


ขอพื้นที่เล็กๆ ให้ความคิดกลางๆ หน่อยได้ไหม...