Skip to main content

ห้องสีฟ้า ตอน 1

คอลัมน์/ชุมชน

ไม่มีเธอในห้องนี้อีกแล้ว..."  


 


เขาบอกตัวเองพร้อมกับเปิดประตูแห่งความทรงจำเข้าสู่ห้องสีฟ้าเล็กๆ ห้องหนึ่ง  นึกถึงเมื่อครั้งยังมีเธออยู่ในห้องนี้ แต่สิ่งที่เขาได้เห็นก็คือ โต๊ะและเก้าอี้ที่เธอเคยใช้นั่งเขียนบันทึก ซึ่งสมุดบันทึกเล่มนั้นก็ยังคงวางอยู่บนโต๊ะ เขาหยิบมันขึ้นมาและจ้องดูมันอยู่นาน ก่อนที่จะหันกลับไปทรุดกายนั่งลงบนเตียงที่เธอเคยนอน  สายตาของเขาเหลือบไปเห็นแจกันใบสวยวางไว้ที่โต๊ะเล็กๆ ข้างเตียง ซึ่งเมื่อก่อนแจกันใบนั้นจะมีดอกเบญจมาศสีเหลืองสวยปักไว้อยู่เสมอ  แต่ตอนนี้แจกันว่างเปล่า  


 


ความรู้สึกของเขามันช่างอ้างว้าง เหงา และเศร้าอย่างเป็นที่สุด เธอจากไปอย่างที่ไม่มีวันจะหวนคืนกลับมา ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม ยังอยู่ที่เดิม...


 


---คงมีเพียงสองอย่างเท่านั้นที่หายไปคือ เธอและดอกไม้---


 


---เมื่อวานนี้เธอยังอยู่---


 


เขารู้สึกอบอุ่นยามเห็นหน้าเธอ เธอเปรียบเสมือนแดดอุ่นยามเช้าที่ทาบทอความอบอุ่นหวามหวานให้ใจเขามีแต่ความสุข...เหมือนกับหลับฝัน   ซึ่งถ้าเป็นไปได้เขาไม่ต้องการที่จะตื่น แต่ความจริงก็คือความจริง วันนี้เขาอยู่กับอดีต และภาพฝันของวันคืนเก่าๆ ที่ไม่อาจย้อนกลับมาเหมือนเดิมได้ ในมือของเขายังมีสมุดบันทึกเล่มนั้นอยู่ เขากวาดสายตาไปรอบๆ ห้อง ภาพเก่าผุดขึ้นในความทรงจำของเขาอีกครั้ง


 


เมื่อวานนี้…" เขารำพัน


 


 ที่หน้าต่าง…"  เขาเอ่ยขึ้นกับตัวเองคนเดียวในความเงียบของหัวใจ  เสียงหัวเราะของเธอในคืนนั้น ยังคงดังก้องอยู่ในสำนึกของเขาไม่เปลี่ยน  เธออยู่ตรงนั้นในคืนที่เขาบอกรักและขอเธอแต่งงาน


 


---หน้าต่างยังคงเปิดอยู่--- ลมพัดโชยหอบเอาความเศร้าและกระไอแดดยามบ่ายเข้ามาในห้อง


 


 ผมรักคุณ มัส แต่งงานกับผมนะคนดี…"  เขายังจำได้เสมอกับประโยคที่กระซิบบอกเธอในคืนก่อน  เธอยืนเหม่ออยู่ริมหน้าต่างทอดสายตามองออกไปไกลในความมืด  ดาวทอแสงอุ่นอยู่บนฟ้าไกล สายลมหนาวพัดโชยเข้ามาพร้อมนำพากลิ่นอายแห่งความเหงาของกลางคืนผ่านเข้ามาทางหน้าต่างที่เปิดไว้ ม่านสีขาวพริ้วไหวยามต้องลม  เธอยังคงยืนอยู่ที่เดิม  เขาเดินเข้ามาทางด้านหลังพร้อมโอบกอดเธอให้อยู่ภายในวงแขน กายของเธออบอุ่น เขาจุมพิตที่เส้นผมเธออย่างแผ่วเบา ก่อนกระซิบบอกความนัยให้เธอรู้


 


---เธอหัวเราะ…ใช่เธอหัวเราะ---   เขายิ้มกับตัวเอง เมื่อนึกถึงเสียงหัวเราะอันกังวานใสของเธอในคืนนั้น และมันยังคงก้องอยู่เสมอในความทรงจำมิอาจลืมเลือน  แม้ในเวลานี้จะไม่มีเธออยู่ในห้องนี้แล้วก็ตาม  แต่เขารู้สึกเหมือนได้ยินเสียงหัวเราะของเธอดังแว่วมาพร้อมสายลมที่พัดผ่านเข้ามาในห้องนี้ทางหน้าต่างบานนั้นเสมอ


 


---เธอจากไปเพียงกาย แต่เสียงหัวเราะและภาพฝันของเธอยังคงอยู่ อยู่ในห้องสีฟ้าห้องนี้--- เขาหลับตาลงเห็นภาพเธอในคืนนั้น


 


 "คุณแน่ใจแล้วหรือคะ รพินทร์"  นั่นเป็นคำพูดที่เธอบอกแก่เขา น้ำเสียงเธอจริงจังแต่ฟังดูเศร้า ต่างจากเสียงหัวเราะเมื่อครู่ของเธอมาก


 


 "ครับ ผมแน่ใจ" เขาตอบ พร้อมกับโอบกอดเธอแน่นมากขึ้นกว่าเดิม และแนบใบหน้าใกล้แก้มของเธอ เธอยกมือสัมผัสใบหน้าเขา แก้มและมือของเธอเย็น เธอเอ่ยขึ้นอีกครั้งโดยที่สายตาของเธอยังคงมองทอดออกไปในความมืด


 


 "แต่มัสว่า คุณน่าจะลองถามใจของคุณเองดูให้แน่อีกสักครั้งเถอะค่ะว่า ผู้หญิงที่คุณต้องการจะแต่งงานด้วยนั้นเป็นมัสจริงๆ"  น้ำเสียงเธอฟังแล้วจริงจังมากขึ้น


 


 "คุณไม่รักผมเลยหรือ มัส" เขาเอ่ยขึ้น พร้อมกับกระชับกอดเธอแน่นขึ้นว่าเดิม


 


 "รักสิคะ มัสรักคุณเสมอค่ะ รพินทร์ รักมากด้วย แต่ตอนนี้คุณก็รู้ว่ามัสเป็นอย่างไร และมันคงไม่เป็นการยุติธรรมเลยที่คนดีๆ อย่างคุณจะต้องมาจมปรักอยู่กับผู้หญิงที่มีอดีตที่เลวร้ายอย่างมัส"


 


 "ทำไมคุณพูดอย่างนี้ละครับ มัส ผมบอกคุณแล้วใช่ไหมครับว่า ผมไม่เคยสนใจเรื่องราวในอดีตของคุณเลย ที่สำคัญผมก็เชื่อว่า ความรักของผมคงจะมีอานุภาพพอที่จะช่วยให้คุณลืมเรื่องเลวร้ายในอดีตที่ผ่านมาได้ ผมหวังว่าสักวันมันจะผ่านพ้นไปและลบหายไปจากใจของคุณ แต่งงานกับผมนะมัส เรามาเริ่มต้นกันใหม่อีกครั้งนะครับ"


 


 "การแต่งงานมันยิ่งใหญ่มากสำหรับผู้หญิงที่ไม่สมบูรณ์พร้อมอย่างมัส  มัสแต่งกับคุณไม่ได้หรอกค่ะ รพินทร์  และก็ใช่ว่าหากเราไม่แต่งงานกัน มัสจะไม่รักคุณ  มัสยังคงรักคุณเสมอไม่เปลี่ยน และคุณล่ะคะ รพินทร์  ถ้าคุณไม่ได้แต่งกับมัส คุณจะยังรักมัสอยู่ไหม"   เธอหันมาพูดกับเขา ทั้งสองสบตากันนอกหน้าต่างในความมืดมิดของกลางคืน ลมราตรีพัดวู่เข้ามาจนรู้สึกหนาว ที่ฟ้าไกลดาวสุกสกาวเต็มฟ้า แต่มีหนึ่งดวงที่โรยแสงพาตัวหล่นจากฟากฟ้า ซึ่งเธอมองเห็นมันฉายแสงวาวสุดท้ายสะท้อนอยู่ในแววตาของเขา


 


 "คุณรู้ไหมคะ รพินทร์ ว่าความตายนั้นเปรียบเสมือนท่วงทำนองสุดท้ายของดนตรี ซึ่งมันจะต้องมีวันจบเสมอ แต่ดนตรีก็สามารถเล่นทำนองเดิมของมันซ้ำได้อีกหลายครั้ง ถ้าคุณคิดที่จะเล่นมัน แต่สำหรับชีวิตไม่เคยมีวันย้อนกลับมาได้ หากร่างกายไร้ซึ่งลมหายใจ เวลาของมัสเหลือน้อยแล้ว คุณอย่ามาเสียเวลากับมัสเลย"  เสียงของเธอสั่นเครือ


 


 "ไม่เอาน่ามัส…อย่าพูดเรื่องตายอีกนะ คุณรู้ไหม มัส คุณจะเป็นดนตรีที่บรรเลงอยู่ในใจของผมโดยไม่มีวันจบ  ในโลกนี้คงไม่มีใครรู้จักความรัก  หากความรักไม่ก่อเกิดความรู้สึกใดๆ ในใจของคนๆ นั้น ไม่ว่ารักนั้นจะนำสุขหรือทุกข์มาสู่ใจ แต่นั่นก็คือ ความรัก  ซึ่งมันมิอาจผันเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นได้ อย่างไรเสียผมก็ยังยืนยันเจตนาเดิม คือ ผมต้องการที่จะแต่งงานกับคุณ  ผมไม่สนว่าใครคนอื่นจะมองผมอย่างไร ผมรักคุณมัส…รักคุณที่ใจและผมจะไม่มีวันเสียใจกับการตัดสินใจของผมในครั้งนี้ เพราะคุณจะเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ผมคิดและต้องการที่จะแต่งงานด้วย"   เขายืนกรานด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ดังหินผาที่ไม่สะทกสะท้านต่อสายลมแรงที่พัดมาปะทะมัน


 


 "แม้ว่าผู้คนรอบข้างคุณจะมองและคิดสมเพชในความโง่เขลาของคุณที่ตัดสินใจแต่งงานกับผู้หญิงอย่างมัส รพินทร์คะ…คนอื่นเขาต้องมองว่าชีวิตคู่ของเราคงจะต้องจบลงอย่างรวดเร็วและถาวร เพราะในไม่ช้า มัสต้องจากไปโดยทิ้งให้คุณอยู่เพียงลำพัง ซึ่งมันก็คงจะเป็นตามนั้นอย่างที่ไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้ คุณก็ยังคงไม่เปลี่ยนใจใช่ไหม คุณยังคงต้องการแต่งงานกับมัสใช่ไหมคะ"


 


 "แต่งงานกับผมนะมัส" เขาถามเธอแทนคำตอบ เธอมองดูเขา มองผ่านเข้าไปในดวงตาที่อบอุ่นของเขา เขารักเธอมาก เธอรู้ เช่นกันเธอก็รักเขา และอยากที่จะแต่งงานกับเขา เธอเฝ้าฝันมาตลอดว่า สักวันหนึ่งเธอคงมีโอกาสที่จะได้สวมชุดเจ้าสาว  ซึ่งมีสีขาวราวกับปุยเมฆบนท้องฟ้า ที่สำคัญหากเขาจะเป็นเจ้าบ่าวที่จูงมือเธอเข้าสู่ประตูวิวาห์ เธอคงจะมีความสุขมากที่สุดในชีวิตก็ว่าได้


 


 "มัสเหนื่อยค่ะ อยากจะนอนพักแล้ว" เธอบอกพลางทรุดกายลงนอนบนเตียง หลับตาเก็บงำความเศร้าให้อยู่ภายใต้ความมืดมิดของหัวใจ


 


เธอไม่อยากให้เขาต้องมารับผิดชอบกับสิ่งที่มันเกิดขึ้นแก่ตัวเธออีกต่อไป  หลังจากที่เขาออกจากห้องไปแล้ว เธอลุกไปที่โต๊ะพร้อมกับลงมือเขียนความในใจของเธอลงในบันทึกเล่มนั้น  เธอร้องไห้ทั้งจากร่างกายและจิตใจ น้ำตาเอ่อไหลออกมาภายนอกและไหลหายไปในหัวใจเธอ


 


เธอตัดสินใจแล้ว ว่าเธอจะไม่ร้องไห้อีกต่อไป


 


(โปรดติดตาม ตอนต่อไป)