Skip to main content

คุณทักษิณ..ขอเชิญคุณออกได้แล้วครับ

คอลัมน์/ชุมชน

 


 


1) ถ้าเป็นผม ?


 


ถ้าผมเป็นคุณทักษิณ ผมคงรู้สึกเหมือนโดนเพื่อนทิ้ง หรือเพื่อนไม่เล่นด้วยแน่ๆ  ก็ตอนที่ผมเป็นเด็กเวลาเพื่อนผมไม่เล่นด้วยผมก็จะรู้สึกน้อยใจ บางทีรู้ตัวว่าเพราะอะไรแล้วค่อยๆ ปรับปรุงตัว เพราะกลัวเพื่อนจะไม่เล่นด้วยอีก แต่กับคุณทักษิณ และเพื่อน คือ พรรค 3 พรรคที่ไม่ส่งผู้สมัคร สส. จนถึงตอนนี้เพื่อนที่ชื่อคุณทักษิณ ก็ยังไม่ปรับปรุงอะไร  แถมยังทำให้อะไรต่อมิอะไรซับซ้อนขึ้นอีกเรื่อยๆ  แล้วอย่างนี้จะมีใครคบกับคุณทักษิณต่อ


 


อะไรต่อมิอะไร ที่เกริ่นข้างต้น  ผมขออภิปราย เอาเท่าที่ผมพอจะมีสติปัญญาคิดได้ก่อนนะครับ อย่างแรกผมเข้าใจว่า การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อนประชาธิปไตยนั้นมีวัตถุประสงค์มุ่งไปที่ให้คุณทักษิณลาออก  สาเหตุเนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อมุ่งผลประโยชน์ของตัวเอง เครือญาติและพวกพ้อง เรียกได้ว่ากำลังเป็นนายหน้าสัมปทานประเทศ ตามที่ท่านมีความถนัดในเรื่องการสัมปทาน  ถ้ายังปล่อยให้คุณทักษิณลอยนวล นั่นก็เท่ากับว่าเรายอมรับอย่างไม่มีเงื่อนไขที่จะขายประเทศ ก็จะไม่ให้เรียกว่าขายประเทศได้อย่างไร ก็สิ่งที่คุณทักษิณจะขายล้วนแต่เป็นสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานของประเทศทั้งนั้น 


 


ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น ไฟฟ้าของคนไทย  คิดดูนะครับว่าการแปรรูป กฟผ.โดยการขายหุ้นให้ประชาชน  ถามว่า ณ ตอนนี้ประชาชนคนไหนจะมีเงินซื้อหุ้น  นอกจากประชาชนคนรวยที่มีอยู่ไม่กี่คนในประเทศนี้  แล้วคนรวยเหล่านั้นคือใครล่ะครับถ้าไม่ใช่พวกพ้องในรัฐบาลท๊ากสิน  จู่ๆวันดีคืนดีเกิดเจ้าของหุ้นกลุ่มนี้ลุกขึ้นมาบอกว่า ฉันเป็นเจ้าของหุ้นบริษัทไฟฟ้าแห่งประเทศไทยนะ พรุ่งนี้ฉันจะต้องขึ้นค่าไฟอีกหน่วยละ 5 บาท ทุกคนจะต้องปฏิบัติตาม ถ้าไม่จ่ายเพิ่มก็จงหันกลับไปก่อฟืน หรือใช้เทียนไขต่อไป (อันนี้ขออนุญาตยกตัวอย่างกรณีที่สุดโต่งที่สุด.. แต่ไม่แน่ อาจเกิดขึ้นได้) ถ้าเป็นอย่างงี้ ผมประชาชนหน้าใสซื่อ จะเปลี่ยนไปใช้ไฟฟ้าของบริษัทอะไรหล่ะ เรามีทางเลือกให้เลือกมั้ยครับ


 


2) ความฉลาดของคนชื่อ "ทักษิณ"


 


ต้องบอกอีกอย่างว่านายหน้าคนนี้เป็นคนที่ทำการตลาดเก่งมากๆ เพราะสามารถชวนเชื่อให้คนส่วนหนึ่งรวมถึงพ่อแม่ของผม ชื่นชมการทำงานของรัฐบาลเอามากๆ ก็จะไม่ให้ชื่นชมได้ยังไงล่ะครับก็ท่านใช้สื่อที่ท่านมีอยู่ทั้งของรัฐ ทั้งของตัวเองที่ไปกว้านซื้อมา โปรโมทการทำงานของตัวเองขนาดนั้น  ที่เรียกว่าโปรโมทก็คงจะตีความต่อไปออกนะครับว่า คือการพูดถึงแต่ด้านดีของตัวเอง ซึ่งเป็นข้อมูลเพียงด้านเดียวเท่านั้น (คงไม่มีใครประณามตัวเองออกสื่อ)  เอาที่ใกล้ตัวของผมก่อนคือพ่อกับแม่  รับสื่อได้ทางเดียวคือโทรทัศน์ เพราะท่านเป็นคนไม่อ่าน และไม่ค่อยได้พูดคุยวิเคราะห์เรื่องการเมืองมากนัก  การที่เราอยู่กันคนละจังหวัด พอท่านรู้ว่าผมมาร่วมชุมนุมที่สนามหลวงร่วมกับเครือข่ายพันธมิตรฯ ทำเอาท่านโกรธผมมากๆ ผมได้อธิบายโดยใช้ข้อมูลที่ผมมีอยู่ แต่ดูเหมือนว่าข้อมูลมันดูซับซ้อนเกินไป จนทำให้ท่านมองไม่เห็นภาพ และรู้สึกว่าไม่ใช่เป็นเรื่องใกล้ตัวของท่าน ข้อมูลที่ซับซ้อนที่ว่า เช่น การที่คุณทักษิณพยายามจะทำให้ประเทศไทยเป็นเขตการค้าเสรี (Free Trade Area; FTA) กับประเทศต่างๆ


 


ถ้าเรารับข้อมูลเพียงข้างเดียวอาจจะคิดได้ว่าประเทศไทยจะได้ประโยชน์ เพราะเราได้ขายของให้ต่างประเทศมากขึ้น ขายของในที่นี้ก็ไม่ได้หมายความว่าผู้ผลิตรากหญ้าจะรวยขึ้นแต่คนที่รวยคือบริษัทพ่อค้าคนกลางรายใหญ่ (เพราะคงไม่มีชาวบ้านคนไหนไปติดต่อขายของให้ต่างชาติโดยตรงโดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง) แต่ลืมมองไปว่า สิ่งที่เราจะซื้อต่อไปในอนาคตนั้นก็จะแพงมากขึ้นด้วย เพราะประเทศของเราจะไม่สามารถผลิตสิ่งนั้นได้ ด้วยกลไกที่เรียกว่าสิทธิบัตร อันนี้เป็นตัวอย่างหนึ่งที่เมื่อเราจะพยายามอธิบาย แล้วมันดูซับซ้อน และเป็นเรื่องไกลตัว คนคิดไม่ถึงว่ามันคือเรื่องของคุณนั่นแหละ และเป็นเรื่องของทุกคนด้วย แต่คนคิดไม่ถึง


 


มาถึงตรงนี้คงเดาออกนะครับว่าผมเป็นคนหนึ่งที่ไม่เอาคุณทักษิณ  เรื่องนี้ผมได้แสดงความคิดเห็นอย่างที่พึงจะกระทำกับพ่อแม่ผมแล้ว และผมก็มีสิทธิเลือกด้วยตัวผมเองจากข้อมูลที่ผมมีอยู่ด้วยเช่นกันที่จะอยู่ฝั่งตรงข้ามทางการเมืองกับพ่อแม่


 


3) Say No To "Taksin" ……. So What?


 


สำหรับคนที่ชอบมาถามผมว่าทำไมเราถึงไม่เอาคุณทักษิณ ผมก็มาคิดว่าผมจะอธิบายง่ายๆ ได้ยังไง ด้วยเวลาอันสั้นๆ อันนี้ลองคิดเล่นๆ นะครับ เพราะเข้าใจว่าการทำงานกับความคิด ความเชื่อ และทัศนคติคนนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย  แต้ถ้าลองคิดโดยเริ่มจากตัวเองก่อน  ที่อ้างว่ารัฐบาลชุดนี้ทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น  ทีนี้ลองตั้งคำถามเหล่านี้กับตัวเองสิครับ ว่าคุณมีรายได้เพิ่มขึ้นหรือไม่ ความเป็นอยู่ของคุณดีขึ้นอย่างไรจากการมีรัฐบาลชุดนี้  คุณยังมีหนี้สินเท่าเดิม หรือเพิ่มขึ้น หรือมีสวัสดิการอะไรที่รับประกันอนาคตของคุณที่ถูกจัดสรรโดยรัฐบาลบ้าง คุณเองเท่านั้นคือผู้ที่จะตอบคำถามเหล่านี้ได้ (ผมพบว่าตอนนี้พ่อกับแม่ผมเป็นหนี้กองทุนหมู่บ้านเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งหมื่นห้าพันบาท..ฮา)


 


ทีนี้ลองวิเคราะห์กันดูว่า จริงๆ แล้วเศรษฐกิจที่ว่าดีขึ้นนั้นเกิดขึ้นกับประชาชนทั้งประเทศหรือไม่ หรือแค่เฉพาะแค่คนบางกลุ่ม ที่เรารับรู้ได้บ่อยทางสื่อที่โดนครอบงำนั่นเอง


 


มาถึงการเลือกตั้งที่จะมาถึงในวันที่ 2 เมษายนนี้ ผมก็เครียดเหมือนกันเหมือนโดนยัดเยียดอะไรบางอย่างที่ทำให้อึดอัด คือก็ตั้งคำถามอยู่ว่า จริงๆ แล้วเราต้องการให้คุณทักษิณลาออก และเราต้องการให้มีระบบตรวจสอบคุณทักษิณ ไม่ใช่ต้องการให้มีการยุบสภาเพราะการยุบสภาควรจะเป็นการยุบเมื่อสภามีความขัดแย้งที่ไม่อาจตัดสินได้ ดังนั้น ผมจึงเห็นด้วยกับพี่บางคนที่ว่าการยุบสภาในครั้งนี้เป็นการโยนภาระการตัดสินให้แก่ประชาชน แทนที่จะมีหน้าที่ตัดสินแทนประชาชน ทั้งนี้เพียงเพื่อสนองตัณหาปัจเจกบุคคล ซึ่งในที่นี้ก็คือคุณทักษิณนั่นเอง ผลของการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นก็ไม่ใช่ผลที่จะยืนยันได้ว่าจะสามารถตรวจสอบทักษิณได้ ซึ่งนั่นก็คือเจตนารมณ์ที่แท้จริงของการชุมนุมของเครือข่ายภาคประชาชนฯ นั่นเอง


 


คำแนะนำของผมตอนนี้แก่คุณทักษิณก็คือ ขอให้คุณทักษิณลาออกไปพักซักแป๊บนึง เพื่อไปเที่ยวทะเล หรือภูเขา สัมผัส สายลม แสงแดด หาเวลาอยู่คนเดียวสักพัก คิดทบทวนตัวเองเล็กน้อย  ถ้ามีเวลาว่างหาเวลาอ่านหนังสือดีๆ ซักเล่ม ปั่นจักรยาน หรือจะไปรำจี้กง เห็นว่าท่านชอบอ่านหนังสือธรรมมะ อ่านแล้วลองนำมาประยุกต์ใช้เพื่อคนอื่นบ้างก็ดีนะครับ อย่ามัวแต่นึกถึงตัวเองเกินไป แล้วกลับมาใหม่  อย่างงี้ผมอาจจะเครียดน้อยลง (หรือเปล่า ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่ก็ลองดูนะครับ)


 


4) คุณทักษิณ..ขอเชิญคุณออกได้แล้วครับ


 


Get Out Now, Please!