Skip to main content

ความตาย..อันไกลโพ้น ?

คอลัมน์/ชุมชน

ระยะที่ผ่านมา แม้ไม่นานนักนี้ ผู้เขียนเผชิญหน้ากับ " ความตาย" และ " การตาย" ของคนใกล้ชิดหลายต่อหลายครั้ง ด้วยเหตุและปัจจัยแตกต่างกันออกไป ด้านหนึ่งคงเป็นเพราะวัยสูงขึ้น แต่อีกด้าน อาจเพราะมีการงานอันเนื่องอยู่ด้วยผู้คนจำนวนมาก


ทำนองว่า รู้จัก " คนเป็น" มาก ก็รู้จัก " คนตาย" มาก เป็นธรรมดา...


นี่กล่าวเฉพาะความตายอันใกล้ชิด ความตายอันเป็นที่รู้จัก ซึ่งเกิดขึ้นกับ " มิตรสนิท" อันคุ้นเคย มิได้รวมถึง " ความตาย" หรือ " การตาย" อื่น ๆ ซึ่งผ่านหูผ่านตาโดยสื่อ หรือการบอกเล่าของผู้คน


บางคนจากไปด้วยโรคร้ายประเภทสามัญ เช่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจ หรือความป่วยไข้อันเป็นที่รู้จักกันดี บางคนก็เจ็บป่วยล้มตายด้วยอาการของโรคแปลกๆ ชนิดใหม่ๆ ที่แทบไม่เคยรู้จักมาก่อน


ขณะเดียวกัน " บางคน" ก็จากไปด้วยเรื่องราวที่คาดไม่ถึง อาทิ การฆาตกรรมอำพราง ซึ่งผู้เขียนแม้เคยรับรู้มาบ้าง ก็เพียงจากหนังสือ หรือภาพยนตร์สืบสวนสอบสวนบางเรื่อง ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะต้องประสบกับ " เรื่องจริง" อันโหดร้ายและสะเทือนขวัญ แถมยังซับซ้อนซ่อนเงื่อนถึงขนาดนั้น


ความตายของ พระสุพจน์ สุวโจ ซึ่งเกิดขึ้นที่ สถานปฏิบัติธรรม " สวนเมตตาธรรม" อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๔๘ และเป็นข่าวเกรียวกราวอยู่ระยะหนึ่ง เป็นความตายประเภทท้ายสุด ที่ยกมาบอกเล่าไว้ข้างต้น


กล่าวคือ วันร้ายคืนร้าย ก็มีผู้ไม่ประสงค์ดีไม่ทราบจำนวน ทำร้ายเข่นฆ่าพระหนุ่มวัย ๓๙ (พรรษา ๑๓) ด้วยอาวุธประเภทของมีคมไม่ทราบชนิด กระทั่งเกิดร่องรอยฉกรรจ์กว่า ๑๐ แผล ตั้งแต่อุ้งมือซ้าย ไหล่ แขน แก้ม ศีรษะ หน้าผาก-คิ้ว ก่อนจะฟันอย่างแรงที่ลำคอด้านซ้าย ทำให้เกิดบาดแผลกว้างและลึก ความยาวกว่า ๒๐ เซนติเมตร ถึง ๓ แผล ตัดเส้นเลือดใหญ่ขาดสะบั้น


ซึ่งเจ้าหน้าที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์กล่าวว่า เพียง " แผลเดียว" ก็ยากที่จะ " รอดชีวิต" ได้อยู่แล้ว


ด้วยสาเหตุเพียงพระรูปนี้ " รักป่า" และพยายามขัดขวางนายทุนผู้มีอิทธิพล มิให้ทำลายป่าต้นน้ำสายสำคัญของเขตอำเภอฝางจำนวนกว่า ๗๐๐ ไร่ ซึ่งอยู่ภายในบริเวณสถานปฏิบัติธรรมของท่าน


ว่ากันว่า " นายทุน" กลุ่มนั้น มีมือเท้าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ เป็นมาเฟียท้องถิ่น เป็นผู้นำชุมชนผู้มาจากการเลือกตั้ง แถมนายทุนตัวการใหญ่ยังมีตำแหน่งการเมืองในระดับชาติอีกด้วย...


" ความตาย-การตาย" ก็เรื่องหนึ่ง " สาเหตุการตาย" ก็เรื่องหนึ่ง " คนตาย" ก็เรื่องหนึ่ง...


" คนฆ่า" ก็เรื่องหนึ่ง " สาเหตุการฆ่า" ก็เรื่องหนึ่ง " วิธีการฆ่า" ก็เรื่องหนึ่ง " คนถูกฆ่า" ก็เรื่องหนึ่ง...


จะมองอย่าง " แยกส่วน" ก็อาจมองได้ แต่จะปฏิเสธ " ความเกี่ยวพันเชื่อมโยง" นั้นดูจะ " ยาก" อยูไม่น้อย สำหรับผู้มีสติสัมปชัญญะบริบูรณ์ หรือมีมโนธรรมสำนึกแม้เพียง " พอประมาณ"


เพราะอย่างน้อยที่สุด " ชีวิต" และ " ความตาย" ก็เชื่อมร้อยเหตุปัจจัยเหล่านั้นเข้าไว้ด้วยกัน


ว่ากันว่า " คนร้าย" หรือ " มิจฉาชีพ-ทุจริตชน" มัก " แยกส่วน" หรือ " ตัดขาด" ความสัมพันธ์ ของ " เหตุ" และ " ปัจจัย" ออกไปเสียจากกัน เพื่อว่าตนจะมิต้อง " เกี่ยวข้อง" หรือต้องมานั่ง " เมตตา" หรือ " กรุณา" ผู้ใด กระทั่งสามารถ " ฆ่า" หรือ " ทำร้าย" ได้ทุกผู้ทุกคน ไม่ว่า หญิง-ชาย ผู้ใหญ่-เด็ก ญาติสนิท-มิตรสหาย แม้แต่สรรพสัตว์ หรือกระทั่งพระภิกษุสามเณรเถรชี


ฟังดูแล้วแล้วก็ไม่น่าจะ " คิดอะไรมาก" ใช่ไหม? แต่อยากแนะนำให้ผู้อ่านกลับไปดู " หัวเรื่อง" หรือ " ชื่อบทความ" อีกครั้ง


 ว่า..ใช่หรือไม่ ที่บ่อยครั้งเรายังคิดว่า " ความตาย" เป็นเรื่องไกลตัว โดยเฉพาะกับ " คนตาย" หรือ " ความตาย" ที่ " ไกลตัว"...


หรือว่าบัดนี้ " เรา" กำลัง " แยกส่วน" และกำลังเป็น " คนร้าย" ที่พร้อมจะ" ห้ำหั่น" พร้อมจะ " ทำร้าย" กันและกัน ยิ่งขึ้นทุกที...