มีใครรู้อะไรเกี่ยวกับเมดิคัลฮับบ้าง
คอลัมน์/ชุมชน
ถามว่ามีใครรู้อะไรเกี่ยวกับเมดิคัลฮับบ้าง
คำตอบคือไม่ค่อยมีใครรู้อะไร อาจจะมีคนรู้แต่คนรู้ไม่ยอมพูด
ผมอ่านหนังสือ "การเป็นศูนย์กลางสุขภาพของไทยในเอเชียกับผลกระทบด้านกฎหมายและจริยธรรม" จัดพิมพ์โดย ศูนย์กฎหมายสุขภาพและจริยศาสตร์ คณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จบไปหนึ่งรอบ
สรุปได้ว่าไม่ค่อยมีใครรู้อะไรแฮะ
หนังสือเล่มนี้เป็นสรุปผลสัมมนาวิชาการเรื่องเดียวกัน เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ.2548 ที่ห้องประชุมจิตติ ติงศภัทิย์ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ซึ่งจัดโดยศูนย์กฎหมายสุขภาพและจริยศาสตร์ ร่วมกับสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข โดยเชิญผู้พิพากษา นักกฎหมาย และแพทย์ชั้นผู้ใหญ่หลายท่านมาแลกเปลี่ยนความรู้กัน
ผู้พิพากษา นักกฎหมายและแพทย์ชั้นผู้ใหญ่หลายท่านนั้นได้กรุณาแนะนำให้กลุ่มโรงพยาบาลเอกชนศึกษาผลกระทบให้ถ่องแท้ก่อนเริ่มดำเนินการ เพราะทุกท่านคงรู้สึกเหมือนๆกันว่าเรากำลังจะทำสิ่งที่ไม่รู้
หรือไม่ก็แกล้งไม่รู้
ก่อนหน้านี้ ผมสังเกตอยู่ก่อนแล้วว่าเวลามีการพูดเรื่องความพยายามที่จะให้ไทยเป็นศูนย์กลางการแพทย์แห่งเอเชียหรือแห่งโลกนี้ มักไม่ค่อยมีใครอยากพูดในรายละเอียด หากไล่ตื๊อถามก็มักได้คำตอบว่าไม่ใช่ภารกิจ ไม่ใช่หน้าที่ หรือไม่เกี่ยวอะไรกับเรา
อีกวิธีหนึ่งคือเปลี่ยนเรื่องพูด
เท่าที่ผมได้ยินมากี่ทีๆก็มีเพียงว่า ณ ปัจจุบันมีชาวต่างประเทศเดินทางมารักษาตัวในประเทศไทยมากอยู่แล้ว และมีแนวโน้มมากขึ้นเรื่อยๆทุกปี สาเหตุเป็นเพราะค่ารักษาพยาบาลของบ้านเราถูกกว่าที่อื่น แพทย์เราเก่ง และคนไทยใจดี
เนี่ยขนาดรัฐยังไม่ได้ส่งเสริม โรงพยาบาลเอกชนยังสามารถสร้างรายได้เข้าประเทศเป็นบุญเป็นคุณกับผู้มีรายได้น้อยที่ได้งานถูพื้นโรงพยาบาลเอกชน หรือเป็นยามรักษาการณ์โรงพยาบาลเอกชนถึงเพียงนี้ หากรัฐส่งเสริมเต็มที่ก็จะเป็นการหารายได้เข้าประเทศมหาศาล สร้างงานมหาศาล และกระจายรายได้มหาศาล
จึงชัดเจนว่าเป็นอีกกรณีหนึ่งที่เน้นการพัฒนาโดยเอาเงินเป็นตัวตั้ง
ในอีกทางหนึ่ง เราจะพบว่ามีคำถามเกี่ยวกับเมดิคัลฮับที่ไม่เคยมีใครพยายามตอบมากมายหลายคำถามทีเดียว
หนึ่ง เมื่อเราเปลี่ยนบริการทางการแพทย์หรือ medical service ให้กลายเป็นบริการทางการค้าหรือ trade service เต็มรูปแบบด้วยการส่งเสริมอย่างเต็มที่จากรัฐบาลแล้ว จริยธรรมทางการแพทย์จะมีหน้าตาเป็นอย่างไรต่อไป
สอง ระบบประกันจะมีหน้าตาอย่างไร บริษัทประกันต่างประเทศจะเข้ามามีส่วนได้ส่วนเสียอย่างไรบ้าง การให้ความยินยอมก่อนรักษาที่เรียกว่า informed consent จะยังมั่วๆ ซั่วๆ ดำน้ำสามเมตรอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้หรือไม่ หรือว่าต้องได้รับการปรับปรุง เมื่อปรับปรุงแล้วหน้าตาจะเป็นอย่างไร จะส่งผลกระทบถึงวัฒนธรรมการให้ความยินยอมก่อนการรักษาของแพทย์ไทยนอกเมดิคัลฮับมากน้อยเพียงใด
สาม เมื่อมีการรักษาผิดพลาด ระบบฟ้องร้องข้ามชาติและพิจารณาคดีข้ามชาติจะเป็นอย่างไร เคยมีการศึกษาหรือสัมมนาเรื่องนี้อย่างจริงจังหรือไม่
ข้อสี่นี่อาการหนักสุด เมื่อนำเรื่องเมดิคัลฮับเข้าสู่ FTA การนำเข้าแพทย์ต่างประเทศจะเป็นอย่างไร ที่จริงแล้วมีใครในประเทศไทยทราบรายละเอียดเรื่องนี้ใน FTA บ้าง และสามารถตอบคำถามนี้ได้หรือไม่
ทั้งนี้ ยังไม่นับผลกระทบที่ทำนายกันได้อยู่แล้ว เช่น การซื้อตัวแพทย์ภาครัฐไปให้บริการชาวต่างประเทศ หรือการซื้อตัวอาจารย์แพทย์ซึ่งเรียนแพทย์ทางลึกด้วยเงินภาษีของประชาชนแต่นำไปใช้รักษาชาวต่างประเทศ พูดง่ายๆ คือประชาชนลงทุนให้อาจารย์แพทย์ได้เรียน เรียนจบแล้วโรงพยาบาลเอกชนคว้าเอาไปเฉยๆ
การแพทย์เป็นบริการที่น่าจะรู้ควรรู้ไม่ควรในตัวเอง รู้ว่าอะไรควรทำอะไรไม่ควรทำ ซึ่งก็คือความหมายของคำว่า "จริยธรรม" การแพทย์เป็นบริการที่ไม่ควรเอาการค้านำหน้า เพราะการค้าสุขภาพไม่ได้ห่างไกลจากการค้าความตายหรือการค้าความเป็นอมตะมากนัก เมื่อการแพทย์เป็นการค้า การโฆษณาและการขู่กรรโชกก็จะเป็นเรื่องหลีกเลี่ยงไม่ได้ นั่นย่อมทำให้จริยธรรมของสังคมโดยรวมเสื่อมทรามลงไปอีก
ความพยายามที่จะเป็นศูนย์การแพทย์แห่งเอเชียโดยเอาธุรกิจนำหน้าจึงเป็นก้าวใหญ่อีกก้าวหนึ่งของความเสื่อมเสียของจริยธรรมวิชาชีพ