น่าเสียดาย คนเก่งของประเทศไทย
คอลัมน์/ชุมชน
น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่งที่ท่านนายกรัฐมนตรีอาศัยความได้เปรียบชิงยุบสภาหนีการอภิปรายทั่วไปจากรัฐสภา มิเช่นนั้นจะได้เห็นอย่างชัดเจนยิ่งขึ้นว่า การตรวจสอบนายกรัฐมนตรีจากรัฐสภาเป็นเช่นไร
น่าเสียดายที่วุฒิสภากลายเป็นสภาเป็ดง่อย ไม่ทำหน้าที่ที่สมควรทำ คือล่ารายชื่อให้ครบ ๑๒๐ เสียงเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อให้คณะรัฐมนตรีมาชี้แจงปัญหาบ้านเมืองในสภา
กลับปล่อยให้รัฐบาลอ้างว่าจะขอหารือปัญหาความขัดแย้งของสังคม เนื่องจากมีการอภิปรายขับไล่นายกในที่สาธารณะ กลายเป็นความขัดแย้งแตกแยกทางสังคมทั่วไปประเทศในขณะนี้
น่าเสียดายที่ตัวแทนประชาชนในรัฐสภาไม่สามารถทำหน้าที่อย่างเหมาะสม
ต้องขอเรียนในฐานะสมาชิกวุฒิสภาคนหนึ่งว่า การแทรกแซงจากรัฐมีในวุฒิสภาจริง เราจึงไม่เห็นการทำหน้าที่ที่แท้จริง ที่จะทำหน้าที่ในการเป็นสภากลั่นกรอง
สภาพี่เลี้ยง กลับกลายเป็นสภาที่คอยเอาใจรัฐบาล!
การที่รัฐบาลแทรกแซงไปทั่ว ยิ่งทำให้กลายเป็นความระแวง กลายเป็นความไม่ไว้วางใจ กลายเป็นความหวั่นใจว่า รัฐบาลจะเป็นเผด็จการ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นายกรัฐมนตรี ไม่ได้พิสูจน์ตัวเองว่า ยินดีจะให้ตรวจสอบในเรื่องการบริหารงาน
ถึงแม้ว่าท่านนายกรัฐมนตรีเป็นผู้มีความรู้ ความสามารถ แต่ถ้าทำงานแบบข้ามาคนเดียวไม่ฟังผู้ใด ก็ยากนักที่จะได้รับการยอมรับ ยากนักที่จะให้ผู้คนเขาไม่นินทาว่าเป็นเผด็จการ
ถึงแม้ว่านายกรัฐมนตรี จะแสดงผลงานอย่างน่าชื่นชมในเรื่องการปราบปรามยาเสพติด การแก้ไขปัญหาต่างๆ อย่างรวดเร็ว การทำงานด้านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำให้ราคายางพารา เพิ่มขึ้นถึงกิโลกรัมละ ๗๐-๘๐ บาท
ที่กล้ายืนยันเพราะพรรคพวกจากอินโดนีเซียฝากชมเชยนายกรัฐมนตรีมาในเรื่องการทำให้ราคายางของผู้ผลิตสามประเทศของโลกคือไทย มาเลเซีย และอินโดนีเซียมาจับมือกันทำให้กำหนดราคายางพาราได้
แต่ถึงแม้ผลงานจะเป็นที่ประจักษ์ แต่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่งที่ท่านนายกรัฐมนตรีไม่ได้ใช้ความรู้ความสามารถในการปราบปรามทุจริตคอรัปชั่น! ซึ่งนับเป็นจุดอ่อนที่สุดในรัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร ไม่ว่าจะเป็นปัญหาทุจริต ซี ที เอ็กซ์, ทุจริตลำใยอบแห้ง, กล้ายาง, การชดเชยไข้หวัดนก ฯลฯ ไม่มีท่าทีที่รัฐบาลจะแก้ไขปัญหาอย่างจริงใจจริงจัง
ในวุฒิสภามีการเรียกให้ข้าราชการผู้บริหารองค์กรต่างๆ มาชี้แจงในสภา แต่มักไม่ได้รับความสนใจ อ้างว่าติดภารกิจ ไม่มาให้ข้อมูล ในกรรมาธิการการแปรรูปรัฐวิสาหกิจวุฒิสภาก็ได้รับคำปฏิเสธจากการรถไฟแห่งประเทศไทย การท่าอากาศยาน เมื่อได้ขอข้อมูลที่เกี่ยวข้องการไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับปัญหาที่ดินการรถไฟ การให้สัมปทานการขนส่งสินค้าในสุวรรณภูมิ
หากรัฐบาลตั้งใจ จริงใจในการให้ตรวจสอบ ต้องสั่งให้ผู้บริหารมาชี้แจงให้ข้อเท็จจริงกับวุฒิสภา แต่หลายครั้ง หลายกรรมาธิการกลับไม่ได้รับความร่วมมือ จนกระทั่งเกิดความขาดศรัทธาในการบริหารงานของรัฐบาล เป็นการยืนยันว่ารัฐบาลไม่เอาใจใส่ในการปราบคอรัปชั่น จนเป็นที่ครหาว่าอาจเป็นเพราะพรรคพวกคนของพรรค ของรัฐมนตรีมีเอี่ยวนั้นเอง จึงไม่สนใจ ไม่แคร์ว่าเรามีรัฐสภาไว้ตรวจสอบ กระทู้ถามในสภารัฐบาลก็ไม่ได้ให้ความสำคัญ มิหนำซ้ำประธานวุฒิสภาก็ไม่ได้ทำหน้าที่บรรจุกระทู้หรือญัตติที่กระทบกระเทือนต่อรัฐบาล
สมาชิกวุฒิสภาหลายท่านจึงต้องออกไปเป็นพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เพราะทนไม่ไหวกับระบบการเมืองที่ไม่สามารถตรวจสอบการบริหารงานแผ่นดินได้
นี่เป็นความอึดอัดใจเป็นอย่างยิ่งในฐานะสมาชิกวุฒิสภาที่ไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงนี้เพราะมีการยุบสภาหนีการอภิปรายหนีการตรวจสอบจากสภา การเลือกตั้งใหม่ก็จะได้พรรคไทยรักไทยมาเป็นเต็มสภา และจะเป็นรัฐบาลพรรคเดียวครั้งแรกในประวัติศาสตร์การเมืองของไทย
แต่ผมไม่แน่ใจว่าจะทานพลังจากนอกสภาได้หรือเปล่า เพราะยิ่งมีอำนาจเยอะ ยิ่งต้องทนต่อแรงต่อต้าน เสมือนหนึ่งต้นไม้สูงย่อมต้องโดนลมแรง แล้วยิ่งรัฐบาลปิดกั้น แทรกแซงการทำงานขององค์กรอิสระ ก็ยิ่งทำให้สังคมอึดอัดอย่างที่สุดจนกลายเป็นระเบิดเวลา
การตรวจสอบจากนอกสภาจะยิ่งเยอะ มหาศาล และผมก็จะเป็นหนึ่งในการตรวจสอบนอกสภาพร้อมๆ กับท่าน เพราะผมหมดวาระการดำรงตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภาพอดี
โ