Skip to main content

ผ่อนคลายจึงคลี่คลาย

คอลัมน์/ชุมชน


หญิงสาวคนหนึ่งบอกว่า…เธอเกิดและเติบโตมาพร้อมพรสวรรค์พิเศษ


นั่นคือ เธอมีความสามารถในการเรียนรู้สิ่งต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นงานที่เกี่ยวแก่อารมณ์ หรือความคิด   พร้อมกับคำยกย่องชมเชย การยอมรับ และการสนับสนุนของครอบครัวและผู้คนรอบข้าง ยิ่งเติบโตขึ้นเท่าไหร่เธอก็ยิ่งกลายเป็นคนเก่งขึ้นเรื่อยๆ 


 


จนเติบโตขึ้น ก้าวไปสู่การศึกษาเล่าเรียนที่สูงขึ้น ในเวลาต่อมา  มันก็กลายเป็นตำแหน่งการงานที่ดี  ด้วยภาพของผู้หญิงเก่งที่ประสบผลสำเร็จในหน้าที่การงานอย่างรวดเร็วตั้งแต่อายุยังน้อย  เรื่องราวในชีวิตของเธอผ่านไปเช่นนี้มันจึงกลายเป็นความมั่นใจในตัวเอง และนับวันมันก็ยิ่งสั่งสมความมั่นใจนั้น สูงขึ้น สูงขึ้น….


 


วันหนึ่ง…เหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นโดยตั้งตัวไม่ติด  มันคือความผิดพลาดในหน้าที่การงาน การผิดพลาดเพียงครั้งเดียวนั้น ก่อให้เกิดความผิดพลาดอีกหลายครั้ง  แล้วมันก็กลายเป็นความล้มเหลว  แล้วมันจึงกลายเป็น ความสูญเสียอย่างรุนแรง แล้วก็นำไปสู่ความเจ็บปวด   ความเป็นคนมั่นใจในตัวเองเริ่มคลอนแคลน  คำชมเชยจากคนรอบข้าง เริ่มกลายเป็นคำตำหนิติเตียน  และยิ่งเจ็บปวด ยิ่งทุกข์  ก็ดูเหมือนทุกอย่างจะเลวร้ายลงไปเรื่อยๆ  ยิ่งพยายามจะพลิกฟื้นสถานการณ์ มันก็ยิ่งแย่ลงไปใหญ่ 


 


เธอเฝ้าถามตัวเองว่า มันเป็นไปได้อย่างไร?


เรื่องอย่างนี้เกิดขึ้นกับเธอได้อย่างไร?


ระหว่างนั้นความทุกข์ก็กดทับหนักหนา


 


แล้วในวันหนึ่ง…เมื่อความทุกข์ได้กดทับลงถึงที่สุด


เธอได้พาตัวเองออกไปสู่สิ่งใหม่ สิ่งที่เธอไม่คุ้นเคย ที่ๆ ผู้คนรอบข้างไม่มีใครเรียกร้องเธอ ไม่มีใครต้องการความสำเร็จของเธอ  และเป็นที่ๆ ผู้คนสามารถชื่นชมเธอ ชื่นชมสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่เธอไม่เคยได้รับ ที่ๆ ทุกคนพากันทำอะไรอย่างเชื่องช้า และผ่อนคลาย ที่ๆ ผู้คนชักชวนเธอนอนฟังบทเพลงแห่งพฤกษ์ไพร….  


 


ไม่นานหลังจากนั้น  เมื่อเธอวางทุกสิ่งออกไป วางพรสวรรค์ วางความเก่งกล้าของตัวเอง วางความบอบช้ำของตัวเอง  เฝ้าดูความเป็นไปของธรรมชาติรอบข้าง และตัวเธอเองค่อยๆ หลอมรวมกัน…บัดนั้น ทุกสิ่งที่อัดอั้นอยู่ในใจได้คลี่คลอยออกช้าๆ เธอได้พบปัญญาญาณใหม่ในตัวเองอย่างช้าๆ และงดงาม


 


เรื่องเล่าของชายหนุ่มผู้หนึ่ง…เมื่อเยาว์วัยเขาเป็นเด็กขี้โรค อ่อนแอ สามวันดี สี่วันไข้  เขาจึงมักถูกเพื่อนล้อ ขู่ รังแก กดขี่อยู่เสมอ  ในสถานการณ์ที่ต้องแข่งขัน  เมื่อในวัยเยาว์ของเขาครั้งหนึ่ง ครั้งแรกที่ได้ลิ้มรสความพ่ายแพ้ เขารู้สึกเจ็บปวด และโกรธแค้น เขาประกาศว่า นับจากนี้สืบไป จะไม่ยอมแพ้ใครอีก  และเขาจะต้องเป็นหนึ่ง…  จากนั้นเขามุมานะ เรียนรู้ ฝึกฝน  หลายปีผ่านไป จนเติบโตเป็นหนุ่ม ทางกาย เขาสามารถเอาชนะโรคภัยไข้เจ็บ กลายเป็นคนแข็งแรง  ทางสติปัญญา ก็เป็นผู้มีความรู้ จนประสบผลสำเร็จอย่างรวดเร็ว ทั้งในด้านชีวิต และการงาน  แล้วเขาก็เข้าใกล้ความเป็นที่หนึ่งมากขึ้น มากขึ้น


 


ความเป็นที่หนึ่ง ความเป็นเลิศที่เหยียบย่ำความเจ็บปวดของผู้คนไว้มากมาย  ชัยชนะของเขา ทำให้เขาผงาดขึ้น อย่างองอาจทรนง ผู้คนยกย่อง นับถือ และหวาดกลัวเขา เพราะภาพของความพ่ายแพ้ในอดีตส่งเขาขึ้นไปสู่การต่อสู้อย่างไร้น้ำใจ


 


จวบจนวันหนึ่ง…ชัยชนะอันยิ่งใหญ่ ที่กำลังนำเขาไปสู่ความเป็นหนึ่ง ครั้งนั้น ความสูญเสียได้ลามไปสู่ครอบครัว และคนรอบข้างทั้งสองฝ่าย ชัยชนะที่นำความโศกเศร้ามาสู่ และสายเกินกว่าจะเยียวยาแก้ไข ความบอบช้ำนำเขาซัดเซพเนจรออกจากบ้าน  ทิ้งความยิ่งใหญ่เอาไว้  รอนแรมไปอย่างไร้ทิศทาง  ลุถึงชนบท  ทุ่งนาป่าเขา   ณ ที่นั่น ดินแดนที่ไม่มีการแก่งแย่งแข่งขัน  ดินแดนที่ทุกคนทำสิ่งเดียวกัน  นั่นก็คือ ปักดำข้าวกล้า เมื่อฤดูเพาะปลูก  เกี่ยวข้าว ในฤดูเก็บเกี่ยว  กินอาหารที่มากจากป่าและไร่นาเหมือนกัน 


 


ในภาวะที่ไร้การแข่งขัน ภาวะที่ไม่ต้องดิ้นรนต่อสู้ 


ณ ดินแดนที่ไม่ใครเป็นที่หนึ่ง  ไม่มีผู้แพ้ ไม่มีผู้ชนะ 


ในผืนแผ่นดินที่งดงาม เขาได้นั่งเฝ้าดูชีวิตตัวเองอย่างเนิ่นนาน 


ถ้อยคำมากมายที่ผู้คนเคยเตือน ในหลากหลายโอกาส 


ความรู้สึกของความพ่ายแพ้และชัยชนะ ที่ไร้ค่า 


 


วาระนั้น เมื่อเขาไม่มีอะไรอีกแล้ว ในใจปราศจากการแก่งแย่ง ปราศจากความเป็นหนึ่ง 


เขาเริ่มยิ้ม รับสายลมที่โชยแผ่วมาอย่างอ่อนโยน 


จิตวิญญาณของเขาได้เปิดออก ช้าๆ  อย่างผ่อนคลาย 


นำเขาไปสู่เรื่องราวใหม่ของชีวิต  เรื่องเราที่เบิกบาน และงดงาม