Skip to main content

ห้องสีฟ้า ตอนจบ

คอลัมน์/ชุมชน

---ที่เตียงนี้---


 


เขาทรุดกายนั่งลงบนเตียงเปล่ามือลูบไล้สัมผัสกับรอยยับย่นของผ้าปูที่นอน บนเตียงนี้ ภาพที่เธอนอนอยู่บนเตียงในคืนนั้นปรากฎขึ้นในห้วงแห่งความทรงจำของเขาอีกครั้ง นึกถึงวันแรกที่พาเธอเข้ามาในห้องสีฟ้าห้องนี้


 


 "มัสขอผ้าปูเตียงสีฟ้านะคะ เอาสีเหมือนท้องฟ้าจริงๆ  เลยนะคะ จะได้เข้ากับสีของห้อง"  เธอบอกพร้อมกับมองดูรอบๆ ห้อง  สีหน้าฉายแววดีใจเหมือนกับเด็กที่ได้ของเล่นที่ต้องการพร้อมกับนั่งลงบนเตียงนี้


 


 "คุณเคยมองดูบ้างไหมคะ รพินทร์  ฟ้ายามบ่ายต้องแดดจ้า ฟ้าเป็นฟ้าเลยล่ะค่ะ มัสฝันมาตั้งแต่เด็กแล้วล่ะค่ะว่า ถ้ามัสขอพรวิเศษได้ มัสก็จะขอให้ตัวเองบินได้ และมัสก็จะบินขึ้นไปบนท้องฟ้า ไปเอาเมฆที่อยู่บนนั้นมาปั้นเล่น"  เธอบอกด้วยใบหน้ายิ้มพรายอย่างคนช่างฝัน โดยที่สายตาของเธอก็จ้องมองออกไปที่ฟ้าไกล


 


---ใช่ฟ้าเป็นฟ้า--- เพิ่งมีวันนี้เองที่เขามองเห็นสีของท้องฟ้าเป็นสีฟ้าเหมือนที่เธอมอง เพราะที่ผ่านมาท้องฟ้าในสายตาเขามีเพียงสองสีคือ สีแห่งความสว่างในเวลากลางวันและสีแห่งความมืดในเวลากลางคืน เธอเคยบอกเขาอยู่เสมอๆ ว่า หากเขาคิดถึงเธอ ขอให้เขามองขึ้นไปบนฟ้า แล้วเขาก็จะเห็นเธอแหวกว่ายอยู่กับฟองคลื่นขาวของปุยเมฆบนฟ้าครามยามบ่าย และเธอก็จะคอยมองดูเขาเช่นกัน


 


 "คุณจะไม่เหงาหรอกค่ะ รพินทร์" เธอจะบอกย้ำแก่เขาเสมอยามที่เขาเอ่ยว่า ตัวเองคงเหงาในยามที่ไม่มีเธอ


 


 "มัสจะอยู่บนฟ้า จะมองดูคุณเสมอทุกเวลาไม่ว่ากลางวันหรือกลางคืน ถ้าคุณคิดถึงมัส ขอให้คุณมองขึ้นไปบนฟ้า แต่ที่สำคัญในใจคุณต้องมีมัสและระลึกถึงมัสอยู่เสมอนะคะ ถ้าใจคุณปราศจากมัส คุณก็จะไม่สามารถมองเห็นมัสได้" เธอบอกเขาในวันหนึ่ง


 


 "ผมจะเห็นคุณได้อย่างไรกันมัส ผมว่าผมจะเห็นแต่เพียงก้อนเมฆที่อยู่บนท้องฟ้าเท่านั้น แต่เรื่องที่จะมีคุณอยู่ในใจนั้น ผมยืนยันได้ว่า ไม่ว่าวันนี้ พรุ่งนี้ หรือวันไหนๆ ผมจะมีคุณเสมอในใจไม่มีวันลืมเลือน"


 


 "รพินทร์คะ เพียงแค่คุณคิดที่จะมองฟ้า เพราะคำพูดมัส แค่นี้คุณก็จะเห็นมัสแล้ว อย่างน้อยก็ในใจของคุณ" เธอเอ่ยบอกแก่เขาด้วยสายตาที่เศร้าเหงา


 


จากกันแค่กาย แต่ความรักของเราจะยังคงอยู่…"  เขาเอาสมุดบันทึกเล่มนั้นมากอดแนบอกเมื่อนึกถึงคำพูดที่ได้เคยบอกแก่เธอ  มีคุณคนเดียวในใจนี้…"


 


และเธอก็จากเขาไปอยู่บนฟ้าไกลในคืนนั้น หลังจากที่เขากลับออกไปจากห้องนี้แล้วและท่ามกลางแสงของดวงดาวที่กระพริบพราวอยู่เต็มฟ้า คืนนั้นดวงดาวต่างรวมตัวกันเป็นเสมือนสะพานนำพาเธอข้ามไปสู่ฟ้าไกล เธอตัดสินใจเลือกที่จะไม่มีชีวิตอยู่ เพราะอดีตร้ายๆ ที่ผ่านมายังคงตามหลอกหลอนเธออยู่ทุกวัน ซ้ำร้ายผู้คนรอบข้างที่ได้รับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับเธอต่างพากันมองดูเธอด้วยสายตาที่หมิ่นแคลนเสมอๆ เหมือนกับว่า เธอเป็นตัวประหลาดในหมู่ของพวกเขา ทั้งๆ ที่เธอเองก็ยังมีเลือด มีเนื้อ มีลมหายใจ และความรู้สึกนึกคิดเหมือนกับพวกเขาเหล่านั้น เป็นความผิดของเธอหรือเปล่า ไม่ใช่เลย มันไม่ใช่ความผิดของเธอ มีใครบ้างล่ะที่ต้องการให้เรื่องร้ายๆ เกิดขึ้นกับตัวเอง


 


เพราะสังคมของเรามีแต่เรื่องเลวร้ายบีบคั้น สภาพความเป็นคนของเราหายไป คนเราไม่มีจิตใจเป็นคน หลายคนถูกวิญญาณร้ายเข้าสิงสู่ในจิตใจ ให้เกิดความโลภโมโทสัน กระหายใคร่ได้ในชื่อเสียงลาภ ยศ เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนมากกว่าส่วนรวม เกิดอาชญากรรม อาชญากรขึ้นมากมายในสังคม หลายคนเห็นความเป็นความตาย ความทุกข์ยากของเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เป็นมหรสพที่น่าชม น่าดู


 


เพราะสังคมเป็นเสียอย่างนี้ คนที่ได้รับผลกระทบก็แปรเปลี่ยนเป็นสัตว์ร้ายในคราบของคน ดังที่ปรากฎในหน้าหนังสือพิมพ์หรือสื่อต่างๆ อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ศีลธรรมและคุณธรรมประจำใจของคนต่างแห้งเหือดและหมดไป และสิ่งที่เหลืออยู่คือ สันดานดิบเถื่อนของสัตว์ร้ายที่ซุกซ่อนอยู่ภายในจิตใจของเรา ซึ่งพวกมันรอเวลาที่จะเข้ายึดจิตใจของเรานานแล้ว


 


คนที่ถูกสัตว์ร้ายเข้าครอบงำ จิตใจของเขาจะเปลี่ยนแปลงไป จากคนดีกลายเป็นคนร้าย สามารถที่จะทำสิ่งที่ไม่คาดคิดออกมาได้ โชคร้ายที่เธอเองก็ตกเป็นเหยื่อของพวกมันด้วยเช่นกัน โดยไม่รู้ตัวเธอถูกสัตว์ร้ายในร่างของมนุษย์ที่เธอเรียกว่าเพื่อน มอมยาและปลุกปล้ำขืนใจเธอ ซึ่งนั่นก็เลวร้ายมากเกินพอแล้วสำหรับเธอ   แต่พายุแห่งโชคชะตาก็ยังมิได้หยุดพัดกระหน่ำซ้ำเธอ เธอติดเชื้อเอชไอวีจากพวกที่ข่มขืนเธอ  แถมพวกมันยังถ่าย VDO ฉากไล่ล่าและรุมขย้ำเหยื่อของพวกมันออกมาเผยแพร่ให้คนภายนอกได้ดูกันอีกด้วย  คนรอบข้างเธอ ไม่ว่าจะเป็นญาติ เพื่อนฝูง ผู้ร่วมงานของเธอบางคนที่ไม่ยอมรับเธอต่างพากันตั้งแง่รังเกียจ นินทา พูดถึงเรื่องของเธออยู่เสมอ คนเหล่านั้นจะเห็นเป็นเรื่องสนุกปากเวลาพูดถึงเรื่องของเธอ โดยหารู้ไม่ว่าคำพูดของพวกเขาที่พูดฟังดูสนุกนั้นกับเป็นเสมือนคมมีดที่กรีดบาดลึกและทิ่มแทงหัวใจที่บอบช้ำของเธอให้เป็นแผลร้าย ลุกลาม ยากต่อการเยียวยาให้หายขาดได้เสียแล้ว


 


ความตายจึงเป็นทางออกเดียวที่ดีและเหมาะสมสำหรับเธอ ซึ่งเธอเองก็ต้องการเช่นนั้น แม้ว่าจะมีอีกหลายคนที่รักเป็นห่วงเธออย่างจริงใจ รวมทั้งเขาด้วยที่ทั้งชีวิตเขาพร้อมที่จะมอบให้แก่เธอ แต่ชีวิตของใครก็ของคนๆ นั้น ไม่มีใครมีสิทธิ์ในชีวิตของกันและกัน เขาไม่สามารถใช้ความรักที่มีลบล้างเยียวยาบาดแผลในใจให้เธอได้


 


เมื่อเช้านี้ เขาเข้ามาพบเธอที่ห้องสีฟ้านี้อีกครั้ง แต่เขาพบเพียงร่างไร้ซึ่งลมหายใจของเธอเท่านั้น เธอเขียนบันทึกถึงเขา ซึ่งตอนนี้เขากำลังอ่านมันอยู่ เธอขอบคุณเขาและอีกหลายๆ คนที่ยังคงรักและเป็นห่วงเธอเสมอ แต่เธอก็ไม่อาจอยู่สู้ชีวิตที่เลวร้ายอย่างนี้ต่อไปได้อีกแล้ว เธอขอโทษเขา เธอไม่โทษใคร ไม่โทษคนพวกนั้นที่ได้ทำลายเธอ ไม่โทษสังคม ไม่โทษอะไรเลย เธอยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น และยอมรับในความอ่อนแอของตัวเธอเอง เธอขอเลือกที่จะไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไป


 


---ความตายคงเป็นสิ่งเดียวที่จะหยิบยื่นอิสรภาพและนำพามัสให้พ้นทุกข์ คนตายไม่คิดอะไร ความตายไม่น่ากลัว---


 


นั่นเป็นข้อความในตอนท้ายของบันทึกเธอ


 


เขาปิดสมุดบันทึกลุกจากเตียงไปยังหน้าต่างที่เปิดรับแสงแดด และสายลม เหม่อมองขึ้นไปบนฟ้ากว้างสีคราม


 


 ผมคิดถึงคุณ…มัส…" หัวใจเขาร่ำไห้เพราะความอ่อนแอของตัวเอง ลมพัดโชยมาพร้อมกับหอบเอาบทเพลงแห่งความเดียวดายเข้ามาทางหน้าต่างที่เปิดไว้ ม่านสีขาวพลิ้วไหวยามต้องลม เขายังคงยืนอยู่ที่หน้าต่าง ฟ้าแดดยามนี้สวยงามยิ่งนัก เมฆขาวกำลังเริงร่าเต้นรำกับสายลมที่พัดผ่านบนฟ้าสีคราม เขามองเห็นสิ่งเหล่านั้นในใจคิด


 


จริงอย่างที่คุณบอกมัส ผมเห็นคุณ…แล้วคุณล่ะ…มองเห็นผมหรือเปล่า…"


 


 


บันทึกท้ายเรื่อง


ผู้ชายอย่างรพินทร์มีอยู่จริงบนโลกใบนี้ ที่ไม่รังเกียจคนที่ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ ในร่างกาย และคนที่ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ในร่างกายอย่างมัสก็สามารถที่จะมีชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างยืนยาว หากเธอรู้และเข้าใจในวิธีการที่จะดูแลรักษาตนเอง แต่ก็น่าจะเข้าใจในการตัดสินใจของมัสได้ เพราะว่าที่ผ่านมามีผู้ติดเชื้อฯ จำนวนไม่น้อยที่ต้องเสียชีวิตก่อนเวลาอันควร โดยสาเหตุหนึ่งมาจากการไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องเหมาะสมและมีคุณภาพเพียงพอ ทั้งด้วยความไม่รู้ของผู้ติดเชื้อเองและความไม่เข้าใจของบุคลากรทางการแพทย์


 


แต่ในปัจจุบันมีหน่วยงานทั้งของภาครัฐและองค์กรเอกชนไทยหลายหน่วยงานที่ทำงานเพื่อผลักดันให้เกิดกระบวนการรักษา หรือการให้องค์ความรู้ที่ครอบคลุมเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับผู้ที่ติดเชื้อ โดยเผยแพร่ผ่านสื่อต่างๆ ที่จัดทำขึ้น (ตามกำลัง+งบประมาณของแต่ละองค์กร)


 


ข้อมูลและรายละเอียดขององค์กรที่ทำงานด้านเอดส์และยาเสพติด สามารถสอบถามไปยัง คณะกรรมการองค์การพัฒนาเอกชนด้านเอดส์ (กพอ.) 801/21 ถ.งามวงศ์วาน 27 ต.บางกระสอ อ.เมือง จ.นนทบุรี โทรศัพท์ 0-2953-5355-6 โทรสาร 0-2952-5180 อีเมล์ tnca@ksc.th.com


เว็บไซต์ www.tncathai.org  หรือจะสอบถามมายังเครือข่ายผู้ใช้ยา ประเทศไทย 205/8 ซ.ชัยเกียรติ 1 ถ.งามวงศ์วาน แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ 10210 โทรศัพท์ 0-2954-0871, 0-2591-0056 โทรสาร กด 16