Skip to main content

กลับบ้านเรา...อะไรรออยู่ (1)

คอลัมน์/ชุมชน



 


"วันพรุ่งนี้ เค้าก็จะได้กินยำจิ้นไก่ ไข่มดแดง แกงอ่อมหมู…คริ"


น้องร่าเริงสดใส หน้ากลมบ๊อง


 


เสียงล้อรถไฟกระทบรางฉึกฉักๆ นอกหน้าต่าง จันทร์กลมโตกำลังลอยพ้นเมฆออกมา ท้องฟ้าแสนสว่าง


"พี่ล่ะ คิดไว้ยัง จะไปกินอะไรมั่ง"


"ของที่ชั้นอยากกินเหรอ...อ่า"


พี่คิดไม่ถึงนาที


"มาม่า ก๋วยเตี๋ยวน้ำใส แล้วก็...ผัดผักบุ้ง"


 


"พี่!!!" น้องระเบิดเสียง หน้ามุ่ย


"อยู่ไหนก็กินได้ของพวกนั้นน่ะ"


"ก็ใช่นะสิ ชั้นอยู่ง่ายกินง่าย ไม่ต้องแสวงหาอะไรยุ่งยากซับซ้อน"


"พอแล้วๆ" น้องเบือนหน้าไปอีกทาง


 


"เค้าว่านะ พ่อแม่ต้องเก็บพี่มาแน่ๆ เลย"


ฉันหัวเราะมั่ง เห็นแก้มป่องๆ มีไฝเม็ดเล็กที่ริมฝีปาก บอกให้รู้ว่า โตขึ้นเธอจะต้องเป็นผู้ใหญ่ปากเสีย


 ^_^


 


/ / / / / / // / // // /


 


คืนนั้น เราสองคนกำลังแรมรอนบนรถไฟสายเหนือ ชั้น 2 พัดลม งบน้อยก็อย่างนี้แหละ และด้วยเหตุที่พี่ปีนกระไดไม่
เป็นแน่นอน น้องจึงต้องขึ้นเตียงบนแทน



ตัวเธอคงจะแน่นคับที่ไปหน่อย แต่พ่อแม่สอนมาตลอดไง พี่กับน้องต้องมีน้ำใจต่อกัน
คริ คริ


 


จริงๆ แล้ว การเดินทางครั้งนี้ไม่มีแผนล่วงหน้ามาก่อน เกือบ 2 ปี ที่เราไม่ได้กลับบ้านกันเลย จนกระทั่งวานนี้เอง อยู่ๆ น้อง
ก็พูดขึ้น


"พี่...พี่ว่าพ่อจะคิดถึงเรามั้ย"


"หือ…คิดมั้ง เป็นพ่อลูกกันนี่ มีไรเหรอ"


(แอบชำเลืองดูเธอ เห็นหน้าเซียวนิดๆ วันนี้มาแปลก)


 


"แล้ว…พี่คิดถึงพ่อหรือเปล่า"


"หือ…อือ…ก็คิดถึงซี่ แต่งานเยอะน่าดู อ้าว ! เป็นไร"


"ฮือ...ฮือ...เค้าคิดถึงบ้าน!"


"อ้าววว!!!" พี่ชักทำตัวไม่ถูก ยื่นมือซ้ายออกไปแล้วหดกลับ เอื้อมมือขวา แต่คิดว่าคงโอบเธอไม่มิดอยู่ดี เอางี้แล้วกัน พิงไหล่


เช็ดน้ำตาให้น้องเบาๆ (แก้มกว้างจัง)


 


"คิดถึงบ้าน ก็กลับไปเยี่ยมบ้านกันซี"


"จริงเหรอ!" น้องเช็ดน้ำตาเร็วรี่


"เอ้อ… ที่จริงช่วงนี้ชั้นก็งานเยอะนะ…นี่กำลัง…"


 


แต่สายเสียแล้ว


"งั้นเดี๋ยวเค้าไปจองตั๋วเอง พี่จ่ายตังค์ โอเคนะ ยุติธรรมดีแล้ว"


 "คือว่า..."


กระเป๋าสตางค์ถูกดึงขึ้นจากโต๊ะรวดเร็ว มือป้อมๆ นั่นทำอะไรเร็วขนาดนั้น!


เอทีเอ็มของฉันนนน...!


"รหัสเดิมใช่ป่ะ"


จบประโยคเธอก็หายออกห้องไปพอดี


 


/ / / / / / // / // // /


 


แต่ก็นานแล้วจริงๆ ที่เราไม่ได้กลับบ้าน


 


ฉันทำงาน น้องเรียนหนังสือ วันหยุดเสาร์อาทิตย์เราก็โม่จ๊อบตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อต ชีวิตในกรุงเทพฯ นี้หนอ อะไรๆ ก็แพงสิ้นดี ขนาดว่าอยู่น้อยกินน้อย เช่าอพาร์ตเม้นท์ 3 x 4 เมตร โหนรถเมล์ทุกวัน


 


แต่น่า กลับบ้านทีจะได้มีเงินให้พ่อ (น้องๆ พี่ว่าจริงๆ แล้วพ่อมีตังค์กว่าเราอีกนะ) ได้ซื้อเสื้อผ้าใหม่ๆ ไปฝากหลาน ซื้อส้มสูกลูกไม้ (พี่ๆ เค้าว่าพี่โบร๊านโบราณแหละ – เออ เรื่องของชั้น!) ไม่ใช่หรอก เราไม่ได้หาเงินเพื่อจะทำแบบนั้น หรือเป็นเหตุผลของการไม่กลับบ้านหรอก


 


บางความทรงจำ เจ็บปวดเกินไป เหตุผลหรือ อย่ารู้เลยดีกว่า


อ้าว!


 


ไม่รู้สิ บางที การที่จู่ๆ แม่ตายจากเราไปต่างหาก ทำให้ที่นั่นเปลี่ยวเหงาเกินไป พ่อหรือ ไม่รู้เพราะอยากทำตัวให้ยุ่งตลอดเวลาหรือเปล่า ดีไม่ดี กลับบ้านโดยไม่มีการนัดหมาย เราจะเจอคำบอกว่า


"พ่อไม่อยู่หรอก ไปเชียงใหม่, ไปเชียงราย, ไปอยุธยา, ไปอำเภอนั้นอำเภอนี้ ออกงานแพทย์แผนไทยกับเดินสายตีกลองสะบัดชัย !"   


 


แต่ก็ดีเหมือนกันนะ นานๆ กลับบ้านที ฟ้าที่นั่นจะได้ซ้วยสวย ซู้งสูง อะไรๆ ก็แปลกไปหมด (คำปลอบใจของคนปัญหา)


"เฮ้อออออออ…ฟ้าเมืองเชียงใหม่นี่ใสจังเลยเนาะ"


นั่นไง ลงจากรถไฟ น้องก็แหงนหน้าสูดลมหายใจยาวเหยียด


"แต่พี่ว่าฝุ่นเยอะนะ ดูสิ คลุ้งไปทั้งเมืองเลย"


"พี่บ้า!"


 


            / / / / / / // / // // /


 


ฉันหัวเราะคิก เด็กสาวแก้มแดงหอบหิ้วสัมภาระไม่พูดไม่จาอะไรอีก รีบเดินเหมือนเมืองพร้าวอยู่ห่างสักสามร้อยเมตร


"100 กิโลน้อง ไม่ต้องรีบเดินก็ได้"


"รีบไปเถอะน่า...แดดร้อนแล้วนะ ไปรอรถสันกำแพงกัน"


"ทำไมต้องไปรถสันกำแพง?"


 


น้องไม่ทันตอบ เสียงหวานใสก็แทรกเข้ามาในห้วงอากาศ


"จะไปไหนเจ๊า…กาดหลวง ไนท์พลาซ่า หน้ามอ ห้วยแก้ว ขึ้นรถพี่แล้วถึงปลายทางทุกที่เจ๊า…น้อง ๆ รถไหมเจ๊า"


"เอ้อ จะไปคิวรถพร้าวค่ะ"


ฉันถลาเข้าใส่ เจ็บแปล้บที่แขนซ้าย


 


"เฮ้ย ! หยิกชั้นทำไม !"


"ไปเลยเจ๊า ไปเลย ขึ้นรถพี่ รอคนเต็มไปทันที ค่ารถถูก ๆ คนละสี่สิบบาทเจ๊า"


"เอ๊ะ ค่ารถไม่ใช่…"


ช้าไปเสียแล้ว ฉันคว้ากระเป๋าจ้ำอ้าว โน่น รถกระบะเล็กสีแดง มีหลังคามุง อันเป็นพาหนะประจำเมืองเชียงใหม่เลี้ยวจอดเทียบทันควัน ในนั้นมีฝรั่งสองสามคน กับผู้หญิงผิวขาวๆ สงสัยเป็นชาวญี่ปุ่นอีกสองคน


"ขึ้นเลยเจ๊า ขึ้นเลย ยู ยู ขยับหน่อยเจ๊า"


 


พี่ก้าวขึ้นรถอย่างมั่นใจ น้องตามหลังมาอย่างตั้งตัว เสียงหวานร้องบอกอีกหน


"ขยับอีกเจ๊า ขยับอีกหน่อย มีคนขึ้นอีกเจ๊า"


ฝรั่งอีกสี่คนก้าวขึ้นมา พื้นรถไหวยวบ พี่กับน้องถูกเบียดเข้าไปข้างใน อากาศภายในรถชักเหลือน้อยเต็มที


 


"เอ้อ พี่คะ ถ้านั่งไปแค่ 2 คน ถึงคิวรถพร้าวคนละเท่าไหร่"


พี่แข็งใจส่งเสียง คิดสาระตะในใจ เราลงไปรอคันอื่นดีไหมเนี้ย


"160 บาทค่ะ ถ้าจะเหมาไป โฮะ ๆ ๆ" (ยายนั่นหัวเราะแบบนั้นจริงๆ)


พี่หน้าเจื่อน สบตากับน้อง เธอทำปากขมุบขมิบประมาณว่า "ไง ทำเรื่องอีกแล้วใช่ไหมพี่ เค้าบอกแล้ว ไปรอรถสันกำแพง ค่ารถ 10 บาทเอง"


"ไม่เป็นไร หยวนๆ นานๆ มาที"


พี่ฉีกยิ้ม กระซิบตอบอย่างไว้ฟอร์ม


 


ฝรั่งอีกคนหนึ่งหันไปถามเพื่อนที่มาด้วยกัน


"ไปกาดหลวงค่ารถเท่าไหร่นะ" (พากย์ไทยได้ความหยั่งงี้)


"คนละ 60 เอง " ฝรั่งด้วยกันตอบ     


"ฮ่า ฮ่า ถึงถูกหลอก ก็หลอกระดับอินเตอร์นะเนี่ย ฝรั่งจ่ายมากกว่าเราอีกแน่ะ!! "


พี่หน้าบาน เอี้ยวตัวกระซิบกับน้อง แต่เธอพูดออกมาคำเดียว


"บ้า"


 


ปล.


พี่  / ลูกสาวคนโตของแม่ แต่เป็นลูกคนที่ 6 ของพ่อ (หมายถึงว่าพ่อมีลูกและอดีตภรรยามาหลายคนไง) สูง 150 กว่าเซ็นติเมตร น้ำหนักขึ้นลงระหว่าง 42-50 กิโลกรัม ตัดผมสั้นมาก อาหารโปรดคือผัก เต้าหู้ ปลา เหตุผลนะเหรอ ต้มกินง่ายดี


 


น้อง / น้องเล็กของบ้าน อายุน้อยกว่าพี่ 5 ปี แต่บางทีก็มักต้องรู้สึกว่าแก่กว่า น้ำหนักกับส่วนสูงไม่ค่อยสัมพันธ์กันเท่าไหร่ อาหารโปรดคือ ทุกอย่าง ย้ำ ทุกอย่าง ความฝันล่าสุดของเธอคือเขียนเรื่องเกี่ยวกับตลาด แต่ไม่สามารถเพราะไปทีไร...กินแหลก (แล้วหลับ) คำจำกัดความส่วนตัว "คนมักเข้าใจว่าวาดวลีคือวาดรวี" ^_^


 


หมายเหตุ : โปรดติดตามตอนต่อไป


------------------------------------------------------------------------------------


 


                    


 


                               


 


         


 



 


 



 


 



 


 



 


 


 



 


 



 


 


                                                                         0 0 0 0