Skip to main content

คนรักเท่าผืนเสื่อ คนเบื่อเท่าผืนหนัง

คอลัมน์/ชุมชน


 


-1-


นี่เป็นสำนวนที่ผมคิดขึ้นมาเพื่อใช้สำหรับบ่งถึงความนิยมและความไม่นิยมที่มีต่อตัวคุณทักษิณ  ชินวัตรในปัจจุบัน  บางทีมันเป็นการยากที่จะระบุว่าประชาชนในประเทศไทยทั้งหมดรู้สึกอย่างไรมากกว่ากันระหว่างรักกับเบื่อในตัวคุณทักษิณ  ชินวัตร


 


แต่จาก 19 ล้านเสียงที่คุณทักษิณ  ชินวัตรชอบอ้าง ตลอดจนการไม่กล้าสมัครลงแข่งขันสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคฝ่ายค้าน (เพราะรู้ว่าแพ้แน่ ๆ)  และม็อบเชียร์นายกฯ ที่ปักหลักอยู่ที่จตุจักร ก็น่าจะเป็นดัชนีชี้วัดอย่างหนึ่งได้ว่าประชาชนนั้นเลือกข้างคุณทักษิณ  ชินวัตรมากกว่า หรืออย่างน้อยประชาชนจำนวหนึ่งที่เลือกที่จะ "เป็นกลาง" ซึ่งก็แปลว่าไม่เห็นด้วยกับการสร้างสถานการณ์และความวุ่นวายของม็อบพันธมิตร บวกรวมกับประชาชนที่เลือกข้างคุณทักษิณ ชินวัตร ก็น่าจะมีจำนวนมากกว่าจำนวนประชาชนที่จ้องจะล้มล้างรัฐบาล


 


และจะว่าไปแล้ว คนที่เลือกข้างคุณทักษิณ  ชินวัตร และพรรคไทยรักไทยก็มีหลายระดับ เช่นเดียวกับคนที่ไม่ชอบก็มีหลายระดับ หลายชนชั้น หาได้มีแต่คนจนในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัดไม่ คนชั้นกลางและเศรษฐีหลายรายก็ชอบคุณทักษิณ  เช่นเดียวกัน


 


และคนที่เลือกข้างคุณทักษิณก็ไม่ได้เป็นพวกไร้คุณภาพดังที่ผู้นำม็อบพันธมิตรบอก อันที่จริงผมยังสงสัยอยู่ตลอดเวลาถึงคุณภาพทางความคิดของผู้นำและประชาชนในม็อบพันธมิตร ก็จะไม่ให้สงสัยได้อย่างไร เพราะคนที่อ้าปากพะงาบ ๆ พูดตามคุณสนธิ และคุณจำลอง ยอมให้ชักลากไปทางโน้นทางนี้ ไร้ความเป็นตัวของตัวเอง น่าจะเป็นคนที่ไร้คุณภาพทางความคิดอย่างไม่ต้องสงสัย


 


และหากจะว่ากันจริง ๆ ก็มีนิสิต นักศึกษาจำนวนไม่น้อยเหมือนกันที่สนับสนุนพรรคไทยรักไทย อาทิ เช่น มหาวิทยาลัยที่อยู่ทางภาคเหนือซึ่งแสดงตัวออกมาชัดเจนในวันที่นายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ปราศรัยที่ท้องสนามหลวงเมื่อวันที่ 3 มีนาคม  ซึ่งสื่อก็ควรจะให้พื้นที่ข่าวแก่นิสิตนักศึกษาเหล่านี้บ้าง สื่อมวลชนควรไปสัมภาษณ์นักศึกษาที่สนับสนุนคุณทักษิณ  ชินวัตรบ้าง แทนที่จะพร่ำเขียนถึง สนนท. หรือ อมธ.


 


และผมก็กำลังรอดูอย่างใจจดใจจ่อว่าเมื่อไหร่จะมีคณะนักวิชาการจากมหาวิทยาลัยต่าง ๆ รวมตัวกันแล้วประกาศโต้ง ๆ ออกมาว่า ผม/ฉันสนับสนุนพรรคไทยรักไทยและคุณทักษิณ  ชินวัตร  ให้ทำหน้าที่เป็นฝ่ายรัฐบาลต่อไป (ด้วยเหตุผลอะไรก็ว่ากันไป) ซึ่งผมเชื่อว่ามีแน่ ๆ


 


หรืออย่างน้อยผมก็คิดว่าประชาชนที่ "เป็นกลาง" ที่สนับสนุนกฏกติกามารยาทของประชาธิปไตยซึ่งแปลว่าไม่ต้องการนายกพระราชทานให้ออกมาแสดงพลังของตนเองบ้าง เพราะทุกวันนี้บอกตรง ๆ ว่าผมเบื่อหน้าของผู้นำม็อบพันธมิตรเต็มทน


 


ส่วนความ "เป็นกลาง" ประเภทไม่เอาทักษิณ ไม่เอาม็อบพันธมิตรแต่ไม่บอกว่าจะเอาอะไรนั้น เป็นความเป็นกลางที่ผมคิดว่า "ไม่รับผิดชอบ"   และจริง  ๆ ก็หาได้เป็นกลางไม่


 


-2-


 


เป็นภาพที่น่ารักไม่หยอกที่ชาวบ้านจากต่างจังหวัดซึ่งสนับสนุนคุณทักษิณ  ชินวัตร เดินทางด้วยรถอีแต๋นที่ประดับประดารถด้วยป้ายอะไรต่าง ๆ ที่เขียนข้อความทางการเมืองเข้ามาในกรุงเทพมหานคร  เพื่อแสดงพลังของตนเอง  ตอบโต้กับพลังของกลุ่มม็อบพันธมิตร


 


ชาวบ้านเหล่านี้เดินทางอย่างทรหดอดทนท่ามกลางอากาศที่ร้อน  แวะพักตามที่ต่าง ๆ ประมาณว่าค่ำไหน นอนนั่น ราวกับนักเดินทางหรือผู้อพยพสมัยก่อน แน่นอนว่ากำลังเงินอาจสร้างภาพเหล่านี้ขึ้นมาได้ แต่เฉพาะกำลังเงินอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ ความชื่นชมศรัทธาในตัวนายกรัฐมนตรีก็มีส่วนไม่น้อยเหมือนกันที่ช่วยเนรมิตภาพเหล่านี้


 


บางทีม็อบเชียร์นายกฯ และรัฐบาล อาจไม่จำเป็นต้องเดินทางเข้ามาในกรุงเทพฯก็ได้ หากว่าสื่อสารมวลชนสามารถเสนอภาพ เสนอเสียงของพวกเขาออกมาได้ดังที่พวกเขาปรารถนา แต่สื่อก็ให้พื้นที่ข่าวแก่พวกเขาน้อยจนเกินไป อยู่ที่ต่างจังหวัดเสียงของพวกเขาอาจดังไม่พอ  ดังนั้น พวกเขาจึงเลือกที่จะเข้ามาในกรุงเทพ    สมทบกับคนในกรุงเทพ ฯ ที่สนับสนุนนายกฯ อยู่แล้ว


 


เข้าใจว่าเหตุการณ์ม็อบชนม็อบแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เป็นม็อบที่มีขนาดใหญ่ทั้ง 2 ฝ่าย มีความคิด ความต้องการทางการเมืองอยู่คนละขั้ว  และต่างฝ่ายต่างก็แสดงพลังของตัวเองออกมาโดยหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากันซึ่งก็เป็นสิ่งที่ดี


 


แต่ถ้าจะให้วิเคราะห์ ก็อาจพูดได้ว่ายิ่งนานไปม็อบพันธมิตรก็ยิ่งอ่อนแรงลงอย่างเห็นได้ชัด เพราะทำแทบทุกอย่างแล้ว ทั้งด้วยเล่ห์และด้วยกลก็ไม่สามารถจะเอาคุณทักษิณ ชินวัตร และรัฐบาลพรรคไทยรักไทยลงได้  จำนวนประชาชนที่เข้าร่วมก็ลดน้อยถอยลงทุกที อีกทั้งท่าทีอันธพาลก้าวร้าวของม็อบและผู้นำม็อบก็ยิ่งปรากฏชัดมากขึ้นเรื่อย ๆ  มากขึ้นเรื่อย ๆ จริง ๆ


 


ความน่านับถือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความน่านับถือของผู้นำม็อบฝ่ายพันธมิตรนั้นถือว่าถดถอยลงไปมากแล้ว  เพราะพฤติกรรมอันธพาลไม่ฟังใครของม็อบ  อาทิ เช่น  กีดขวางการจราจร  การใช้คำหยาบ (น่าแปลกที่คนชั้นกลางรับคำหยาบที่ออกมาจากปากของผู้นำม็อบบางคนได้ หรือว่าที่แท้แล้วการพูดคำหยาบคือ "สันดาน"ของคนชั้นกลาง)  การกล่าวหาในเรื่องส่วนตัว การมีส่วนทำให้เศรษฐกิจดิ่งทรุด  การพูดไม่รู้เรื่อง  การไม่เคารพกติกา  การล้อมทำเนียบราวกับเป็นฝูงโจร  ฯลฯ


 


น่าสนใจที่ว่าพวกม็อบบางกลุ่มซึ่งอ้างว่าอยู่ใกล้ชิดกับธรรมะ ใกล้ชิดกับวัดกลับเป็นพวกที่พูดไม่รู้เรื่องที่สุด อันที่จริง หนังหรือนิยายหลายเรื่องก็มักจะให้พวกนักบวชท่าทางใจดีเป็นตัวโกง นักบวชเป็นตัวโกงได้แนบเนียนที่สุดเพราะสามารถหลอกคนให้ตายใจได้ในตอนแรกว่าเป็นพระเอกหรือหลอกให้คนเชื่อได้ว่าเป็นคนมีศีล มีธรรม   แต่ความเป็นตัวโกงก็ไม่อาจจะปิดบังได้ตลอดไป และท้ายที่สุดธาตุแท้ความเป็นตัวโกงของนักบวชก็จะปรากฏออกมา


 


ผมไม่แน่ใจว่าพลังของคุณจำลอง  ศรีเมืองจะมีส่วนช่วยล้มคุณทักษิณ  ชินวัตรได้หรือไม่อย่างไร แต่ที่ผมแน่ใจก็คือว่าการเคลื่อนไหวของคุณจำลอง ศรีเมือง ไม่น่าจะมีผลดีต่อพัฒนาการของระบอบประชาธิปไตย เพราะนอกจากผลงานในอดีตอย่าง 6 ตุลา 19 หรือพฤษภาทมิฬ (ที่เราไม่ควรลืมแล้ว) การไม่ฟังคนอื่น ดื้อรั้นเหมือนทารก (แต่มีรอยยิ้มเหมือนผู้ใหญ่ใจดี!) และความมุ่งมั่นที่จะเอาชนะอย่างเดียว ก็จะนำไปสู่การทำลายล้างหลักการของระบอบประชาธิปไตยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้


 


และเมื่อบวกกับการปรากฏตัวของนักธุรกิจ พ่อค้าที่อยู่เบื้องหลังม็อบพันธมิตรก็ยิ่งทำให้เห็นว่าม็อบไล่นายกฯ หนนี้เป็นเพียงปาหี่ทางการเมืองเท่านั้นเองจริง ๆ ไม่ได้เกี่ยวอะไรเลยกับพลังของประชาชนหรือพัฒนาการของประชาธิปไตย


 


-3-


 


ถึงตอนนี้ผมเชื่อว่าคนเริ่มเบื่อม็อบพันธมิตรกันมากขึ้นเรื่อย ๆ  และพากันเทใจไปให้ทางฝ่ายคุณทักษิณ  ชินวัตร  ข้อเรียกร้องของม็อบพันธมิตรที่ว่าให้นายกฯ ลาออกก็ยิ่งกลายเป็นความฝันริบหรี่  สำหรับผม หากนายกฯ  จะลาออก ก็คงจะเป็นเพราะเห็นสมควรว่าการลาออกเป็นสิ่งที่ดีต่อประเทศชาติบ้านเมือง และดีต่อตัวเอง แต่นายกฯ ทักษิณ  ชินวัตร ไม่ลาออกเพราะการกดดันของม็อบพันธมิตรนี้แน่ ๆ และหลายคนก็คงอยากให้นายกฯ ทักษิณสู้ (กับคนพวกนี้) ต่อไป เพราะอย่างที่บอกคนรักนายกฯ เท่าผืนเสื่อ แต่คนเบื่อเท่าผืนหนังเท่านั้นเอง.