Skip to main content

เหล้าตองสีสันข้างถนน 5

คอลัมน์/ชุมชน

เหล้าตองกระดูกไก่


           


เรามีเวลาว่างมากมาย ดังนั้นทุกยามเย็นเราจะเอามอเตอร์ไซค์ออกไปตามที่ต่าง ๆ ในระยะทางไม่เกินสิบห้ากิโลเมตร


 


เพื่อนสาวคนเมืองคนหนึ่ง บอกว่าในช่วงหน้าหนาว ไปเที่ยวด้วยมอเตอร์ไซค์โรแมนติกที่สุด และเคยอ่านพบในนิตยสารเล่มหนึ่ง คนให้สัมภาษณ์เป็นนักเดินทางและทำงานเขียนสารคดี เขาพูดถึงการเดินทางว่า ถ้านั่งรถยนต์เหมือนดูภาพจากโทรทัศน์ เพราะมีกรอบเป็นจอบังอยู่ แต่ถ้าใช้มอเตอร์ไซค์เหมือนอยู่ใกล้ตาตัวเอง ไม่มีอะไรขวางกั้น เขาจึงเดินทางด้วยมอเตอร์ไซค์


 


สองข้อนี้มีน้ำหนักพอที่จะทำให้เราตัดสินใจซื้อมอเตอร์ไซค์  และเป็นโชคดีของเราเพราะมีฝรั่งคนหนึ่ง เขากำลังเตรียมตัวเดินทางกลับ ไปอยู่บ้านเกิดเมืองนอน  เขาดูแลรถของเขาอย่างดี  เราจึงได้รถเก่าที่มีสภาพดีและราคาไม่แพง


 


นับตั้งแต่นั้นเราก็เริ่มออกตระเวนทุกยามเย็น ดูพระอาทิตย์ตกดิน และกินของอร่อยที่ร้านเหล้าตองเพื่อนร่วมทางชีวิตของฉัน เป็นคนเมืองเหนือโดยแท้ เขาบอกว่าเหล้าตอง  เป็นสิ่งหนึ่งที่ดีมาก ๆ สำหรับคนจนเช่นเขา เพียงสิบบาทก็ดื่มกินได้ กับแกล้มฟรีก็มี คุยกับเพื่อนฝูงได้ ถ้ามียี่สิบบาทถือว่าดีเลิศแล้ว  หรือถ้ามีห้าสิบบาทจะเลี้ยงเพื่อนสักตองสองตองก็ได้ และซื้อกับแกล้มแบบพิเศษได้อีกจานหนึ่ง


 


ฉันคิดตามที่เขาพูดพลางร้องว่า โอ…ฉันมีสองร้อยก็ถือว่า…วิเศษ จัดปาร์ตี้ได้เลยสิ 


เขาหัวเราะพลางว่า คิดดูเถิด ถ้าไม่มีร้านเหล้าตอง  คนจนๆ อย่างเราจะทำอย่างไร จะไปนั่งกินตามร้านใหญ่ ๆ ได้ที่ไหน  "งั้นร้านเหล้าตองก็ถือเป็นกิจกรรมของคนในชุมชนที่มาพบกัน"  เขาตอบว่า จะว่าอย่างนั้นก็ได้


 


ที่ร้านเหล้าตองไม่ค่อยมีการทะเลาะกัน เท่าที่สอบถามดู กินคนละตองสองตอง ยืนคุยกันสักพักก็กลับเข้าบ้านใครบ้านมัน ร้านเหล้าตองในหมู่บ้านจะเปิดไม่ดึก สามทุ่มก็ปิดแล้ว ถ้าถนนใหญ่ก็สี่ห้าทุ่มปิด เปิดดึกกว่านั้นก็มีเหมือนกันแต่เป็นส่วนน้อยและเป็นร้านเหล้าตองประยุกต์แล้ว ไม่ใช่ร้านเหล้าตองแบบดั้งเดิม


 


มีอยู่แห่งหนึ่งที่ปากทางเข้าบ้าน ที่พิเศษก็คือว่า เป็นร้านเหล้าตองที่มีคนมากที่สุด ไม่เคยน้อยกว่าสิบ ทั้งมอเตอร์ไซค์ รถจักรยาน รถยนต์ก็มี  ร้านเหล้าตองแห่งนี้ในช่วงกลางวันเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวราคาถูก ชามละสิบบาทได้ชามโต ๆ  ลูกชิ้นถึงห้าลูก  มีเนื้อเปื่อยเนื้อสดอีกนิดหนึ่ง ผักสดและน้ำดื่มฟรี ผักสดกะหล่ำปลีกับถั่วงอกหั่นเอาไว้เป็นกะละมังเลย  แม่ค้าบอกว่าถั่วงอกเพาะเอง  เธอมีกระบะเพาะถั่วงอกอยู่ข้างร้าน ฉันเคยเข้าไปดู เธอใช้กระบะไม้ไผ่สาน ปูด้วยใบตองที่ฉีกฝอยๆ เอาถั่วเขียวใส่ลงไปและเอาใบตองที่ฉีกเป็นฝอยวางลงไปอีกครั้งหนึ่ง  รดน้ำทุกวัน  แค่นี้ก็ได้ถั่วงอกแล้ว เธอว่าตอนแรกใช้กระดาษหนังสือพิมพ์  ซึ่งใช้ได้ดีกว่าแต่บางคนเขาว่ามันมีเคมีที่ตัวพิมพ์  เลยใช้ใบตองแทน  นับว่าเป็นร้านที่รับผิดชอบผู้บริโภคดีมาก น่าจะได้รับรางวัลอะไรสักอย่าง


 


แม่ค้าเหล้าตองกับแม่ค้าก๋วยเตี๋ยวเป็นคนละคนกัน คนขายก๋วยเตี๋ยวเป็นพี่สาว สามีเธอมาช่วยด้วย ส่วนคนขายเหล้าตองเป็นน้องสาว  เธอขายคนเดียว


 


เมื่อเราเข้าไปร้านนี้จึงรู้ว่าไม่ธรรมดาจริง ๆ  เขามีอาหารจานพิเศษขายพร้อมด้วยน้ำจิ้ม และซื้อกลับบ้านได้ด้วยในราคาถุงละหกบาท  หลังจากนั้นเราก็แวะที่ร้านนั้นบ่อย ๆ แต่ไม่นั่งดื่มเพราะมีลูกค้าเยอะ เราแวะเพื่อซื้อกับแกล้มกลับมากินที่บ้าน วันละสองถุง  กินได้ทั้งคนทั้งหมา หมาไทยที่เรามีอยู่ตัวหนึ่งโยนให้มันกินได้เลย  ส่วนหมาเล็กพันธุ์ทิสซึนั้นต้องแกะเอาแต่เนื้อให้มัน


 


เมื่อเรารู้จักกัน  แม่ค้าก็บอกฉันว่า เธอไปรับซื้อกระดูกไก่มาจากร้านขายข้าวมันไก่ ร้านนี้เขาขายข้าวมันไก่ดีมาก วันหนึ่งขายเป็นร้อยตัว เขาแล่ขายแต่เนื้อและมีเนื้อติดกระดูก พวกคอพวกตีนเอาไปต้มพะโล้หรือต้มยำเห็ดฟางก็อร่อยนะ  ถ้าจะเอาแต่คอกับตีนก็ได้นะคัดเอาไว้ให้  พวกหนังเอาไว้ทอดเป็นหนังไก่ทอดก็ได้ บางวันมีหนังติดมาเยอะ


 


วันต่อมาฉันก็ทำอาหารตามที่เธอแนะนำ  ต้มพะโล้คอไก่กับตีนไก่ ใส่ไข่นกกระทา ไข่นกกระทาก็ไปซื้อจากบ้านหนึ่งที่เขาเลี้ยงไว้ในบ้าน  ครอบครัวนี้เลี้ยงนกกระทาไว้หน้าบ้าน เขาว่าแรกเลี้ยงไว้เล่น ๆ ตอนหลังนี้มันเข้าที ลูกเก็บไข่ไปขายได้เงินพอซื้อกินที่โรงเรียนได้ทุกวัน ก็เลยเลี้ยงเพิ่มขึ้นอีกกรงหนึ่งตอนนี้มี 50 ตัว  


 


แม่ค้าเหล้าตองบอกวิธีทำพะโล้คอไก่ตีนไก่พร้อม  เธอว่าเอาตีนไก่หมักซีอิ๊วขาว น้ำตาล น้ำปลาเล็กน้อย น้ำมันหอย น้ำมันงา รากผักชี กระเทียม หมักไว้สักพัก  หลังจากนั้นก็เอาไปผัดกับน้ำมันให้หอม แล้วเอาไข่ต้มสุกปอกเปลือกเทลงไปคลุกเบา ๆ  ต้องระวังเดี๋ยวไข่ไปโดนตีนไก่แตกมันจะไม่สวย หลังจากนั้นก็เติมน้ำลงไป มีเต้าหู้ก็ต้มลงไปได้ 


           


ร้านเหล้าตองไม่ใช่แค่ภูมิปัญญาท้องถิ่นเท่านั้น ในการดองเหล้า หรือวัฒนธรรมในการดื่มกิน แต่เป็นมากกว่านั้น …เป็นการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ การดูแลเอาใจใส่ซึ่งกันและกัน แบบชุมชนช่วยตัวเอง  การอยู่การกินไปตามสภาพ  นี่แหละเศรษฐกิจพอเพียง ถือเป็นการช่วยชาติอย่างหนึ่ง


 


ที่แห่งนี้…เหมาะสมนักที่นักเขียนสองคนซึ่งต่างไม่มีรายได้แน่นอน เลือกเป็นที่อยู่อาศัย