Skip to main content

ฮ่องกง, วันเจ็บไข้

คอลัมน์/ชุมชน

ห้องสี่เหลี่ยม ในเมืองใหญ่ ตึกสูง ถนนเบื้องล่างผู้คนมากมายเดินกันขวักไขว่ มหานครอันวุ่นวาย รีบเร่ง ...ฉันอยู่ที่นั่น ณ ช่วงเวลาหนึ่ง


ในห้องสี่เหลี่ยม ฉันชอบมองลงมาดูผู้คนเดินกันอย่างนั้น ก้าวฉับๆ ไม่มีหยุดพัก เสียงไฟให้สัญญาณตลอดเวลา ไม่ว่าจะข้ามถนน จะหยุดรถ จะผ่านแยก ผู้คนเดิน เดิน และเดิน ยวดยานบนถนนก็วิ่ง วิ่ง และวิ่ง ส่วนคนบนตึกสูงอย่างฉันนิ่งเงียบ รอบกายในสี่เหลี่ยมนั้นหยุดชะงักงัน เหมือนไร้ชีวิต จะมีก็แต่ภาพเคลื่อนไหวในจอทีวี ที่ทำให้รู้ว่า ชีวิตบนตึกสูงยังคงสัมพันธ์กับวันเวลาข้างนอก


หลายวันกับห้องสี่เหลี่ยม ฉันนอนซม ไข้ขึ้น และไม่ได้ออกไปเป็นส่วนหนึ่งของความเคลื่อนไหวในมหานครแปลกตา แปลกกลิ่น และแปลกสำเนียงนั้น ฉันนอนฝันถึงกลิ่นดอกไม้ ฝันถึงภูเขาสูง ลำธาร และต้นหญ้า แต่ความวุ่นวายของเสียงแตรรถ เสียงตะโกนโหวกเหวก ทำให้ฉันตระหนักรู้ว่า ช่วงวันเวลาของที่นี่ ก็มีกลิ่นอื่นให้ได้ใส่ใจมากกว่าแค่นอนฝันหวานอย่างนั้น


ฉันบอกกับตัวเองว่า พรุ่งนี้ฉันจะลุกขึ้นมาแจ่มใส แข็งแรง และปลอดไข้ ฉันจะไปเดินก้าวฉับๆกับคนอื่นๆบนถนน ตามแยก ตามร้านรวง ฉันจะไปสูดกลิ่นทะเลที่รายรอบเกาะแห่งนี้ ฉันจะไปสัมผัสกลิ่นอาหารจีนที่อบอวลอยู่ข้างทาง และฉันจะไปมีชีวิตชีวาข้างนอกห้องสี่เหลี่ยม


พลัน! ฉันก็คิดถึงบางคำถาม เราจะอยู่ในสี่เหลี่ยมได้อย่างไร หากเรายังไร้ชีวิตชีวา ภาพเคลื่อนไหวในจอทีวี...ก็เท่านั้น  ไม่ได้ทำให้เราอบอุ่น เติบโต มีลมหายใจใกล้ชิดกับชีวิตเลย รังแต่จะให้เรากลายเป็นสี่เหลี่ยมตามกรอบจอ ตามกรอบคอมพิวเตอร์ ตามกรอบของห้อง ตามรูปร่างของตึกสูง ...แม้จะนอนซมด้วยพิษไข้บนเตียงสี่เหลี่ยมก็เถอะ ฉันก็ยังไม่วายสบถกับตัวเอง...ฉันยังไม่อยากเป็นสี่เหลี่ยมอย่างนั้นเฟ้ย... (แม้คนหน้าสี่เหลี่ยมจะพยายามครองโลกก็ตาม!!)


วันรุ่งขึ้น อาการไข้หายไป ฉันเดินออกจากห้องสี่เหลี่ยมแล้ว ที่แรกที่มุ่งตรงไป ก้าวเดินฉับ-ฉับ เพื่อไปสวนสาธารณะ ฉันไปสูดกลิ่นต้นไม้ ไปดูนกบิน ไปดูเด็กวิ่งเล่น และไปมองฟ้ากว้าง กรอบของดวงตาเป็นรูปร่างรี ฟ้าของฉันไม่เป็นสี่เหลี่ยมเหมือนมองผ่านห้องบนตึกสูงนั้น เด็กที่วิ่ง มีชีวิตใกล้ชิดเรามากกว่าเดิม ดอกไม้บานอยู่ข้างๆ ม้านั่งที่เราเอนกายลง สนามหญ้าและดินจับต้องได้ แม้ต่างภาษากับผู้คน แต่รอยยิ้มนั้นไม่มีพรมแดน และต้นไม้ ดอกไม้ เป็นมิตร ใกล้ชิดกับเราได้ง่ายๆไม่เลือกสกุล ลำดับขั้นความเป็นคนของเรา  


ฉันจึงคิดถึงชีวิตในสี่เหลี่ยม คลี่คลาย และได้คำตอบต่อการก้าวไปให้พ้นความรู้สึกหยุดนิ่ง และไร้ชีวิตชีวานั้นได้อย่างไร ...ฉันเดินลงใต้ดิน ขึ้นรถไฟฟ้า เพื่อไปสู่ตลาดต้นไม้ของเมืองนั้น แล้วฉันก็เลือกซื้อต้นไม้มาสามต้น ต้นแรกเป็นต้นไม้ที่โตได้เร็วๆ ต้นที่สองเป็นต้นที่จะค่อยๆเติบโต และต้นสุดท้าย ต้นไม้ที่จะให้ดอกผลิบานมายิ้มกับฉันได้ในวันพรุ่งนี้ ทั้งหมดเพื่อที่สิ่งเหล่านี้จะเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตชีวาในห้องสี่เหลี่ยมบนตึกสูง


ฉันจะได้เห็นการเติบโต ได้เฝ้าทะนุถนอมชีวิตอื่นบ้าง จะได้อ่อนโยน ไม่เป็นเหมือนสิ่งไม่มีชีวิตหนึ่งที่เคลื่อนไหวได้เพียงเท่านั้น ซึ่งฉันว่ามันน่ากลัวเหลือเกิน


มีบางคำถามที่เกิดขึ้นระหว่างที่ฉันอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมกับต้นไม้ทั้งสามต้น


คนที่ไร้หัวใจ ใบหน้าสี่เหลี่ยมตามกรอบของโทรศัพท์มือถือนั้น เขาจะเคยถนอมรักต้นไม้สักต้นไหม เขารดน้ำต้นไม้เป็นไหม


...เขามีชีวิตไหม