เหล้าตองสีสันข้างถนน (1)
คอลัมน์/ชุมชน
แรกพบ
เพื่อนหนุ่มรุ่นน้องคนหนึ่งมาคุยให้ฟังว่า ต่อไปนี้จะไม่มีเหล้าตองข้างถนนอีกแล้ว เช่นเดียวกับที่ไม่มีบุหรี่ขายแบบแบ่งซอง เพื่อลดการซื้อของประชาชนโดยเฉพาะเยาวชน
บ้างก็เป็นหนึ่งในโครงการกำจัดความยากจน และการจัดระเบียบสังคม แต่บ้างก็ว่าขับไล่คนจนออกไปจากพื้นที่ที่เขายืนอยู่
ฉันก็เลยอยากบันทึกเรื่องราวของร้านเหล้าตองเอาไว้
ฉันพบร้านเหล้าตองครั้งแรก เมื่อครั้งไปอยู่เมืองแห่งหุบเขา เรียกที่นี่ว่าเมืองแห่งหุบเขา
เพราะมองไปทางไหนก็เห็นแต่ภูเขา
เมื่อครั้งอยู่บ้านใต้ บ้านเราอยู่ใกล้ทะเล คืบก็ทะเลศอกก็ทะเล แต่มาอยู่ที่นี่หน้าก็ภูเขาหลังก็ภูเขา อยู่กลางหุบเขาแท้ ๆ
ก่อนเดินทางมาถึงเมืองแห่งหุบเขา ฉันไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเมืองนี้ รู้แต่ว่าต้องผ่านดอยที่สูงมากเป็นอันดับสองของประเทศ ชื่อดอยอินทนนท์ รถยนต์โดยสารจะพาขึ้นไปและลงอีกฟากฝั่งหนึ่งของดอย
"คุณจะได้ผจญภัยเล็ก ๆ น้อย ๆ ระหว่างนั่งรถขึ้นดอยอินทนนท์ เส้นทางจะสวยงามมาก มองทิวทัศน์ข้างทางอย่างตื่นตา มีดอกไม้ป่า นก และยังพบแม่ค้าขายเห็ด ขายลูกไม้ ดอกไม้ และของป่าระหว่างทางด้วย" เป็นคำบอกเล่าสั้น ๆ ของผู้ชายคนหนึ่งที่ฉันตั้งใจจะไปใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ร่วมกับเขา
และแล้วเมื่อฉันเดินทางไปตามคำบอกเล่า ก็พบว่าทุกอย่างเป็นจริง สองข้างทางมองไปทางไหนก็เห็นแต่ทิวเขา ดอกไม้ป่าแปลกตาอยู่สองข้างทาง สำหรับคนที่ไม่ได้อยู่กับภูเขา ตื่นตาตื่นใจเป็นที่สุด
การผจญภัยเล็ก ๆ น้อย ๆ เริ่มขึ้นตั้งแต่ขึ้นสองแถวเล็กที่อำเภอจอมทอง
รถมีที่นั่งสองแถวซ้ายขวา แต่ละแถวต้องนั่งแบบสลับฟันปลา คือคนหนึ่งนั่งเต็มก้นชิดเข้าไปข้างในอีกคนหนึ่งชิดหน้า ตรงกลางมีม้านั่งยาวอีกหนึ่งแถว และยังมีมานั่งเล็ก ๆ เสริมอีกสองตัว แค่นั้นยังไม่พอ ตรงช่องว่างที่เหลืออยู่เป็นที่วางกรงสัตว์ หรือไม่ก็เจ้าของวางบนตักไป ด้านท้ายห้อยโหยไปได้อีก 5 คน ด้านบนนั่งบนหลังคาอีกสามสี่คนพร้อมกับของพวกกระเป๋า กล่อง และเข่งใส่ของวางบนหลังคา
ไก่ชนที่ชายแก่อุ้มอยู่ ขี้ลงบนพื้นรถส่งกลิ่นเหม็น และไปโดนเอามือหญิงสาวคนหนึ่งที่เอื้อมมือไปหยิบกระเป๋าที่วางไว้กับพื้นรถพอดี
ใกล้ถึงด่านตรวจ พวกที่นั่งบนหลังคาลงมา พวกที่โหนอยู่ท้ายรถก็เบียดอัดเข้ามาแน่นอยู่ข้างใน ไม่น่าเชื่อว่าเบียดเข้ามาได้ พอพ้นด่านแล้วพวกเขาก็ขึ้นไปบนหลังคาใหม่ พวกเขาคงจะคุ้นเคยกับเส้นทางสายนี้ดี จึงเดินทางกันอย่างไม่ทุกข์ร้อนและยังพูดคุยหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน
เมืองแห่งหุบเขาถึงแล้ว
ที่นี่เมืองแจ่ม เดิมเรียกเมืองแจ่ม แต่เดี๋ยวนี้เป็นอำเภอหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ เรียกขานใหม่ว่า แม่แจ่ม
ที่นี่แหละ ฉันพบร้านเหล้าตองครั้งแรก
ร้านแรกอยู่หัวมุมถนนใกล้ ๆ สะพาน
ร้านนี้แม่ค้าสวย และยังมีลูกสาวสวยมากด้วย เธอเรียนหนังสือในเมือง วันหยุดเธอจะกลับบ้าน มาช่วยแม่ขายเหล้าตองที่หน้าบ้าน
ร้านเหล้าตองของเธอ มีเพียงโต๊ะเล็ก ๆ ตัวเดียวสำหรับวางเหล้า และเก้าอี้สำหรับนั่งล้อมโต๊ะเพียง 5 ตัว หากลูกค้ามากกว่านั้นก็ต้องยืน มีเหล้าเป็นขวดโหลขนาดกลาง เป็นเหล้ายาดองจริง ๆ ข้างขวดก็เขียนชื่อเอาไว้ เช่น พญาเสือโคร่ง สาวน้อยตกเตียง โด่ไม่รู้ล้ม และอีกหลายอย่าง ทั้งหมดก็ห้าหกโหล ฉันถามถึงสมุนไพรที่เอามาดอง เธอว่าหาได้จากที่นี่แหละ มีขายเป็นห่อๆ ไปซื้อที่วัดก็ได้ เขาเอาไว้ทำยา และเหล้าพวกนี้ก็กินเป็นยาด้วย
ที่ร้านเหล้าตองแห่งนี้ มีแต่มะขามกับแหนมและที่พิเศษคือมีพริกขี้หนูเป็นเม็ด ๆ ให้กัดกินแกล้มกับแหนม และฉันก็ชอบกินแหนมแกล้มพริกขี้หนูสดมาก ๆ เพราะพริกขี้หนูที่นี่สดจริง ๆเรียกว่าเก็บมาจากต้นเลยทีเดียว เหล้าตองละ 6 บาท แหนมห่อละ 3 บาท พริกขี้หนูฟรี มะม่วงน้ำปลาหวานก็ฟรี มะขามเปียกกับเกลือก็ฟรีเช่นกัน
สองคนยี่สิบบาทจ่ายไม่หมดยังเหลือกลับมาอีก 2 บาท
ลูกสาวสวยขนาดนี้ ไม่ต้องบอกก็รู้ได้ว่า ร้านนี้มีหนุ่ม ๆ มากหน้าหลายตามาแวะเวียน หนุ่มวัยรุ่นเพื่อนของเธอ นั่งอยู่ที่ม้าหินอ่อนด้านใน พวกเขาจะเล่นกีต้าร์ร้องเพลงกันเป็นที่สนุกสนาน เด็กพวกนี้จะแต่งตัวทันสมัย แม้ว่าอากาศจะหนาวเย็นอย่างไร สาวก็ยังนุ่งกางเกงขาสั้นและใส่เสื้อโชว์แขน พวกเขาไม่ได้สวมเสื้อหรือผ้าถุงที่ทอในหมู่บ้าน
ส่วนพวกหนุ่มใหญ่หน่อยก็นั่งดื่มอยู่ที่ด้านนอก ซึ่งมีเก้าอี้ไม่มีพนักวางอยู่สี่ห้าตัว ถ้ามีคนมากกว่าห้าคนก็ยืนเอาแถว ๆ นั้น
กินแหนมแกล้มพริกขี้หนูและลองดื่มเหล้าหนึ่งตอง เลือกเอาสาวน้อยตกเตียง ดื่มเข้าไปอึกเดียวก็รู้ว่า มันถึงใจจริง ๆ และหากดื่มต่อไปอาจจะตกเก้าอี้อยู่แถวนี้
ร้านเหล้าและชีวิตกลางคืนเป็นสิ่งใหม่สำหรับฉัน แต่สำหรับเขาเป็นสิ่งที่คุ้นเคยหรือเรียกว่าเป็นชีวิตของเขาก็ได้
เขาเล่นดนตรีและร้องเพลง เขามีความสามารถในด้านนี้และมีใจรักมันมาก
กีต้าร์ บทเพลง และร้านเหล้า เพราะงานของเขาอยู่ที่ร้านเหล้า
ร้านที่เขาทำงานเป็นระดับชนชั้นกลาง ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นพวกข้าราชการ พวกทำงานองค์กรพัฒนา ทำงานธนาคาร และนักท่องเที่ยว เขาอยู่ที่ร้านเฉพาะเวลาทำงานเท่านั้น พอจบงานช่วงหนึ่งและรอช่วงต่อไปอีกหนึ่งชั่วโมง เขาจะไม่รออยู่ที่ร้าน แต่รีบออกไปร้านเหล้าตองทันที
ที่แห่งนี้ เป็นที่ผ่อนคลาย ลูกค้าร้านเหล้าตองแห่งนี้มีอยู่ไม่กี่คน ยิ่งช่วงที่ลูกสาวกลับเข้าเมืองไปเรียนหนังสือ พวกหนุ่มๆ เพื่อนลูกสาวที่เคยมาก็หายไป
แม่ค้าเหล้าตองคนงามก็เป็นคนแรกของเมืองนี้ที่ฉันรู้จัก เธอคุยสนุก เล่าเรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวกับเมืองแห่งหุบเขา อีกทั้งแนะนำว่าฉันควรจะไปเที่ยวที่ไหนบ้าง
เธอเล่าว่า ส่วนใหญ่เธอใช้ชีวิตอยู่คนเดียว สามีของเธอทำงานโครงการพัฒนาชาวเขา ขึ้นไปบนดอยสูง นานนับเดือนถึงจะกลับมาสักครั้ง ลูกสาวไปเรียนหนังสือในเมืองเชียงใหม่
เธอเกิดที่นี่ อยู่มาตั้งแต่เล็กแต่น้อย ส่วนตัวสามีเธอเป็นคนพื้นราบทำงานกับคนดอย
"ในวันหยุดพวกที่ทำงานกับคนดอยจะลงมาสนุกกัน ก็เลยได้พบกันและแต่งงานกัน เขาชอบอยู่บนดอย ส่วนฉันอยากอยู่บ้านเดิม นาน ๆ ถ้าเขาไม่ลงมาฉันก็จะขึ้นไป เขามีบ้านพักอยู่ที่นั่น แต่ตอนนี้ฉันเหนื่อยแล้ว ใครจะไปไหนก็ไป ลูกจะไปเรียนหนังสือในเมืองก็ไป พ่อจะไปอยู่บนดอยก็อยู่ไป จะมาเมื่อไหร่ก็มา แล้วแต่พวกเขา ฉันอยู่ที่เดิม ถ้าเขามาก็ได้พบ ไม่มาก็ตามใจ ฉันจะรอพวกเขาอยู่ที่นี่ ว่าง ๆ ก็ขายเหล้าตอง พอได้คุยกัน สบายใจ"
เธอว่าของเธออย่างนั้นคล้าย ๆ กับว่าทำใจได้หรือเข้าใจว่าชีวิตเป็นเช่นนี้ มันคือชีวิตของเธอ
เธอเล่าเรื่องคนดอยให้ฉันฟังอีกเล็กน้อย เธอว่าเมื่อครั้งที่เธอยังเด็ก พวกเด็กดอยลงมาเรียนหนังสือที่นี่ ครูจะสร้างกระท่อมหลังเล็ก ๆ ให้เด็กดอยอยู่กัน ส่วนเธอและพวกที่ไม่ใช่เด็กดอยก็ชอบไปเที่ยวเล่นบ้านพวกเด็กดอย สนุกดี
เมื่อก่อนที่นี่ไม่มีรถยนต์สักคัน ไปไหนมาไหนก็เดินกัน เดี๋ยวนี้ถนนดี พอถนนดีคนก็รีบเร่งไม่มีใครเดินแล้ว
คนดอยจะลงมาที่นี่ในวันจันทร์ อย่าได้ไปทำธุระที่อำเภอหรือที่โรงพยาบาล เพราะเป็นวันของชาวดอย พวกเขาจะลงมาอาทิตย์ละหนึ่งวัน พวกเขาจะมากันเป็นคันรถเลยทีเดียว
และไม่นานฉันก็ได้เห็นบรรยากาศเช่นนั้นจริง ๆ ในวันจันทร์วันหนึ่ง ที่หน้าที่ว่าการอำเภอ ผู้หญิงผู้ชายมากมายมีทั้งหนุ่มสาวเด็กและคนแก่ มารวมกันอยู่ที่หน้าที่ว่าการอำเภอ พวกเขาสวมชุดชาวเขา รถกระบะจะมาส่งพวกเขาไว้หน้าอำเภอ จากนั้นเขาก็แยกย้ายกัน บางกลุ่มก็เดินไปโรงพยาบาล บ้างก็ไปไปรษณีย์ ไปธนาคาร ไปตลาด ตอนเย็นก็มารวมตัวกันและขึ้นรถคันเดิมกลับไป
ในเที่ยงวันหนึ่งซึ่งเป็นวันพิเศษ ที่นักดนตรีจะต้องเล่นดนตรีที่ร้านอาหารแห่งนี้ เพราะเป็นช่วงพิเศษเทศกาลงานบุญของเมืองนี้ มีนักท่องเที่ยวเข้ามามากที่สุด เช่นเดียวกับชาวเขาชาวดอยที่ลงมาเที่ยวกัน เจ้าของร้านอยากสร้างบรรยากาศพิเศษจึงมีดนตรีมาบรรเลงทั้งวัน มีเปียโนเล่นเป็นวงเอาใจวัยรุ่น และโฟล์คซองคำเมืองที่มีแต่กีตาร์เท่านั้น
ขณะที่เขากำลังเล่นกีต้าร์และร้องเพลงอยู่นั้น ที่หน้าร้านมีชาวเขาสี่ห้าคน มายืนฟังเพลงกันอยู่ อย่างเพลิดเพลิน ฉันรู้สึกสนุกไปกับบรรยากาศและฉันเชื่อว่าคนที่กำลังเล่นดนตรีและร้องเพลงอยู่บนเวทีเล็ก ๆ ก็มีความสุขที่เมื่อมองไปหน้าร้านพบว่า มีชาวเขามายืนฟังเพลงของเขาอยู่หน้าร้าน ไม่ได้มีแต่ฝรั่งนักท่องเที่ยวที่เดินไปเดินมา และข้าราชการไทยที่นั่งดื่มอยู่ข้างใน
คืนหนึ่งเจ้าของร้านเหล้าตองเธอบอกฉันว่า ถ้าสามีของเธอกลับมาและฉันยังอยู่ที่นี่ เธอจะขอให้เขาพาฉันขึ้นไปบนดอย ไปฟังดนตรีชาวดอย เสียงดนตรีพวกเขาจะเพราะมาก เหล้าของเขาก็ยิ่งอร่อย
ฉันคิดฝันไปไกลถึงบรรยากาศหนาวเย็น กองไฟและเหล้าข้าวโพด