Skip to main content

"กินกันทั้งจังหวัด"

คอลัมน์/ชุมชน

 


ว่าจะไม่คิดไม่เขียนถึงเรื่องการชิงโชคที่กำลังโฆษณาปูพรมกันแบบบ้าเลือดในสื่อต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสื่อโทรทัศน์ในปัจจุบันนี้  ทั้งที่ออกมาชวนส่งฉลากชิงโชคกันตรงๆ โดยเอาเงินล้าน เอารถยนต์ เอาบ้าน เอาทอง เข้าล่อ หรือชิงโชคแบบแอบแฝงโดยให้ส่งจดหมาย ส่ง SMS (ซึ่งคนโทรต้องจ่ายค่าโทรศัพท์ โดยเงินที่จ่ายส่วนหนึ่งเข้ากระเป๋าเจ้าของรายการ) แล้วจับฉลากแจกรางวัลที่น่าจะน้อยกว่ารายได้จากส่วนแบ่งการโทรศัพท์


 


หรือแม้กระทั่งการจัดเกมโชว์  ซึ่งส่วนใหญ่ประชาชนคนที่จะได้รับการคัดเลือกให้แต่งตัวสวยขึ้นมาเหยียบเวทีเพื่อเล่นเกมลุ้นโชค  มีโอกาสเท่ากับโอกาสที่จะถูกล็อตเตอรี่รางวัล (ไม่ใช่แค่เลขท้าย)  เพื่อที่จะฝันค้างชวดรางวัลใหญ่รับแค่เงินรางวัลปลอบใจไม่กี่พันบาท หรืออย่างมากก็แค่หมื่นต้นๆ กลับบ้าน ส่วนคนที่มีโชคหรือมีความสามารถต่อสู้จนสายตัวแทบขาด ผ่านด่านต่างๆ จนมีโอกาสได้รางวัลใหญ่นั่นก็เถอะ  ผมเองไม่ใช่นักสถิติ แต่คาดว่าโอกาสของคนเหล่านี้น่าจะไม่แตกต่างจากการถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่หนึ่งเท่าไรนัก


 


แม้ว่าเมื่อ 6 ปีก่อน ญาติสนิทคนหนึ่งของผมจะเคยส่งฝาเบียร์ยอดนิยมราว 100 ฝา ที่ผมกินไปเก็บฝา (ตามคำขอของญาติคนนั้น) ไป  ไปหมกอยู่ในกองฝาเบียร์ขนาด 30 คนโอบในห้องส่งโทรทัศน์ แล้วเผอิญถูกจับขึ้นมาได้รางวัลสร้อยคอทองคำน้ำหนักสองบาทที่มีห่วงและขอเกี่ยวเป็นรูปสัตว์สัญลักษณ์เบียร์ดังกล่าวมาหนึ่งเส้น


 


และแม้ว่าหลังจากนั้นอีกสามเดือน ญาติคนเดิมส่งฝาที่ผมเก็บไว้ให้อีกนั่นแหละราว 50 ฝาไปหมกในฝากองใหม่ ก็ได้รางวัลปลอบใจเป็นเบียร์อีก 2 ลังอีกครั้งหนึ่งติดต่อกันถึง 2 ครั้ง 2 ครา ซึ่งผมคิดว่าโอกาสความเป็นไปได้ตามหลักสถิติแบบนี้น่าจะยากกว่าการถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่หนึ่งด้วยซ้ำไป ก็ไม่ได้ทำให้ผมเกิดความสนใจการชิงโชคแบบนี้เลยแม้แต่น้อย ยังคงตั้งหน้าตั้งตาดื่มเบียร์พลางเก็บฝาไว้ให้ชาวบ้านตามคำขออย่างเสมอต้นเสมอปลาย


 


จะมีอยู่บ้างถ้าอารมณ์ดีและพอมีเวลา ก็พวกคูปองที่แจกตรงนั้นส่งตรงนั้นเลย เช่นตามห้างสรรพสินค้าหรือปั๊มน้ำมัน ที่เขาแจกเมื่อซื้อสินค้าหรือเติมน้ำมันรถครบกำหนดที่ตั้งไว้ ก็อาจยอมเสียเวลานิดหน่อยเขียนชื่อที่อยู่หย่อนตู้แล้วลืมไปเลย ไม่เคยคิดติดตามฟังผลหรือแม้แต่คิดว่าจะมีโอกาสถูกรางวัล


 


อีกอย่างก็คือ นานๆ ทีที่ผมจะซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลสักครั้ง ก็จะเป็นการซื้อแบบเสี่ยงโชคเล่นสนุกๆ ซื้อแล้วเก็บใส่กระเป๋าจนลืมตรวจก็เคยมีอยู่บ่อยๆ เพราะในสมัยก่อนยังไม่มีเว็บไซต์ตรวจสลากทางอินเตอร์เน็ต ในการนี้ แม้ว่าผมจะไม่ค่อยนิยมประพฤตินักเห็นได้จากการที่นานๆ จะซื้อสักครั้ง แต่ผมมักซื้อครั้งละหลายสิบใบด้วยเลขเดียวกันหรือที่เรียกกันว่าหวยชุดนั่นแหละ โดยผมจะตั้งคอนเซ็บท์ในการเสี่ยงโชคด้วยเหตุผลส่วนตัวของผมเองว่า


 


หนึ่ง ผมทำงานมาตลอดชีวิตจนอายุจะครบเกษียณในปีสองปีนี้แล้ว แม้ว่าจะไม่เคยจนยาก แต่ก็ยังไม่เคยรวยสักที แถมยังมีเพื่อนฝูงเป็นเศรษฐีระดับหลายร้อยล้านอยู่หลายคน ระดับหลายล้านหลายสิบหลายร้อยคน ก็เลยคิดเล่นๆ ว่า ชาตินี้หากมีบุญมาวาสนาส่งโดยไม่ต้องไปเป็นญาติกับคุณพิชัยละก็  ถ้าได้ลองเป็นเศรษฐีสักสิบปีก่อนตายก็น่าจะดีไม่หยอก จริงอยู่ แม้จะเคยซื้อรถป้ายแดงมาแล้วเมื่อไม่นานนี้ แต่ก็เป็นรถปิคอัพที่ซื้อมาไว้ใช้หาเงิน หากจะมีโอกาสขับรถเก๋งป้ายแดงตอนแก่สักทีคงไม่เสียชาติเกิด


 


สอง แม้ว่าพร็อบแพ็บบาบีลีตี้ (อย่างที่พวกผมเรียกกันตอนเรียนวิชาสติถิ เอ๊ย... สถิติ) ของการซื้อหวยหลายประตู เลขนั้นใบ เลขนี้ ใบ เลขโน้นใบ เลขนู้นอีกใบ จะสูงกว่าการเทซื้อเลขเดียวด้วยเงินจำนวนรวมแล้วเท่ากันก็ตาม ผมเป็นคนใจใหญ่เลยคิดเอาเองว่า หากจะมีโชคทั้งทีละก้อ การซื้อประตูเดียวหรือหลายประตู บทมันจะถูก ซื้อเลขเดียวมันก็ถูกเองแหละ ตรงกันข้าม ถ้าหากไม่มีโชค บทมันจะไม่ถูก ซื้อดักสัก 90 ประตู เหลือช่องลอดเพียง 10ประตูมันก็ไม่ถูกอยู่ดี ก็เลยชอบเล่นแค่เลขเดียว เผื่อฟลุคจะได้เป็นน้ำเป็นเนื้อหน่อย


 


สาม เมื่อซี้อหวยไปแล้ว ผมจะลืมมันไปเลย จนวันหวยออกหรือหลังจากนั้น นึกได้เมื่อไรจึงค่อยเปิดอินเตอร์เน็ตตรวจรางวัล ระหว่างนั้นผมไม่เคยนึกถึงมันเลย


 


ถ้าถามผมว่าผมอยากถูกหวยรางวัลที่หนึ่งบ้างไหม ยอมรับอย่างหน้าชื่นอกตรมว่าอยาก แต่ถ้าเกิดถามผมต่อว่า หากถูกรางวัลที่หนึ่งผมจะทำอะไรบ้าง ตอบได้ทันทีเลยว่าไม่รู้ซี เพราะยังไม่เคยคิด และไม่อยากคิดเพราะไม่มีประโยชน์ที่จะเสียเวลาไปนั่งคิดสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้นเท่ากับการที่จะได้แต่งงานกับนางงามจักรวาลมั้ง  เถอะ... แม้ว่าการที่จะคิดถึงมัน (ก็ทั้งสองเรื่องนั่นแหละ) อาจทำให้เกิดความสุขอย่างลับๆ ได้บ้างก็ตามที


 


สรุป ผมยังเสี่ยงโชคบ้างเป็นบางครั้ง แต่ไม่เคยหมกมุ่น และไม่เคยตั้งความหวังไว้กับโชคที่เสี่ยง มากไปกว่าการคิดว่า ฟลุคๆอาจได้ทำอย่างเศรษฐีทำกันบ้างก็ได้


 


กลับมาว่ากันเรื่องที่ผมมีความรู้สึกต่อคนทั่วไปจำนวนไม่น้อย ที่ฝากชีวิต ฝากความหวัง บางคนฝากแม้กระทั่งอนาคตไว้กับการเสี่ยงโชคแบบไม่ลืมหูลืมตา ด้วยผลจากการมอมเมาของสินค้าหรือธุรกิจการค้าที่เห็นแก่ได้บางประเภท ที่ทุ่มโฆษณาแจกจ่ายรางวัลจากการเสี่ยงโชคแบบไม่คำนึงถึงคุณธรรมและจริยธรรมใดๆ ทั้งสิ้น


 


เท่าที่ผมทำได้ในปัจจุบัน และทำอยู่เสมอเมื่อมีโอกาสก็คือ การพยายามยกตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนและเข้าใจง่ายๆ ให้แก่ลูกน้องประมาณ 40-50 คนที่ใกล้ชิดกับผม ให้ได้เห็นว่าโอกาสที่เขาจะได้รางวัลใหญ่ๆ อะไรต่อมิอะไร ตามที่เห็นทางโทรทัศน์หรือหน้าหนังสือพิมพ์นั้น เกือบจะเท่ากับศูนย์


 


ผมจะเปรียบเทียบกับสิ่งที่เห็นง่ายๆ เช่น โอกาสที่คุณ (หรือมึง) แค่จะถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่ห้าก็คือ ให้ลองนึกภาพสนามฟุตบอลขนาดสนามศุภชลาศัยที่มีคนดูนั่งอยู่เต็มทั้งสี่ด้าน โดยมีคุณ (หรือมึง) นั่งอยู่ตรงไหนตรงนึง ทีนี้เอาใครคนหนึ่งไปยืนอยู่กลางสนาม ถือลูกเทนนิสสักลูก หลับหูหลับตาขว้างลูกเทนนิสไปสุดแรงเกิด ไอ้เจ้าลูกบอลที่ว่านี่ไปถูกหัวใครเข้าละก็ ไอ้หมอนั่นแหละคือคนที่โชคดีมีโอกาสถูกหวยรางวัลที่ 5


 


และยิ่งถ้าพูดถึงรางวัลที่หนึ่งละก็ ต้องมีสนามศุภฯ อย่างที่ว่านี่ราว 20 สนาม หามาแบบนี้สนามละคน ก็จะได้อมนุษย์ เอ๊ย ยอดมนุษย์มา 20 คน ทีนี้เอาไอ้เจ้า 20 คนนี่มายิงลูกโทษ เอ๊ย... จับคู่ชกกัน จะแบบพบกันหมดแล้วเก็บคะแนน หรือแบบแพ้คัดออกก็ได้ จนเหลือยอดมนุษย์ทองคำคนสุดท้ายเพียงคนเดียว ได้เจ้านี่แหละคือคนที่จะมีโอกาสถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่หนึ่ง คุณหรือจะเป็นมึงก็แล้วแต่เหอะ ฟังดูแล้วยังกล้าแม้แต่จะคิดอีกไหมว่า หากถูกรางวัลที่หนึ่งแล้วจะทำอะไรบ้าง


 


อีกตัวอย่างหนึ่งก็คือ เมื่อปีก่อน วงการชิงโชคบ้านเราเคยบ้ากันเรื่องเปิดฝาชาเขียวหาเงินล้าน ถ้าจำไม่ผิดเขาทำไว้ 26 ฝากระจายไปทั่วประเทศไทย ผมบอกลูกน้องผมว่า เอายังงี้ คิดง่ายๆ ก็แล้วกัน สมมุติว่าไอ้เจ้า 26 ฝานี่น่ะ มันกระจายไปอยู่จังหวัดละ 1 ฝา ก็จะมี 26 จังหวัดในประเทศไทยที่มีชาเขียวขวดที่มีฝามหากาฬนั่น 1 ขวด ซึ่งมันจะแอบไปอยู่ในตู้แช่หรือตู้เย็นบ้านใครสักคนในจังหวัดนั้นโดยที่เจ้าของตู้ก็ไม่มีทางรู้


 


แล้วทีนี้ประชาชนที่เหลืออีกเป็นล้านๆ คนในจังหวัดนั้นทั้งจังหวัด ที่อยู่ในอำเภอต่างๆ ตำบลต่าง หมู่บ้านต่างๆ ห้องแถวต่างๆ บ้านผ่อนต่างๆ บ้านเช่าต่างๆ คอนโดต่างๆ บ้านต่างๆ ทาวน์เฮ้าส์ต่างๆ กระต๊อบต่างๆ รวมทั้งพวกที่อาศัยนอนใต้สะพานต่างๆ ต่างก็พยายามตะเกียกตะกายจะหาไอ้เจ้าฝานั่นฝาเดียวตามที่ต่างๆ ที่มันไม่มีโอกาสจะอยู่ (เพราะมันไปแอบอยู่ในตู้ที่ว่าตอนต้นนั้นแล้ว) พยายามจะหาสิ่งที่ไม่มีให้เจอให้ได้ พลางตั้งความหวังลมๆ แล้งๆ ว่า คอยดู (นะมึง) เจอเมื่อไหร่พ่อจะรวยเสียให้เข็ด


 


ยิ่งไปกว่านั้น บรรดาอีก 50 จังหวัดที่เหลือ คือจังหวัดที่ไม่มีวาสนาจะให้ไอ้เจ้าฝาวิเศษนี่ไปสิงสถิตให้เป็นมงคลแก่จังหวัด บรรดาประชากรนับล้านในละจังหวัดนั้นๆ ทั้งที่อาศัยอยู่ในอำเภอต่างๆ ตำบลต่าง หมู่บ้านต่างๆ ห้องแถวต่างๆ บ้านผ่อนต่างๆ บ้านเช่าต่างๆ คอนโดต่างๆ บ้านต่างๆ ทาวน์เฮ้าส์ต่างๆ กระต๊อบต่างๆ รวมทั้งพวกที่อาศัยนอนใต้สะพานต่างๆ ต่างก็ก้มหน้าก้มตาควานหาไอ้เจ้าฝานั่น ซึ่งไม่มีแม้แต่สักอันในจังหวัดนั้นทั้งจังหวัด อย่างเต็มไปด้วยความหวัง (ที่จะรวยเสียให้เจ้าของชาเข็ด)


 


ลูกน้องผมจึงเพิ่งดวงตาเห็นธรรม โชคดีที่พวกนี้ไม่ชอบกินชาเขียว เห็นมีหลายคนเลิกกินบะหมี่ซองบางยี่ห้อไปเลย แต่ก็ยังมีบางคนที่ยังดื่มเบียร์ยี่ห้อโกอินเตอร์ไปตลาดหุ้นสิงคโปร์อยู่ เว้นแต่ว่าต่างคนต่างเลิกเก็บฝาเบียร์ไว้ส่งชิงโชคโดยมิได้นัดหมายกันแต่ประการใด