Skip to main content

อยากกลับดอย

คอลัมน์/ชุมชน

แต่ฉันต้องทนอยู่เส้นชัยอีกยาวไกล


จะฝ่าไปให้ได้ซึ่งการศึกษา


ในสิ่งมุ่งหวังถ้าสมดังตั้งใจ  


จะกลับไปเพื่อสรรสร้างสู่บ้านดอย


           


ใจฉันหวนคำนึงอยากกลับบ้านดอย  


ที่มีคนคอยรักและคอยห่วงใย


ดอกไม้ป่าไม้ ผู้คนใจสดใส            


ซื่อ จริงใจหาได้ที่บ้านดอย…


 


* * * * *


 


ผมยังจำภาพวันนั้นได้ดี ที่หมู่บ้านโหน่เดะลอ


เย็นนั้นคนในหมู่บ้านต่างเดินเข้ามาที่บ้านของผม


ทุกคนล้วนพูดแต่เรื่องที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่ง 


 


"วันนี้ผมดีใจที่ทุกคนมาร่วมนมัสการร่วมกับครอบครัวของผม" พ่อผมเอ่ยต้อนรับชาวบ้าน


ซึ่งล้วนญาติพี่น้องปวาเก่อญอ       


 


"วันพรุ่งนี้ลูกชายของผมจะลงไปเรียนหนังสือในเมือง"


 


ถูกต้อง,ถึงแม้หมู่บ้านของผมจะเป็นหมู่บ้านคริสเตียน


แต่ยังมีธรรมเนียมหลายอย่างที่ยังคงไว้ซึ่งความเป็นชุมชนปวาเกอะญออยู่


 


ดั่งเช่นคืนนี้ ทุกคนในหมู่บ้านมาต่างมารวมตัวกันที่บ้านผม เพื่อร่วมอวยพรให้กำลังใจผมและครอบครัวในโอกาสที่ผมต้องเดินทางลงไปเรียนที่เชียงใหม่ในวันพรุ่งนี้


 


คนในชุมชนถือว่าเป็นก้าวสำคัญก้าวหนึ่งของชีวิต


จึงต้องมารวมพลังของชุมชนเพื่อขอพรจากสิ่งสูงสุด


ที่ทุกคนเคารพนับถือให้ปกป้องนำพาไปถึงจุดหมาย


ผู้เฒ่าคนแล้วคนเล่าในหมู่บ้านที่ขอพรจากพระเจ้าเพื่อผมและครอบครัว


 


และทุกคนเงียบนิ่ง


เมื่อเสียงของพือเผ่ลู พ่อเฒ่าปวาเก่อญอแห่งขุนเขา ดังก้องกังวานไปทั่ว...


 


"เต็มล้นไปด้วยพระเดช  มากมายไปด้วยพระคุณ


เป็นทั้งเจ้าฟ้า  เป็นทั้งเจ้าดิน เจ้าโคลน เจ้าลำห้วย


เจ้าลำธาร เจ้าป่า  เจ้าขุนเขา  เจ้าขุนดอย


 


วันนี้เรามาคุกร่าง  เรามาคุกกาย  เรามาคุกเข่า


เรามาอ้อน เรามาวอน เรามาขอไหว้ เรามาขอวาน 


ขอให้ท่านสดับ ขอให้ท่านรับฟัง...


 


ขอให้ช่วยเหลือ ขอให้ท่านเกื้อกูล 


ขอให้ท่านส่งเสริม ขอให้ท่านนำพา


 


ในวันพรุ่งนี้ หลานของเราก็เป็นหลานของท่าน จะต้องเดินทาง


จะต้องจากไกล  ไกลพ่อ ไกลแม่ ไกลพี่ ไกลน้อง


ไกลปู่ย่าตายาย ไกลญาติ ไกลที่เกิด ไกลหมู่บ้าน


ไกลจากลำน้ำที่เคยอาบ ไกลจากบ่อน้ำที่เคยดื่ม


ไกลจากทางที่เคยเดิน ไกลจากดอยที่เคยย่ำ


ต้องไปอยู่ที่ใหม่ ไปนอนที่อื่น เพื่อไปร่ำ เพื่อไปเรียน


เพื่อไปฝึก เพื่อไปฝน ต้องอยู่กับเพื่อน


ต้องอยู่กับมิตร ต้องเรียนกับครูบา  ต้องเรียนกับอาจารย์


ต้องรู้จักผู้หลัก ต้องรู้จักผู้ใหญ่


ขอให้เป็นที่รักเป็นที่เอ็นดู  เป็นที่สงสาร  มีความเข้าใจ


มีความร่วมมือที่ดีที่เหมาะกับคนรอบข้าง


 


ต่อแต่นี้ไป เขาจะต้องเดินทาง ขอให้เดินไปพบที่ร่ม


ย่ำไปบนที่ราบ โปรดดูแลเขาให้ทั่ว มองดูเขาให้ถึง


ดูแลทั้งกลางวัน ดูแลทั้งกลางคืน มีขวัญที่แข็ง


ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ โปรดดูแลทั้งร่างกาย


คุ้มครองทั้งจิตใจ  ให้ร่างกายแข็งแรง


 


จิตใจเข้มแข็งคนที่คิด  มีกำลังในการร่ำเรียน


เป็นคนที่จำความรู้ได้ง่าย ลืมคำสอนได้ยาก 


ไม่มีใครทำร้ายเขาได้ คนที่คิดแทงเขาแทงใส่ตัวเอง


คนที่คิดฟันเขาฟันใส่ตัวเอง คนที่คิดยิงเขา ยิงใส่ตัวเอง


 


ขอให้เขาได้เรียนจนครบ ศึกษาจนจบ


เพื่อที่เขาจะกลับมามาสู่หมู่บ้าน กลับมาเป็นบันได


กลับมาเป็นหลังคาให้ครอบครัว ให้หมู่บ้าน ให้ชนเผ่า


กลับมาเป็นหัว กลับมาเป็นหู กลับมาเป็นตา


กลับมาเป็นปากให้ ครอบครัว ให้หมู่บ้าน ให้ชนเผ่า


กลับมาเป็นเจ้าของไร่ เจ้าของนา  เจ้าของยุ้งฉาง 


ต่อไปจะได้เป็นที่พึ่งของครอบครัว ของญาติพี่น้อง


ของหมู่บ้าน ของชนเผ่า


 


ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตเขาเราฝากไว้กับท่าน


ผืนดินเจ็ดชั้น แผ่นฟ้าเจ็ดแผ่น เราดูไม่ถึง


เรามองไม่ทั่ว ท่านเป็นคนที่ดูถึง มองทั่ว


ท่านเป็นผู้เห็นและหยั่งรู้


อดีตอยู่ในมือท่าน 


ปัจจุบันอยู่ในมือท่าน


อนาคตอยู่ในมือท่าน


ฝากชีวิตน้อยๆ ของพวกเราไว้ในอุ้งมือ


และการดูแลของท่านแต่บัดนี้และสืบไป


ส่า….เก่อจ่า.."


 


คืนนั้นทั้งคืน ผมนอนไม่หลับ


ตื่นเต้นกับชีวิตที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้


 


* * * * *


 


เช้าวันใหม่  ผมมองดูแดดอ่อนสีเศร้า


เหมือนรู้ว่าผมต้องจากไกล 


"ฉุ่ยพาซู" หมาพันธ์ปวาเก่อญอตัวผู้ สีดำ มาคลอเคลียเลียแข้งขาผมไม่ยอมห่าง


มันเป็นเพื่อนล่าหนูร่วมกับผมเสมอ 


 


ดวงตาของแม่แดงก่ำพร้อมมีน้ำใสๆ ในดวงตาคู่นั้น


พ่อผมตรวจสอบสภาพของรถมอเตอร์ไซค์ฮอนด้าดรีม 100 เติมลม เช็คเบรค อยู่ลานดินหน้าบ้าน


"เตรียมของสัมภาระเสร็จหมดหรือยัง?"  พ่อหันมาคุยกับผม


"ต้องรีบไป  ตอนบ่ายต้องไปรายงานตัวที่โรงเรียน"


 


ช่างเป็นการเดินทางที่ตื่นเต้นสำหรับผม


ที่รู้สึกตื่นเต้นกว่าการไปล่าหมูป่า ตื่นเต้นกว่าการไปสอยน้ำผึ้งป่าหลายเท่านัก


ผมซ้อนท้ายมอเตอร์ไซด์ของพ่อ แล่นผ่านพ้นรั้วประตูบ้าน


เมื่อผมหันกลับมามองที่บ้าน...


ผมมองเห็นแม่เอาผ้าโพกหัวเช็ดน้ำตาที่รินไหลออกมา


ผมต้องหลบสายตาด้วยความรู้สึกมากมาย


 


มอเตอร์ไซค์แล่นผ่านผู้คนในหมู่บ้านที่ใบหน้านั้นเปื้อนรอยยิ้มอำลา


และความหวังอะไรบางอย่าง...


 


มอเตอร์ไซค์แล่นผ่านหลังคาบ้านทีละหลัง ทีละหลัง จนสุดหมู่บ้าน


ผ่านต้นก่อที่ผมเคยเก็บกิน  ผ่านต้นสนที่เคยนั่งหลบแดด


ผ่านต้นมะขามป้อมที่เคยเก็บลูกมาทำเป็นกระสุนหนังสติ๊ก


ผมต้องทิ้งมันไว้ข้างหลัง...


มุ่งหน้าเดินทางต่อไป


 


ผ่านหมู่บ้านหนองเจ็ดหน่วยบ้านที่ผมมาเรียนหนังสือมาตั้งเก้าปี 


ผ่านบ้านเด่น บ้านที่ผมเคยฝึกว่ายน้ำ


ผ่านบ้านจันทร์ ลานวัดที่ผมเคยเตะฟุตบอล


ผ่านบ้านแจ่มน้อยบ้านที่ย่าของผมอาศัยอยู่


ผ่านผืนป่าสนอันกว้างใหญ่ พื้นที่ที่ผมเติบโตและกลิ่นป่าที่ผมคุ้นเคย   


ผมต้องทิ้งมันไว้ข้างหลัง...


 


ระยะทางมันช่างยาวไกล นั่งมอเตอร์ไซด์จนเจ็บไปถึงกระดูกก้น


"อย่าหลับในนะ เดี๋ยวจะตกลงจากรถ" พ่อทักเตือนผมขณะเดินทาง


 


หลังจากเริ่มเดินทางประมาณห้าชั่วโมง


"ถึงแม่ริมแล้ว"พ่อบอกผม


"รถเยอะเหลือเกินผมเอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น พ่อหัวเราะ


"ที่นี่ในเมือง ไม่ใช่มูเจ่คีบ้านเรา"


"ลองนับดูซิ  มีรถทั้งหมดกี่คันพ่อพูดกับผมเล่นๆ 


แต่ผมนับจริงๆ นับไปจนถึงคันที่เก้าสิบเก้า


พ่อของผมเบรกรถอย่างกะทันหัน!!


"มันสร้างไฟเขียวไฟแดงเอาไว้เมื่อไหร่ (ว่ะ!!) ไม่ได้มาแค่ห้าเดือน เชียงใหม่นี้มันเจริญเร็วจนตามแทบไม่ทัน"  พ่อบ่นอยู่หน้าสัญญาณไฟจราจร    


 


แต่ด้วยความระทึกตกใจของผม จำนวนรถที่อุตสาห์นับมาหายหมดเลย


"ลืมหมดเลยว่านับไปได้กี่คันแล้ว" ผมบอกพ่อ


"นับอะไร"


"ก็นับจำนวนรถนะซิ" ผมตอบพ่อ


แต่พ่อกลับอมยิ้มแล้วส่ายหัว พร้อมกับพามอเตอร์ไซค์แล่นต่อไป


 


* * * * *


 


พ่อพาผมไปฝากอาศัยอยู่ที่หอพักนักเรียนกะเหรี่ยงแบ็พติส (KBC) แถวถนนทุ่งโฮเต็ล เชียงใหม่


พ่ออยู่กับผมได้สี่ห้าวัน จนจัดการเรื่องที่อยู่ที่เรียน ค่าเทอม ค่าหอพักให้ผมจนเสร็จ


ก่อนกลับพ่อเอากระเป๋าสตางค์ให้พร้อมเงิน 1,000 บาท


"มีกระเป๋าตังค์แล้ว มีเงินเป็นพันด้วย" ผมพูดกับตัวเอง


เพราะตั้งแต่เกิดมา ผมไม่เคยมีและไม่เคยใช้กระเป๋าตังค์เลย


 


"ใช้เงินประหยัดหน่อยนะ สิ้นเดือนจะส่งมาให้ใหม่" พ่อพูดจบเอามือลูบหัวผม


แล้วสตาร์ทมอเตอร์ไซค์กลับขึ้นดอย


ผมมองตามพ่อไป  รู้สึกใจหายวูบไปพักหนึ่ง


แต่พยายามทำใจ คิดถึงอนาคตและสิ่งที่พ่อแม่ตั้งหวัง


 


คืนนั้น, ผมนอนคิดแต่เรื่องที่ต้องไปเรียนในวันพรุ่งนี้


"เพื่อนจะเป็นอย่างไรบ้างหนอ..ครูจะเป็นอย่างไรบ้าง..การเรียนจะยากมั้ย เราจะเรียนเข้าใจ ไหม  เราจะเรียนไหวหรือเปล่าฯลฯ?"


 


* * * * *


 


รุ่งเช้า แต่งตัวไปเรียน วันแรกผ่านไปด้วยดี


ครั้นพอถึงยามเย็นกลับมาถึงหอพัก 


ภาพของหมู่บ้านที่จากมา มาเยือนความรู้สึก


 


     


 


รุ่งเช้าอีกวันแต่งตัวไปเรียน  ผ่านไปด้วยดี


เย็นกลับมาถึงหอ


ภาพของหมู่บ้านที่จากมารุมเร้าความรู้สึกมากขึ้น


 



 


รุ่งเช้าวันต่อมา แต่งตัวไปเรียน  ผ่านไปด้วยดี


เย็นกลับมาถึงหอ


ภาพของหมู่บ้านที่จากมารุมเร้าความรู้สึกมากขึ้นเป็นทวีคูณ


 


   


 


รุ่งเช้าวันนั้น 


ยังไม่ทันแต่งตัวไปเรียน ภาพของหมู่บ้านที่จากมารุมเร้าความรู้สึกจนสุดจะทน


เหมือนมีมนต์จากบ้านเกิดกวักเรียก


" กลับบ้านเถิด กลับไป ในเมืองไม่ใช่ที่ของคุณ" เสียงข้างในกระซิบบอกผม


 


"ผมจะกลับบ้าน!  ผมไม่เรียนหนังสือแล้ว!


ผมจะออกจากโรงเรียน!" ผมบอกกับตัวเอง


 


"กลับไปอยู่กับแม่ กับฉุ่ยพาซู อยู่กับต้นก่อ ต้นมะขามป้อม กับป่าสนย้ำกับตัวเองอีกครั้ง


 


ใจผมเริ่มสั่น ขาผมสั่น มือกำแน่นเปียกชุ่มด้วยเหงื่อ เหมือนช้างกำลังตกมัน คนกำลังของขึ้น  


เก็บเสื้อผ้ายัดลงในกระเป๋า วิ่งออกไปที่ปากทางถนน 


 


" ไปคิวรถครับ ผมจะกลับบ้านผมบอกคนขับรถสี่ล้อแดง


"บ้านน้องอยู่ไหน...อำเภออะไร?" โชเฟอร์ถามผม


" วัดจันทร์ อำเภอแม่แจ่มผมตอบแบบไม่ค่อยมีสมาธิ


" งั้นไปคิวรถแม่แจ่มใช่ใหม?" ผมพยักหน้าแทนคำตอบ


 


รถสี่ล้อแดงพาผมไปถึงประตูเชียงใหม่ ซึ่งเป็นคิวรถไปอำเภอแม่แจ่ม  


"ไปไหนน้อง" ชายคนหนึ่งเอ่ยถามผม


"วัดจันทร์ แม่แจ่มชายคนนั้นสนทนากับผมต่อ


"แม่แจ่มอีก 45 นาทีรถออก...ใจเย็นๆ"


 


สี่สิบห้านาที่นานเหมือนครึ่งวัน!


 


"แม่แจ่ม แม่แจ่ม" เสียงคนขับรถเรียกคนโดยสาร


"ไปไหนน้อง" คนขับรถหันมาถามผม


"วัดจันทร์ แม่แจ่มครับ" คนขับรถทำหน้านิ่วคิ้วขมวดใส่ผม


"คิวรถวัดจันทร์ ต้องไปคิวรถสะเมิงที่ช้างเผือกโน่น ไปวัดจันทร์ต้องผ่านสะเมิง คนละทางกับที่นี่ผมงงไปพักใหญ่ 


 


พอตั้งสติได้โบกรถเพื่อไปคิวรถสะเมิงที่สถานีขนส่งช้างเผือก


แต่พอไปถึงปรากฎว่ารถ เชียงใหม่-วัดจันทร์ได้ออกไปสักพักแล้ว


วินาทีนั้น ผมเกือบจะปล่อยโฮออกมาที่นั่นเลย...


ผมจำใจต้องกลับหอพักด้วยความผิดหวังอย่างแรง  


 


พอกลับถึงหอด้วยความรู้สึกเศร้าเหงาหงอย 


ทันใดนั้น, สายตาเหลือบไปเห็นกีตาร์พม่าราคาตัวละ 450 บาทวางอยู่


"เล่นกีตาร์ คลายความเหงา คลายความคิดถึงบ้านดีกว่าผมบอกกับตัวเองพร้อมหยิบกีตาร์ขึ้นมาเล่น


 


ยิ่งเล่นยิ่งเหงา...


ท่ามกลางความเหงาและความคิดถึง


ผมนึกถึงพือเผ่ลูและคำอธิษฐานของเขา...


 


"ต่อแต่นี้ไปเขาจะต้องเดินทาง ขอให้เดินไปพบที่ร่ม


ย่ำไปบนที่ราบ โปรดดูแลเขาให้ทั่ว มองดูเขาให้ถึง


ดูแลทั้งกลางวัน ดูแลทั้งกลางคืน  มีขวัญที่แข็ง


ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บโปรดดูแลทั้งร่างกาย


คุ้มครองทั้งจิตใจ  ให้ร่างกายแข็งแรง


จิตใจเข้มแข็งคนที่คิด   มีกำลังในการร่ำ การเรียน


เป็นคนที่จำความรู้ได้ง่าย ลืมคำสอนได้ยาก