Skip to main content

เหล้าตองสีสันข้างถนน (2)

คอลัมน์/ชุมชน

เหล้าตองของย่างและสาวใต้


 


การกินการดื่ม ถือได้ว่าเป็นวิถีของแต่ละกลุ่ม เหล้าตองเป็นวิถีของคนเมืองก็ว่าได้ เพราะที่อื่น ๆ ไม่มี โดยเฉพาะบ้านใต้ที่ฉันจากมา


 


เราจะมีร้านน้ำชา ขายน้ำชากาแฟเป็นหลัก และมีของแกล้มคือ ข้าวเหนียวหน้าสังขยาเป็นห่อ ๆ และต้ม  "ต้ม" เป็นของกินประเภทขนมข้าวเหนียวเหมือนกัน เขาเอาข้าวเหนียวผัดกับกะทิพอหมาด ๆ แบบสุก ๆ ดิบ ๆ เม็ดข้าวเหนียวยังไม่เกาะตัวกันหลังจากนั้นก็เอาใบกระพ้อมาห่อเป็นรูปสามเหลี่ยมปลายแหลม เพราะต้องยัดและมัดให้แน่นและเอาไปต้มจนน้ำแห้งหรือเอาไปนึ่งก็ได้ ต้มจะไม่มีการปรุงแต่งด้วยน้ำตาลหรือหรืออื่นใด นอกจากเติมเกลือลงไปในกะทินิดหน่อยเท่านั้น


 


ร้านน้ำชาของบ้านใต้ ส่วนร้านเหล้าตองของเมืองเหนือ มีของย่างมากมาย กลิ่นหอมไปไกลยั่วยวนใจเหลือเกินยามผ่านทาง


 


แต่ไม่ว่าจะเป็นร้านเหล้าตองที่เมืองเหนือหรือร้านน้ำชาที่บ้านใต้ สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันก็คือเป็นที่พบปะพูดคุย เป็นที่ชุมนุมของกลุ่มคนในชุมชน


           


ถนนทุกสายริมทางมีร้านเหล้าตอง เป็นซุ้มเล็ก ๆ มีโต๊ะหรือมีชั้นวางขวดวางแก้ว วางจานผลไม้ดอง  และเก้าอี้สองสามตัว หรือม้านั่งยาว ๆ อีกสักตัวเท่านี้ก็พอแล้วไม่ต้องพิถีพิถัน ไม่ต้องจัดวางอะไรมาก


 


ที่นี่มีของย่างริมถนนให้กินกันมากมาย ทั้งหมู เนื้อ ไส้เป็นขด ๆ ก็มี บางร้านก็มีปลาด้วยซึ่งเป็นปลาตัวเล็ก ๆ จากทุ่งนา ไม่ใช่ปลาเลี้ยงตัวโต ๆ แบบปลานิล ปลาทับทิม ซึ่งมีย่างขายตามข้างถนนเหมือนกัน แต่นั่นเป็นอีกแบบแหนึ่ง ไม่ได้อยู่ในร้านเหล้าตอง สรุปก็คือของชอบของฉันทั้งนั้น


 


เมื่อครั้งอยู่เมืองหลวงการกินของย่างสักครั้งเป็นเรื่องใหญ่ ที่ว่าใหญ่เพราะมันแพง พวกกุ้งเผาปลาเผาต้องไปกินที่ร้านกุ้งเผาปลาเผาโดยเฉพาะ  มีอยู่หลายร้าน แต่ต้องไปกินอย่างเป็นเรื่องเป็นราว ชวนเพื่อนๆ ไปกันหลายๆ คน เพื่อจะได้ลงขันร่วมกัน นาน ๆ ไปครั้งหนึ่ง


 


นอกเหนือจากเปลืองเงินแล้วอีกอย่างหนึ่งก็คือ ไม่อยากมองกุ้งปลาที่ถูกเลี้ยงไว้ในตู้กระจกใสซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ด้านหน้าร้าน


 


แรกไม่รู้ คิดว่าเขาเลี้ยงไว้ให้คนดูสวย ๆ งาม ๆ  ยังเคยเอามือไปลูบตู้ทักทาย แต่เพียงสองสามนาทีผ่านก็มีคนมาตักปลาไปครั้งละตัวสองตัว และยังมีบางคนยังยืนเลือกด้วยว่าเอาตัวไหน บ้างก็ยืนปรึกษากัน คนหนึ่งว่าเล็กไปเอาตัวโตกว่านี้หน่อย อีกคนว่าเอาตัวเล็กสองตัวก็ได้  ชี้นิ้วเลือกได้เลย


 


ฉันไม่ดื่มเหล้าแต่ชอบร้านเหล้าตอง เพราะมีของย่างกินอร่อยและมีเรื่องราวที่สนุกสนานที่ผู้หญิงจากบ้านใต้เช่นฉันไม่มีโอกาสเลยหากว่าไม่มาอยู่เมืองเหนือ


 


มีข้อห้ามมากมายสำหรับผู้หญิงใต้ โดยเฉพาะบ้านฉัน คำพูดหนึ่งที่ได้ยินติดหูก็คือ "ไม่ใช่เรื่องของผู้หญิง" การงานผู้หญิงผู้ชายแยกกันรับผิดชอบ เรื่องการดื่มกินก็เช่นกัน


 


เรื่องเหล้าก็เป็นเรื่องหนึ่งที่ไม่ควรเกี่ยวข้องด้วยเด็ดขาด  ผู้หญิงขายเหล้าที่บ้านใต้ไม่มี ต่างจากเมืองเหนือ ผู้หญิงขายเหล้ามีมากมายโดยเฉพาะร้านเหล้าตอง ส่วนใหญ่ก็จะเป็นผู้หญิงที่หน้าตาพอดูได้ไปจนถึงสวย ถนนบางแห่งแม่ค้าสาวขายเหล้าตองหน้าตาธรรมดา แต่งตัวธรรมดาแบบชาวบ้าน มีสามีขายด้วยกันหรือดื่มด้วยก็ได้


 


แต่มีถนนอยู่สายหนึ่งเป็นถนนสายนอกเมือง เปิดใหม่ มีแม่ค้าเหล้าตองประเภทสาวสวยแต่งตัวทันสมัยแบบสมัยใหม่ สายเดี่ยวคับจนเนื้อปริ แต่เหล้า, แก้ว และการจัดร้านก็เป็นแบบเก่าของย่างของกับแกล้มก็แบบเดิม ๆ จิ้นย่าง ไส้ย่าง แหนมหมก มะม่วงน้ำจิ้ม  แต่ลูกค้าจะต่างไป พวกหนุ่ม ๆ ที่มีเครื่องแบบโรงงานบ้าง หนุ่มขายน้ำอัดลมบ้างนั่งดื่มกิน "แบบว่าเท่" เอารถคันใหญ่ที่เขียนยี่ห้อน้ำอัดลมตัวโต ๆ จอดไว้ข้างถนน


 


ความต่างเรื่องการแต่งกายของแม่ค้าดูได้จากถนนเหมือนกัน ถนนสายเก่าในหมู่บ้านเป็นแบบเก่า ๆ แม่ค้านุ่งห่มธรรมดา นุ่งผ้าถุง เหล้าเป็นขวดโหลโต ๆ แบบเหล้ายาดองเป็นขวด ๆ และเหล้าไทยแบบที่มีขายในท้องตลาดทั่วไป กับแกล้มที่มีเสมอก็คือมะม่วง มะขามเปียก


มีน้ำจิ้มเด็ด ๆ แบบได้กลิ่นกะปิปลาร้านิด ๆ  น่าจะเป็นสูตรดั้งเดิม


 


ผู้หญิงใต้ไม่ค่อยจะดื่มเหล้าหรือถึงดื่มก็มีน้อยมาก จะบอกว่าไม่นิยมก็ไม่แน่ใจ อาจจะเป็นเพราะถูกห้ามมากกว่า  อย่าว่าแต่ไปนั่งดื่มกับผู้ชายเลยเดินเฉียดเข้าไปใกล้วงยังไม่ได้ ขนาดว่าทำกับแกล้มเสร็จแล้ว ผู้ชายยังต้องเดินมาเอาเองจากในครัว  จะยกไปให้ในวงเหล้ายังไม่ได้ ดังนั้น เรื่องเสนอหน้าไปนั่งยิ้มอยู่กลางวงไม่ได้เด็ดขาดถือเป็นเขตหวงห้ามเลยทีเดียว


 


มีความทรงจำเกี่ยวกับผู้หญิงกินเหล้าที่บ้านใต้อยู่คนหนึ่ง ที่ถูกสังคมหมู่บ้านมองว่า "ไม่เข้าท่า" ลูกสาวอย่าเอาเป็นแบบอย่าง  เป็นตลก ๆ ที่ไม่มีใครถือสาเอาเรื่องเอาราว มีแต่เด็ก ๆ เท่านั้นที่ชอบเพราะเธอใจดีชอบซื้อของกินให้เด็ก ๆ  ถึงวันนี้ ฉันคิดเล่น ๆ ว่านี่แหละนอกกระแสหรือทวนกระแสตัวจริง แกไม่ได้มีปัญหาอะไรกับใคร ไม่มีลูกผัว


             


ที่ร้านน้ำชาก็เช่นกัน  ผู้หญิงแทบจะไม่เคยได้เข้าไปนั่งด้วยเลย


 


มีเพียงครั้งเดียว ครั้งหนึ่งเท่านั้นที่ฉันได้ไปนั่งร้านน้ำชาที่สี่แยกในตลาดหมู่บ้านตัวเอง ครั้งนั้นพาเพื่อนมาจากเมืองหลวงไปเที่ยวบ้าน เพื่อนคนนี้ไม่ค่อยสนใจฟ้าดินเอาเสียเลย เธอไม่กลัวว่าฝนจะตกเธอจะเปียก หรือแดดจะแรงจนหน้าจะหน้าดำ  ไม่กังวลเรื่องใครจะตำหนิ ยามเช้าเธอออกเดินเล่นและเดินไปถึงสี่แยกหน้าตลาด ถึงร้านน้ำชาที่มีผู้ชายเต็มร้าน กินน้ำชากาแฟพูดเสียงดังถกเถียงกันเรื่องการเมืองประจำวัน เธอเข้าไปนั่งดื่มชาร้อน ๆ กับข้าวเหนียว ฉันตามเธอไปและถือโอกาสนั้นนั่งลงข้าง ๆ เธอด้วย


 


ฉันบอกเพื่อนว่า ที่หมู่บ้านฉัน ร้านน้ำชานี่แหละมีสีสันที่สุด มีคนมาพูดคุยกันที่นี่ เป็นแหล่งข่าว แหล่งวิเคราะห์การบ้านการเมือง บางครั้งมีการถกเถียงกันหน้าดำคร่ำเครียด  ฉันเคยได้ฟังบ้างเมื่อตามพ่อมา แต่พอพ่อเห็นฉันเดินมา พ่อรีบสั่งโอวัลตินใส่กระป๋องนมห้อยเชือก ข้าวเหนียวสังขยา และรีบให้กลับบ้านในทันใด เพราะมันเป็นที่ต้องห้ามสำหรับผู้หญิง


 


สถานที่ต้องห้ามสำหรับผู้หญิงมีมากมาย และล้วนน่าสนใจ อย่างเช่น สนามชนไก่เล็ก ๆ ในหมู่บ้าน แอบเข้าไปอยู่ได้นานเพราะคนเยอะ หลบ ๆ เอาหน่อยก็ได้แล้ว ยิ่งช่วงที่ไก่กำลังตีกันอยู่ในป้อยิ่งไม่มีใครสนใจ สายตาใคร ๆ ก็จ้องมองไปที่ไก่ แต่ถ้าพ่อหรือพี่ชายหันมาพบ เขาจะรีบตรงเข้ามาถามว่า จะกินขนมอะไรและรีบซื้อให้มากมายก่อนไล่กลับบ้าน


           


ต่อมา ฉันเล่าเรื่องร้านเหล้าตองที่เมืองเหนือ ให้เพื่อนที่บ้านใต้ฟัง  พวกเขาเคยมาเมืองเหนือไม่บ่อยนัก และไม่ได้สังเกตเพราะมาแบบท่องเที่ยวแบบด่วน ๆ


 


พวกเขาสนใจเห็นว่าน่าจะเป็นเรื่องสนุก บางทีฉันว่าจะจัดทัวร์เหล้าตองในหน้าหนาวสักครั้ง  นี่ไม่ใช่เรื่องธรรมดานะ ถือเป็นทัวร์วัฒนธรรมหรืออีโกทัวร์ก็ได้เพราะไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม และในมุมมองที่ไม่เหมือนเก่า