Skip to main content

สังคมไทยต้องการ "คนอย่างปาน"

คอลัมน์/ชุมชน


 


"ปาน" เป็นชื่อเล่นของผู้หญิงร่างผอมบางผิวคล้ำตาคมคนหนึ่ง ชื่อจริงว่า ทัศนีย์ รุ่งเรือง เธอเป็นชาวพัทลุง ลูกชาวสวนชาวนาโดยกำเนิด


 


ท่านที่ได้ติดตามการชุมนุมประท้วง พ.ต.ท.ทักษิณ คงจะทราบเรื่องบ้างแล้ว เธอเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถทัวร์ ขณะที่เดินทางกลับมาจากการร่วมชุมนุมขับไล่ทักษิณที่หน้าทำเนียบรัฐบาล


 


พิธีกรบนเวทีได้ประกาศข่าวการเสียชีวิตของเธอ พร้อมเชิญชวนให้ผู้ร่วมชุมนุมนับแสนคนยืนไว้อาลัยแด่เธอ พร้อมกับขยายความว่า ปานได้มาช่วยงานในเต๊นท์รับบริจาค ก่อนที่เธอจะเดินทางไปกรุงเทพ  เธอก็ช่วยทำงานในเต๊นท์ในการชุมนุมหลังสถานีรถไฟหาดใหญ่เกือบทุกคืน


 


เธอเป็นนักพัฒนาเอกชน (อิสระ) คำว่าอิสระ เป็นคำของ "ลูกศร" นักร้องวงโฮปแฟมิลี่ ที่เรียกปานว่า "พี่ปาน"  ผมทราบว่า "ลูกศร" กับปานสนิทสนมกันตอนที่วงโฮปไปช่วยร้องเพลงให้ชาวจะนะที่คัดค้านโครงการท่อก๊าซไทย-มาเลเซีย


 


ครับ ปานเป็นเอ็นจีโออิสระ ในโครงการพัฒนาทรัพยากรชายฝั่ง ตามคำสัมภาษณ์ของนักข่าวเมื่อสองปีก่อน ปานบอกว่าเธอเข้ามาทำงานนี้ตั้งแต่ปี ๒๕๔๐ หลังจากได้เป็นวิทยาศาสตรบัณฑิต จากคณะที่ผมสอน (แต่ผมไม่เคย "สอน" ปาน)


 


ด้วยอายุราว ๓๐ ปี เธอต้องเข้ากรงขัง ๒ ครั้ง แต่ละครั้งเพื่อคนอื่นทั้งสิ้น ครั้งแรกเมื่อปี ๒๕๔๕ ในเหตุการณ์หน้าโรงแรมเจบี ในขณะที่ชาวบ้านกำลังมายื่นหนังสือให้นายกทักษิณ เพื่อคัดค้านโครงการท่อก๊าซฯ


 


ครั้งที่สอง เธอถูกตำรวจจับที่ฮ่องกงเมื่อเดือนธันวาคมปีกลาย ขณะที่เธอกำลังประท้วงการประชุม FTA  ครั้งนี้ผมไม่แน่ใจว่าเธอเข้ากรงขังหรือไม่  แต่เธอถูกควบคุมตัวท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็นมาก  แม้เธอจะมีร่างผอมๆ แต่เธอก็อดทนมาได้


 


ผมและเพื่อนๆ ตั้งใจจะเลี้ยงรับขวัญเธอและอีกหลายคนที่ถูกจับครั้งนี้ แต่ก็มาเกิดเรื่องยุ่งๆ กับการ "ยิกทักษิณ" เสียก่อน จึงยังไม่ได้ทำ


 


ผมได้รับเกียรติให้เขียนคำไว้อาลัยให้ปาน ขนาดครึ่งหน้ากระดาษ จึงขออนุญาตนำมาลงไว้ในที่นี้


 


แม้หลายท่านจะไม่รู้จักปานมาก่อน แต่ชีวิตจิตใจและผลงานของเธอน่าศึกษาเป็นอย่างยิ่ง


ผมเขียนถึงเธอดังนี้ เชิญอ่านครับ


 


สังคมไทยต้องการ "คนอย่างปาน"


 


ประมาณเที่ยงของวันที่ ๑๕ มีนาคม ผมทราบว่าปานอยู่ในที่ชุมนุมหน้าทำเนียบฯ ผมถามปานทางโทรศัพท์ด้วยความห่วงใยว่า "กินข้าวแล้วยัง"


 


"กินแล้ว ของกินเยอะมากอาจารย์ ถ้าทักษิณไม่ออก พวกเราจะประท้วงด้วยการกินของให้หมดเลย"   ปานตอบพร้อมด้วยเสียงหัวเราะเช่นเคย


 


ปานเป็นคนมีอารมณ์ขัน มีความสุขในขณะทำงาน แม้ดูผิวเผินออกจะเครียดๆ ขรึมๆ ไปบ้างก็ตาม แต่ลึกๆ ปานมี "ความงาม" ในหัวใจ ปานอยากฟังเพลงเพื่อชีวิต บางครั้งปานก็ขึ้นร้องเอง และร้องได้ไพเราะมากเสียด้วย


 


ครอบครัวของปานดูอบอุ่นร่มเย็นมาก ทั้งคนในบ้านและต้นไม้รอบบ้าน ผมทราบว่าปานกับย่าผูกพันกันมาก พวกเราเคยหยอกล้อย่าต่อหน้าปานว่า "พวกเรามาขอปาน" เล่นเอาย่าวัยเกือบ ๙๐ ยิ้มไม่ออก วันที่ร่างของปานถึงบ้าน ย่าทั้งกอดทั้งหอมปานอย่างไม่ยอมหยุด


 


ผมมั่นใจว่า ปานคงเก็บรับเอา "ความดี" ของครอบครัวมาใส่ไว้ในตัวปานอย่างลงตัวและครบถ้วน


 


ผมทราบภายหลังว่า ปานสอบติดคณะพยาบาล แต่ไม่อยากเรียน ปานอยากเรียนรู้วิถีชีวิตของชาวบ้านมากกว่า จึงไปเรียนคณะวิทยาศาสตร์และเลือกทำงานกับชาวบ้านเพราะได้แรงบันดาลใจมาจากค่ายอาสาพัฒนา


 


ครั้นเมื่อมาทำงานกับชาวบ้าน ปานก็เลือกอยู่ข้าง "ความถูกต้อง" ตั้งแต่กรณีเรือปลากะตักปั่นไฟ


 


ปานไม่เพียงแต่ตั้งใจขยันทำงานเท่านั้น แต่ปานมีความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าราวกับมีพลังจักรวาลมาเสริมพลังใจ ปานมีความกล้าหาญที่จะทำตามสิ่งที่ปานตัดสินใจแล้วว่าถูกต้อง


ปานจึงมีครบทั้ง ความงาม ความดีงาม ความถูกต้อง และ ความกล้า


 


สังคมไทยยังขาด "คนอย่างปาน" อีกเป็นจำนวนมาก เสียดายและเสียใจที่ปานต้องจากไปก่อนวัยอันควร ขอกรรมดีที่ปานได้ทำไว้ จงเป็นพลังส่งให้ดวงวิญญาณของปานไปสู่สุคติด้วยเถิด


 


ผมชอบตีหัวปานเล่นบ่อยๆ เมื่อเห็นปานทำงานเหนื่อยๆ หรือเมื่อเจอกับสิ่งร้ายๆ เพราะผมรักและห่วงใยปาน ผมเคยบอกทีมงานว่าจะรับขวัญปานที่ถูกจับที่ฮ่องกง แต่ก็ยังไม่ได้ทำ ขออโหสินะ น้องปานที่รัก


 


๑๙ มีนาคม ๒๕๔๙


 


                                                         


 


                                                                          0 0 0