Skip to main content

Y We Do in LOVE

คอลัมน์/ชุมชน


คำเตือน: อาจมีสาระน้อยแต่ก็กลั่นมาจากหัวใจของเราจริงๆ


 


 



 


1. ความรัก อยู่หนใด


 


"เมื่อคืนผมเพิ่งไปตามหาความรักมาครับ ความรักของผมเกิดขึ้นในผับแห่งหนึ่ง ในคืนก่อนหน้านั้น เราทั้งสองคนดูเหมือนอยากสานสัมพันธ์กันต่อจึงคิดถึงการแลกเบอร์โทรกัน แต่เนื่องจากว่ามือถือของแต่ละคนต่างใช้ไม่ได้เนื่องจากแบตหมด ผมเลยคิดว่าจะใช้วิธีการจำหมายเลขเอา ซึ่งผมมั่นใจว่าผมจำได้ และสัญญาว่าผมจะโทรหา แต่พอเอาเข้าจริงๆ ผมจำหมายเลขนั้นไม่ได้ ผมมีข้อมูลเพียงว่าเธอเปิดร้านอยู่ที่ศูนย์การค้าแห่งหนึ่งย่านกลางเมือง เมื่อคืนนี้ผมจึงตัดสินใจไปตามหาเธอคนนั้นที่ศูนย์การค้าที่เธออ้างถึง ผมคิดไม่ออกเลยครับว่าจะเจอได้อย่างไร เพราะที่นั่นเป็นพื้นที่ขายของขนาดใหญ่มาก และผมมีเวลาอยู่จำกัดในการตามหาคือแค่ประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ก็คิดอยู่ว่าจะเจอไหม สุดท้ายแรงขับในใจบางอย่าง ทำให้ผมได้ออกไปตามหา แม้ความหวังมันจะดูริบหรี่มาก นั่นก็คือ ความคิดที่ว่าผมได้ทำตามในสิ่งที่ใจผมอยากทำแล้ว และผมได้พยายามทำมันแล้ว  สรุปว่าเราไม่ได้เจอกันครับ ผมเศร้านะครับ แต่พอจัดการได้ และคิดว่าถ้าเราจะได้เจอกันอีก เราก็คงจะได้เจอกันในสักวันหนึ่ง"


 


ก็ช่วงนี้มีคนมาเล่าเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ให้ฟังบ่อยๆ (เล่าจริงๆ นะไม่ได้มีนัยว่ามาปรึกษา) ดีจังเลย ผมว่าน่ารักดี ผมว่าผมต้องทำตัวเป็นนักสอดรู้สอดเห็นให้น้อยลงกว่านี้แล้ว เพราะเจอใครก็อดใจถามไม่ได้ ถึงชีวิตรัก ของกัลยาณมิตรเหล่านั้น (ฮา)


 


วันนี้อยากเขียนเกี่ยวกับความรักครับ ให้มันอินเทรนนิดนึง ผมไม่มีนิยามความรักอะไรหรอกครับ เพราะดูเหมือนจะหลอกตัวเองเกินไปหน่อย แต่ผมคิดว่า ความรักไม่ได้เป็นบะหมี่สำเร็จรูปขนาดนั้นหรอก ดังนั้น ถ้าความรักของใครไม่เป็นอย่างที่คิด ไม่เป็นอย่างที่หวังก็รับรู้ไว้ด้วยนะครับว่ายังมีอีกหลายหมื่นหลายพันคนเป็นแบบเดียวกัน


 


ที่เราเห็นในทีวี ฟังตามวิทยุ หรือดูตามป้ายคัตเอาท์ต่างๆ เราต้องรู้เท่าทันนะครับว่า นั่นเป็นแผนการตลาดที่เค้าจับจุดอ่อนของพวกเราได้ว่า มนุษย์ปุถุชนต่างโหยหาความรักกันอย่างแรง รูปแบบโฆษณาหรือสื่อที่ออกมาจึงดูน่ารัก กุ๊กกิ๊ก  ดังนั้น ถ้าใครสามารถทำชีวิตให้เป็นอย่างนั้นได้ผมก็ดีใจด้วย แต่ถ้าใครไม่ได้เป็นอย่างนั้นผมก็ดีใจด้วยเช่นกันครับ ที่คุณได้เรียนรู้ชีวิตรักในหลายๆแบบที่แตกต่างออกไป  


 


ในสังคมของเรา ความรักมักจะมีแบบเดียว คือ "รักที่สังคมยอมรับ" ผมไม่ค่อยได้ยินความรักที่ปัจเจกบุคคลนั้นๆ ยอมรับบ้าง  ผมอยากให้มีการคุยเรื่องความรักให้หลากหลาย  หลากหลาย หมายความว่า  หลายแบบ คือแบบสมหวังที่สุด ถึงแบบที่ไม่สมหวังที่สุด มันมีหลายอารมณ์อยู่แล้ว อารมณ์สุขหรือไม่มีความสุข  หลายรสนิยม คือ จะเป็นรักต่างเพศ รักเพศเดียวกัน หรือรักต่างวัย  บางคนรักกับคนที่ได้ชื่อว่าเป็นคนเลว นั่นก็เป็นทางเลือกของคนอีกเช่นกัน


 


การยอมรับทางเลือกของปุถุชน ในความรักที่หลากหลาย  จะเป็นทางออกให้คนที่เป็นกลุ่มน้อยซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสังคมนั้น มีที่ มีทางยืนในสังคม อย่างมีศักดิ์ศรี และเท่าเทียมในฐานะมนุษย์คนหนึ่งที่มีชีวิต มีจิตใจ  คิดง่ายๆ เลยนะครับว่าถ้าเรายังปิดใจ ยังคิดแทน หรือตัดสินคนเหล่านั้น นอกจากจะเกิดการแบ่งแยก ความรู้สึกกดดัน การไม่มีความสุขในการดำเนินชีวิตที่ทุกคนพึงมีแล้ว  ในระดับสังคมเราจะสร้างความรัก ความเข้าใจร่วมกันให้เกิดขึ้นได้อย่างไร (บางทีผมอาจจะหวังมากไปถึงขึ้นให้คนในสังคมรักกัน แต่คิดว่าเป็นเรื่องที่ต้องพูด และต้องช่วยกันพูดซ้ำเรื่อยๆ)


 


ในระดับบุคคล การพูดคุยกับคู่รักของคุณให้ได้มากที่สุด ผมคิดว่าเป็นสิ่งสำคัญ ถ้าถามว่า มีใครได้คุยกับคู่รักของคุณได้อย่างตรงไปตรงมา คุยได้อย่างที่คุณรู้สึกบ้าง โดยส่วนตัว ผมเรียนรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยครับ ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจนะครับที่หลายๆ คนอาจจะยังทำไม่ได้ คือเรื่องนี้มันเป็นทักษะอย่างหนึ่ง อย่างที่เรารู้ว่าเรื่องทักษะเป็นเรื่องของการฝึก และได้ลองทำบ่อยๆ แล้วมันจะไหลลื่นได้เอง(มั้ง) ความสำคัญของการคุยกับคู่รักแบบตรงไปตรงมา คือมันจะเกี่ยวข้องกับเรื่องของความรู้สึกด้วย ว่าตอนนี้เขาหรือเรารู้สึกอย่างไร ถ้ามันไม่เวิร์ก มันจะช่วยกันอย่างไร  ถ้าคุยได้ทุกๆเรื่องน่าจะเป็นเรื่องที่ดี


 


ผมเข้าใจได้ว่าบางทีความรักมันไม่ใช่เป็นเรื่อง "คำถามคำตอบเดียว" มันซับซ้อน และคิดอยู่บนพื้นฐานที่แต่ละคนไม่เหมือนกัน พอมาถึงเรื่องของความรัก หรือเรื่องอื่นๆ มันจึงคิดถึงความแตกต่าง ความไม่เหมือนกันด้วย  ผมไม่ค่อยได้พูดถึงความรักแบบกิ๊ก หรือแบบชู้รักเท่าไหร่ แต่ก็คิดว่ามีเรื่องนี้เกิดขึ้นจริงในสังคมไหนๆ ก็ตาม  สำคัญอยู่ที่ว่า ถ้าเราพบความรักในรูปแบบนี้ เราอย่างเพิ่งตัดสินเขา เพราะเราอาจผิดพลาด และบางทีเราอาจจะได้พบรายละเอียดในบางมุม แค่เราเปิดใจ


 


ผมไม่ได้เขียนเรื่องความรัก แบบ พ่อ แม่ พี่น้อง หรือเพื่อนเลย ก็ขออนุญาตละเอาไว้ในฐานที่เข้าใจด้วยนะครับ


 


เพื่อนผมบอกว่า ในวัยหนุ่มสาวถ้ามีความรักมันจะเป็น ความรัก แต่ถ้าแต่งงานกันแล้ว หรืออยู่กันนานไป มันจะมีเรื่องของความอดทนที่จะค่อยๆ เข้ามาแทนที่  จริงหรือครับ?


 


**************************************


 


2. หัวใจพร้อมรัก คึกคักทุกๆ วัน


 


ก่อนอ่านบทความ ขอเชิญท่านผู้อ่านสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ซัก 3 – 4 ครั้งนะครับ ทำใจให้สบาย และขยับตัวมาทางขวามือซักนิดนึง เอาละครับ คราวนี้หัวใจเราก็ตรงจอแล้ว


 


มีความลับมากมายเกี่ยวกับความรัก และมีความรักมากมายที่เป็นความลับ


ซึ่งสิ่งนี้เราเองก็ยังคงค้นหามันต่อไป ไม่ว่าจะเป็นวัยเด็ก วัยใส วัยผู้ใหญ่ หรือวัยทอง แต่ความรักก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากจนเกินกว่าที่ใครจะเข้าใจได้ ใช่ไหมครับ? และบางครั้ง บางที ยิ่งค้นหา ก็ยิ่งจะทำให้เรารู้ถึงคุณค่าของมันมากขึ้น


 


ช่วงวันแห่งความรักนี้  จริงๆ แล้วก็อยากจะเขียนอะไรบางอย่างให้คนที่เรารัก แต่บังเอิญประชาไทเป็นกระดานสาธารณะ  จึงอยากอาศัยชุมชนนี้บอกรักคนอ่านทุกคน (ว่าไปนั่น)


 


หลายครั้งเวลาเห็นคนมีความรัก ก็มักจะแอบอิจฉา และหลายๆ ครั้งก็เห็นอกเห็นใจคนที่มีปัญหา ในห้วงเวลาหนึ่งที่ผ่านมาได้คุยกับพี่ชายคนหนึ่ง พี่ชายคนนี้มักจะบอกผมอยู่เสมอว่า "พี่น่ะไม่ชอบผู้หญิงหน้าตาดี สะสวยหรอก พี่ชอบผู้หญิงธรรมดาๆ พี่รู้สึกว่าผู้หญิงสวยๆ มีคนมาดูแลเค้าเยอะแล้ว พี่ขอดูแล คนที่เค้าธรรมดาๆ ดีกว่า ซึ่งมันคงทำให้ใครซักคนมีความสุขได้เท่าที่เค้าควรจะได้รับมัน" และนั่นเองมันก็ทำให้มิติมุมมองของความรู้สึกๆ ของผมเริ่มเปลี่ยนไป ทีละน้อย ทีละน้อย


 


จากคำกล่าวข้างดังกล่าว ผมลองนั่งถามตัวเองว่า ทุกวันนี้ความรู้สึกรัก รู้สึกชอบใครนั้นมาจากอะไร ส่วนตัวผมคิดว่ามันคงเกิดจากความคิด จิตที่ปรุงแต่งขึ้นเองของผม อาจจะมีหน้าตา ผิวพรรณมาเป็นส่วนประกอบ แต่ทั้งหมด ผมก็คิดมาแล้วนั่นแหละ บางทีก็รู้สึกว่าความรักทำให้เราเปลี่ยนแปลงความคิดอย่างที่เคยเป็น ปรับปรุงในสิ่งที่เคยทำ เพียงเพื่อทำให้ตัวเองเข้ากับใครอีกคนหนึ่งได้ ซึ่งมันคงดีไม่น้อยถ้ามีใครซักคนมาพยายามปรับตัวให้เข้ากับเรา และปรับความคิดเข้ามาหากัน ซึ่งบางทีก็ไม่ต้องมีเพศสัมพันธ์ก่อนการปรับความคิดเสมอไป


 


ถ้าใครถามผมว่ารักคืออะไร ผมจะบอกอย่างเดียวเลยครับว่า "รัก คือ เหตุผลส่วนตัว" เพราะเหตุผลที่ฟังดูน่าเชื่อถือ น่าฟัง และดูดีนั้น ใช้ไม่ได้หรอกครับกับความรัก


 


มีเพื่อนหลายคนของผม ที่รู้สึกว่า เมื่อมีความรัก ทำให้เกิดความเคารพ ศรัทธา ประมาณว่าความรักช่างยิ่งใหญ่เหลือเกิน แต่ก็จริงของเพื่อนผมนะ เพราะหากเราไม่เชื่อมั่นเป็นอันดับแรก แล้วเราจะรักใครได้ และคนแรกที่เราควรศรัทธาและเชื่อมั่น นั่นก็ควรจะเป็นตัวเราเอง คุณว่าอย่างนั้นไหมหละ


 


เมื่อเชื่อมั่น ศรัทธา อันต่อไปจะเรียกภาษาพระท่านก็จะบอกว่าต้องมี "ทาน" คือการให้ ถ้าต้องการจะมีความรัก อยากเหลือเกินอยากได้รับรัก แต่ไม่รู้จักที่จะให้ ก็คงจะมีอันทำให้ความรักนั้นเต็มไปด้วยความเห็นแก่ตัว และต่างคนต่างก็อยากได้ แต่ไม่มีใครที่จะมอบความรักให้คนอื่น ผมว่าเรื่องการให้ ก็เป็นเรื่องสำคัญนะครับ ไม่ต้องรอวาเลนไทน์ ก็บอกรัก ก็ให้ความรักกับคนอื่นๆรอบข้างได้ การให้ที่มีคุณค่าสำหรับความรัก คือ การให้อภัย และให้โอกาส (แต่ให้โอกาสบ่อยๆ มันไม่ปรับตัวก็เลิกเถอะคร๊าบ)


 


ในความรักมีมิตรภาพซ่อนอยู่ "คุณเคยมีเพื่อนสนิทบ้างมั้ย?" (ถามเหมือนในหนังเลย โอ้ว) อยากได้รักแท้ ก็ต้องหาเพื่อนแท้ คนเราไม่ใช่ปลากัดนะครับ จะได้มองตากันแล้วก็รักกัน มันอยู่ที่ว่าเราต่างคนต่างมีอะไรที่ตรงกันรึเปล่า มันอาจจะไม่มีอะไรที่เหมือนกันเลย (ส่วนใหญ่) แต่มันต้องมีที่เหมือนกันบ้างแหละ  และถ้ามันจะไม่เหมือนกันเลย เราเคยลองมาถามตัวเองบ้างหรือเปล่าว่า "เรารักมัน เพราะมันเป็นมันหรือเปล่า? "  หากจะรัก ก็ควรรักในสิ่งที่เขาเป็น  ไม่ใช่แค่ภาพที่เรามองเห็น เพราะการมองคนจากภายนอกทำให้เราอาจจะพลาดโอกาสของความรักไปแล้วหลายครั้งแล้วก็ได้ ถ้างั้นมิตรภาพก็คงไม่ต่างจากปุ๋ยที่ต้องใส่เรื่อยๆ เพื่อคอยดูแลความรักให้เบ่งบานสินะ


 


เคยมีความรักกันมั้ยครับ???  ไม่ต้องงง ผมถามคุณน่ะแหละ แล้วเคยอึดอัดเวลามีความรักบ้างไหม ตอบคำถามนี้ในใจนะครับ ผมว่าหลายๆ คนอาจจะเคยและผ่านพ้นช่วงเวลานั้นมาบ้างแล้ว ความรักบางครั้งก็ขึ้นอยู่กับคน  และคนก็ต้องการความอิสระ ดังนั้น บางครั้งบางที หากจะมีความรัก ก็ต้องมีความเป็นอิสระระหว่างกันบ้าง ถ้ามีใครมาล่ามโซ่เรา เราคงไม่ชอบ เรียนรู้ที่จะให้อภัย และอดีตที่ไม่ดีเสียบ้าง ใครที่มีความวิตกกังวล ก็ลองลดความวิตกกังวล ปลดปล่อยความกลัวและทำใจให้ยุติธรรม ลดมิจฉาทิฐิ และเงื่อนไขต่างๆ ลงเสียบ้าง


 


ความรัก บางครั้งบางที ผมก็รู้สึกว่ามันทำให้ผมเองเปลี่ยนไป ผมไม่แน่ใจนะครับว่ามันเกิดกับใครบ้างหรือเปล่า รักทำให้ผมได้เรียนรู้ เพื่อที่จะแบ่งปันความรู้สึกดีๆ กับเพื่อนรอบข้าง และคนที่เดินผ่านไปมา บางครั้งก็แบ่งปันให้กับแม่ค้าก๋วยเตี๋ยว ที่ผมได้เรียนรู้ก็คือ การเรียนรู้  เรียนรู้ที่จะเปิดใจให้กว้าง และซื่อสัตย์ต่อกัน มันอาจจะไม่ได้ออกมาในรูปแบบของคำที่จะบอกว่า "ฉันรักเธอ" แต่มันอาจจะมาในรูปแบบของรอยยิ้ม ความเป็นห่วงเป็นใยกันก็ได้ ซึ่งตรงนี้ พี่ชายคนเดิมข้างต้น ได้กล่าวไว้ว่า "เมื่อจะรู้จักใครซักคน มันคงจะดีกว่า ถ้าหากเราจะเริ่มต้นความสัมพันธ์ด้วยความปรารถนาดีเป็นที่ตั้ง ส่วนที่เหลือนั้นขอให้เวลาและการกระทำต่างๆ เป็นเครื่องตัดสิน"    


 


ผมเชื่อมั่นในเรื่องของความรักนะ และเชื่อมั่นในเรื่องของการไว้ใจกันด้วย ความรักไม่ใช่เรื่องยาก และซับซ้อนอะไรมากหรอกครับ (อันนี้ความคิดเห็นแตกต่างจากบทความอันแรกของเพื่อน) ผมว่ามันเป็นเรื่องง่ายๆ เราไม่ได้ใช้สมองมารับรู้ความรัก หัวใจเราต่างหากที่อาจจะทำงานหนักเมื่อรักใครซักคน


 


บทความนี้ไม่ค่อยจะเกี่ยวข้องกับเยาวชนโดยตรงมากนัก แต่อยากบอกว่าวัยเยาวชนอย่างพวกผมนี่แหละที่ต้องการความรัก ผู้ใหญ่ที่เคยผ่านความรักมาแล้วก็ขออย่าได้ปิดกั้นโอกาสแห่งความรักของหนุ่มสาวเหล่านั้น ขอให้ท่านมองย้อนมาในสมัยของท่านเอง กับความรู้สึกของตัวเอง และบางครั้งเราอาจจะกำลังนึกรักเด็กๆ ที่กำลังมีความรักขึ้นมาบ้างก็ได้


 


ความรัก คือ หนึ่งในเรื่องสิทธิเสรีภาพของมนุษย์ วันนี้ คุณบอกรักคนใกล้ตัวแล้วหรือยัง ???


 


(ก่อนจะจากไป ขอแย้งตอนจบของบทความของเพื่อน อันแรก ในตอนจบ "ที่บอกว่า เมื่ออยู่กันนานไป มันจะมีเรื่องของความอดทนที่จะค่อยเข้ามาแทนที่" ผมว่า มันเป็นเรื่องของความเข้าใจ และการรู้จักให้อภัยนะ)  


 


**************************************


 



 


3. อีกครั้งของความรัก


 


ณ ห้วงคะนึงของจิตใจภายใต้มรสุมที่เข้ามารุมเร้า


ความรู้สึกในดวงหทัยที่สับสนปนเป ไร้ทิศทาง


ดวงตะวันไม่อาจขวางกั้น ความฝันของชีวิต


แสงดาวยังคงสอดส่ายสู่ม่านฟ้า ทั่วถึงอยู่ทุกทิศ


ดวงจันทร์มิเคยปิด ความคิดที่อ้อนวอนฝากจันทร์เกี่ยวใจ


ฟ้าคืนนี้เหมือนเดิม ดวงจันทร์ยังคงเชิดฉายแสงนวลผ่อง เป็นละอองของไออุ่น, ยามราตรี


มองไปเถิด บนฟ้าที่กว้างใหญ่ไพศาล
มองไปเถิด สายน้ำ ธาราที่ไม่เคยไหลย้อนกลับ


มองไปเถิด ดวงตะวันยามรุ่งสาง


ท้องฟ้าสีคราม ยามดวงตะวันขึ้นและตก –ช่างสวยงาม นึกถึงเธอเสียยิ่งกระไร
เธออยู่แห่งไหน เธออยู่ที่ใด เธอกำลังทำอะไร เธอรู้ไหมว่าฉันคำนึงหา


 


ณ ห้วงคะนึงของจิตใจภายใต้ความสุขอันน้อยนิด
มีเสียงเพลงที่ช่วยบรรเทาความคิดถึง


มีพูกัน ปากกา ดินสอ ที่บันทึกความทรงจำในชั่วขณะของห้วงอารมณ์
มีหนังสือไว้อ่านเล่นยามคิดถึง
มีภาพถ่ายช่วยต่อเติม เสริมหัวใจให้คะนึง


มีปฏิทิน คอยนับถึงเวลาที่จะมาพบกัน
อีกสักครั้ง….