Skip to main content

ขอที่ปลอดภัยให้น้อง Jim

คอลัมน์/ชุมชน


เรื่องราวเริ่มต้นจากประสบการณ์ผู้หญิงกลุ่มหนึ่งที่ไปใช้บริการตรวจภายใน คำถามที่มักถูกถามจากผู้ให้บริการอันดับแรกๆ นั่นคือ


 


แต่งงานแล้วหรือยัง?


หากตอบว่า ยังไม่ได้แต่งงาน แต่มีเพศสัมพันธ์แล้ว เธอก็อาจถูกมองด้วยแววตาตำหนิติเตียนเล็กน้อย


 


คำถามถัดมาคือ ใช้ถุงยางอนามัยกับแฟนด้วยหรือเปล่า?


หากตอบว่า ไม่ได้ใช้ หรือใช้บ้าง ไม่ใช้บ้างละก็ เธอคนนั้นเป็นอันต้องถูกถามต่อไปอีกว่า ทำไมไม่ใช้


 


พอตรวจเสร็จแล้วระหว่างที่รอหมอเขียนคำวินิจฉัยและเขียนใบสั่งยา เธอก็อาจจะถูกเทศนาจากแพทย์พอหอมปากหอมคอ แล้วแต่ว่าเธอผู้นั้นจะมาในสถานะไหน


 


 "ต้องตั้งใจเรียนนะ" หากเธอผู้นั้นกำลังอยู่ในวัยเรียน เป็นนักศึกษา


"แล้วพ่อแม่รับรู้ด้วยรึเปล่าว่าอยู่ด้วยกันกับแฟนแล้วน่ะ"  ในกรณีที่เธอกับแฟนยังไม่ได้แต่งงานกัน 


 


แต่เมื่อไหร่ที่พวกเธอเป็นผู้หญิงให้บริการทางเพศละก็......


"พอหนูบอกว่าหนูทำงานขายบริการเท่านั้นแหละ เขาก็เปลี่ยนเอาแท่งตรวจเบอร์ที่ใหญ่ที่สุดมาตรวจช่องคลอดหนูทันที"


 


เป็นผู้หญิงทั่วๆ ไปก็ยังเจอเรื่องแย่ๆ แต่หากเป็นผู้หญิงที่ทำงานขายบริการนั่นยิ่งแย่เข้าไปอีก จากตัวอย่างของการถูกตรวจด้วยวิธีการที่ไม่นุ่มนวลและไม่สุภาพต่อเนื้อตัวร่างกายของพวกเธอ และอาจสร้างความลำบากใจให้กับพวกเธอเพิ่มขึ้นอีก หากผู้ตรวจตั้งเงื่อนไขให้นำแฟนหรือสามีมารับการตรวจด้วยในครั้งถัดไป เพราะไม่รู้ว่าจะไปตามหาผู้ชายที่มาใช้บริการกับเธอได้ที่ไหนหรือเลือกเอาคนไหนมาเป็นพยานบุคคล


 


นอกจากประสบการณ์การตรวจภายในแล้ว ผู้หญิงอีกหลายคนต้องเผชิญกับประสบการณ์ที่น่าสะพรึงกลัว หากไปด้วยเหตุผลว่าท้องและอยากทำแท้ง ! ผู้หญิงบางคนก็ไปที่คลินิกเหล่านี้ด้วยเหตุผล ท้องและทำแท้งซ้ำซาก เสียด้วยสิ


 


 "นี่เธอ มาอีกแล้วนะ ทำไมไม่บอกให้แฟนใช้ถุงยางฯหรือกินยาคุมเล่า รู้ไหม ทำแท้งบ่อยๆ เนี่ย มีโอกาสเป็นมะเร็งปากมดลูกสูงนะ มดลูกเธอก็อาจทะลุด้วยหากถูกขูดบ่อยๆ น่ะ" เสียงเจ้าหน้าที่ต่อว่าผู้หญิงวัยรุ่นคนหนึ่งที่เข้าไปใช้บริการในคลินิกทำแท้งแห่งหนึ่ง


 


 "แฟนหนูเขาไม่ชอบใช้ถุงยาง เพราะว่ามันไม่สนุก ยาคุมกำเนิดบางเดือนก็มีเงินซื้อบ้างไม่มีเงินซื้อบ้าง บางยี่ห้อกินแล้วก็อ้วนอีก และอีกอย่างทีแรกเราก็ไม่ได้ตั้งใจจะมีเซ็กส์ด้วยกัน แต่อารมณ์และสถานที่มันอำนวย ก็เลยไม่ได้เตรียมถุงยางหรือเตรียมยาคุมฉุกเฉินไว้ป้องกัน" 


 


 "มันก็ยากอยู่นะ ที่จะขอให้ผู้ชายใช้ถุงยางกับหนูทุกคน เพราะบางทีมันก็มากันเป็นทีม ทีแรกมันก็มาคนเดียว แต่พอเสร็จแล้วมันก็โทรชวนเพื่อนมาขอนอนด้วยอีก และถุงยางก็มีไม่พอสำหรับผู้ชายทุกคนในเวลานั้นเสียด้วย"


สาวน้อยสองคนแรกตอบด้วยเหตุผลและสถานการณ์ที่คล้ายคลึงกัน


 


 " หนูเพิ่งแต่งงานได้เดือนเดียวเองค่ะ แต่กินยาคุมไม่เป็น ไม่มีใครสอน และในละแวกที่หนูอยู่ก็ไม่มีร้านขายของที่ขายยาคุม ไม่รู้จะไปซื้อที่ไหน"


สาวน้อยคนที่สามซึ่งน่าจะเป็นผู้หญิงชาวเขาที่พูดกับเพื่อนหญิงด้วยหน้าตาเศร้าสร้อยและหวาดหวั่น ต่างจากสองคนแรกที่คุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้เป็นอย่างดี และกล้าต่อปากต่อคำกับเจ้าหน้าที่คนนั้น


 


แต่ถึงจะท้องมาด้วยสาเหตุอะไร พวกเธอก็ถูกมองว่าเป็นผู้หญิงรักสนุกและไม่คิดป้องกันตัวเองไปแล้ว


 


สารพัดเรื่องที่ผู้หญิงต้องเผชิญ เมื่อไปรับบริการตรวจสุขภาพทางเพศ นั่นคงเป็นประสบการณ์ส่วนหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นบริการสุขภาพทางเพศสำหรับผู้หญิงในปัจจุบัน ส่วนใหญ่ผู้หญิงมักจะถูกตัดสินจากผู้ให้บริการ พวกเธอมักถูกจัดประเภทให้กลายเป็นผู้หญิงดี/ไม่ดี โดยพิจารณาจากพฤติกรรมทางเพศและสถานภาพของพวกเธอเป็นสำคัญ  


 


หากผู้หญิงคนนั้นเป็นผู้หญิงให้บริการทางเพศ มีเพศสัมพันธ์โดยยังไม่ได้แต่งงาน เป็นเยาวชนอยู่ระหว่างศึกษาเล่าเรียน และมาด้วยเหตุผลต้องการทำแท้ง ก็จะถูกปฏิบัติอีกแบบหนึ่ง ถูกตำหนิติเตียน และอยู่ในภาวะอึดอัดใจที่จะตอบคำถามในหลายๆ เรื่อง ทั้งๆ ที่แทบทุกคำถามน่าจะเป็นคำถามที่คู่หรือเพื่อนชายของพวกเธอต้องช่วยกันตอบ แต่ส่วนใหญ่ก็เห็นผู้หญิงไปหาหมอโดยลำพังทั้งนั้น


 


แตกต่างจากผู้หญิงอีกกลุ่มที่แต่งงานแล้วและสามารถพาสามีไปปรากฏตัวให้หมอได้เห็นหน้าค่าตาด้วย ที่ไปเพราะไปขอรับคำปรึกษาภาวะมีบุตรยากก็เยอะ ซึ่งเป็นปัญหาที่ตรงกันข้ามกันกับพวกที่ไปขอทำแท้ง ความรู้สึกกระอักกระอ่วนใจจากคำถามของหมอคงมีน้อยกว่า


 


เรื่องเหล่านี้คงสะท้อนภาพความเป็นจริงของวิถีชีวิตทางเพศของผู้คนในสังคมที่ไม่ได้ตั้งอยู่ในกรอบของการแต่งงานเสมอไป แต่ไม่ว่าพวกเธอจะไปพบหมอด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ประเด็นสำคัญก็คือ


 


พวกเธอมีสิทธิตัดสินใจในเนื้อตัวร่างกายและจัดการกับวิถีชีวิตทางเพศของเธอได้มากน้อยสักแค่ไหน ไม่ว่าจะเป็นสิทธิในการตัดสินใจเลือกคู่ชีวิตบนความพึงพอใจทั้งสองฝ่าย สิทธิที่จะมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย..และมีความสุขด้วย...แฮ่ม!!!


 


และถ้าหากว่าผู้หญิงคนหนึ่งจะเข้าไปด้วยปัญหาว่าที่ผ่านมาไม่เคยพบกับความรื่นรมย์ทางเพศตลอดชีวิตของเธอเลยล่ะ เพราะสิ้นหวังกับพวกผู้ชายที่มัวขะมักเขม้นกับการหาวิธีการทำอย่างไรให้จู๋ของตัวเองมีขนาดใหญ่สะท้านใจสาว หรือกำลังหมกมุ่นกับการหาวิธีปั่นจิ้งหรีดให้เด้งดึ๋งปึ๋งปั๋งนานที่สุดเท่าที่จะนานได้ (จุดจบของผู้ชายกลุ่มนี้ก็น่าสยดสยองเพราะจู๋เน่าเฟะต้องตัดทิ้งไปก็หลายราย หึหึ) ไม่อย่างนั้นจะมีศูนย์ประเภทรับให้คำปรึกษาสมรรถภาพชายมีไฟ (มอด) ผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ดหรอกหรือ


 


แต่ผู้ชายพวกนี้กลับละเลยการพูดคุยกับแฟนที่นอนอยู่ข้างๆ ด้วยกันทุกวัน ซึ่งไม่ต้องเสียค่าขอรับคำปรึกษาใดๆ แม้สักแดงเดียว แม้ว่าความจริงก็คงมีผู้หญิงไม่กี่คนกล้าคุยเรื่องพวกนี้กับคู่ของตัวเอง นอกจากคุยกับเพื่อนสนิทเท่านั้น ก็เพราะมีใครก็ไม่รู้มาบอกว่าผู้หญิงดีเขาไม่พูดเรื่องเพศกันน่ะสิ และใครๆ ก็ยังอยากจะเป็นผู้หญิงดีมากกว่าผู้หญิงบ้ากามเสียด้วย


 


หวังว่าคงไม่มีใครหลงคิดไปว่าเรื่องนี้ต้องแก้ด้วยผู้เชี่ยวชาญตอบปัญหาทางเพศเชียวนะ เพราะที่ผ่านมาก็คิดกันมาอย่างนี้ตลอด


 


ผู้ให้บริการสุขภาพทางเพศมีสิทธิที่จะเลือกปฏิบัติหรือตัดสินผู้หญิงเหล่านั้นโดยเอาบรรทัดฐานความคิดของตนเองเป็นที่ตั้งได้แค่ไหน สามารถให้บริการผู้หญิงอย่างครอบคลุมปัญหาชีวิตทางเพศและบริการอนามัยเจริญพันธุ์ตลอดชีวิตของพวกเธอได้หรือไม่ ทุกวันนี้พอจะไปตรวจภายใน ไปทำคลอด/ทำแท้ง วางแผนการมีลูก บริการให้คำปรึกษา หรือเข้าสู่ช่วงวัยทอง แต่ละแห่งก็แยกการให้บริการไปเป็นส่วนๆ 


 


การรักษาความลับ การจัดพื้นที่บริการที่ปลอดภัยและเป็นส่วนตัว  ยังเป็นเรื่องที่ถูกละเลยอยู่หรือไม่ และอะไรเป็นหัวใจสำคัญที่ผู้ให้บริการควรคำนึงอยู่เสมอ หลายครั้งที่มีเหตุการณ์เจ้าหน้าที่รวมกลุ่มกันซุบซิบเมื่อเห็นผู้หญิงมาตรวจเลือดและพบผลเลือดเป็นบวก


 


ถ้าผู้ให้บริการไม่คิดถึงความละเอียดอ่อนในการให้บริการ และไม่สนใจความรู้สึกของคนอื่นก็อย่าทำเลยดีไหม  มันบั่นทอนความรู้สึกของคนอื่นให้แย่ลงแทนที่จะช่วยให้พวกเธอรู้สึกดีขึ้น กว่าที่ผู้หญิงคนหนึ่งตัดสินใจเข้ามาตรวจภายใน ตรวจเลือด ทำแท้ง ฯลฯ  พวกเธอต้องเอาชนะกับความรู้สึกหวาดกลัวและความเขินอายภายในใจ คิดว่าสถานที่เหล่านี้จะช่วยให้สภาพจิตใจที่ย่ำแย่อยู่แล้วดีขึ้น แต่กลับต้องมาพบการบริการที่ไม่เป็นมิตรแทนเสียนี่ มันน่าเจ็บใจไหมล่ะ


 


น้องจิ๋มที่เปิดอ้าให้เห็นต่อหน้าพวกเขา ปล่อยให้ควักให้ล้วง เอาอะไรใส่ๆ ยัดๆ ดูดๆ เข้าไปนั่นน่ะ แท้จริงแล้วเธอมีหัวจิตหัวใจ ทั้งยิ้ม ร้องให้ เจ็บปวด และไม่อาจมองเห็นทะลุปรุโปร่งได้ด้วยเครื่องมือตรวจภายในเท่านั้น  แต่ต้องใช้หัวใจเพ่งพิศปัญหาของเธอ


 


คราวหน้า เราจะมาว่ากันต่อว่าผู้หญิงที่เลือกอยู่ในกรอบการแต่งงาน ต้องเผชิญชะตากรรมอะไรบ้างกับการเลือกใช้ชีวิตทางเพศที่ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม


 


จุดจบไม่ต่างกันนักหรอก ขอบอก