เด็กตลาด
คอลัมน์/ชุมชน
ฉันโตมากับครอบครัวคนจีนปนลาวอย่างแท้จริง ที่บ้านฉันหากสืบเชื้อสายแล้วไม่มีความเป็นไทยเลย ทวดของพ่อเดินมาจากหลวงพระบางในสมัยรัชกาลที่ 4 ก๋งมาจากเมืองซัวเถา ประเทศจีน (คาดว่าจีนเกือบทั้งประเทศไทยมาจากซัวเถา เพราะเท่าที่อ่านดูบ้านไหนเป็นจีน ส่วนใหญ่จะมาจากซัวเถา) ส่วนฝ่ายแม่นั้น บรรพบุรุษมาจากเวียงจันทร์
ฉันนับเลขแบบแต้จิ๋วได้พร้อม ๆ กับเลขไทย และสอบวิชาเลขคิดในใจได้เกือบเต็มทุกครั้ง เพราะช่วยย่าขายของ ต้องคิดเงินทอน บวกกับชอบไปเฝ้าพ่อเล่นไพ่ป๊อก ซึ่งการเล่นไพ่ป๊อกนับเป็นคุณทางคณิตศาสตร์แก่ฉันอย่างยิ่ง
บ้านของฉันอยู่ในตลาด ตลาดในความหมายของฉันก่อนนี้คือ ตลาดเช้า โตขึ้นมาหน่อยมีตลาดเย็น และเราไม่ซื้อข้าวสุกที่ตลาด ตลาดเป็นที่ซื้ออาหาร ทั้งอาหารสดและอาหารสุก รวมถึงของใช้ต่าง ๆ แต่คนบ้านฉันหุงข้าวกินในครัวเรือน ข้าวกับน้ำเปล่า เป็นสิ่งที่เราไม่ซื้อ
ฉันจำไม่ได้ว่าที่ตลาดมีข้าวสุกขายตั้งแต่เมื่อไร แต่จำได้ว่าทั้งงง และไม่เข้าใจ เมื่อน้ำดื่มโพลาริส ออกสู่ตลาด ว่าขายน้ำเนี่ยนะ ใครจะซื้อน้ำกิน ฝนตกลงมารองน้ำเก็บใส่โอ่งไว้ก็ได้ดื่มทั้งปีแล้ว หรืออย่างหรูเราก็ต้มน้ำดื่ม แยกใส่โอ่งดินเผาเล็ก ๆ ไว้ดื่มกินกันในครอบครัว
ทุกวันนี้เราต้องซื้อทั้งข้าว และน้ำ!
ตลาดแรกของฉัน คือตลาดวัยเด็ก เป็นตลาดบ้านนอก มีคนในชุมชนทำอาหารมาขาย และทุกวันนี้เขายังสืบทอดอาชีพในครอบครัวกันต่อมา อาหารก็เป็นอาหารลาว จำพวกแกงหน่อไม้ ต้มหน่อไม้ใบย่านาง กินกับน้ำจิ้มแจ่ว ห่อหมกหน่อไม้ (ทำไมฉันจดจำแต่หน่อไม้) ห่อหมกอีฮวก (ลูกอ๊อด ปัจจุบันฉันได้เพียงคิดถึง) แจ่วขี้ปู (เหมือนน้ำปู๋ของภาคเหนือแต่เข้มข้นน้อยกว่า) กินกับหน่อไม้ต้ม
บ้านฉันกินอาหารแบบแจ่วปลาร้าคู่กับไข่พะโล้จิ้มข้าวเหนียว พ่อทำลาบเป็ดอร่อยพอ ๆ กับทำไข่พะโล้ เบื่ออาหารลาว เราก็กินอาหารจีน
ความที่บ้านฉันอยู่ไกลจากกรุงเทพถึงสามร้อยกว่ากิโลเมตร ตอนนั้นความเจริญยังมาไม่ถึง โทรศัพท์เครื่องแรกเข้ามาเมื่อฉันเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว โทรทัศน์นั้นยังจำได้ว่าต้องไปขอดูจัมโบ้เอกับเพื่อนบ้าน การคมนาคมก็ยังไม่สะดวก บ้านเราจึงขาดแคลนอาหารจากทะเลพอสมควร แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา เพราะมีพ่อค้าจากกรุงเทพ ดั้นด้นนำอาหารทะเลใส่ถังน้ำแข็งนั่งรถเมล์มา บ้านฉันอยู่ใกล้คิวรถเมล์ เมื่อเจ๊กขายปลา (เราเรียกจีนว่าเจ๊กตามด้วยชื่อโดยไม่ถือว่าหยาบ) ลงรถเมล์มา จะถึงบ้านฉันก่อนใคร ก๋งชอบปลาจะระเม็ด มักจะนำมาเจี๋ยน หรือนึ่งบ๊วยให้กิน
นอกจากเจ๊กขายปลา ยังมีเจ๊กขายขนม เขาคนนั้นเปรียบเหมือนเทวดาสำหรับเด็ก ๆ เมื่อเขาลงจากรถเมล์มา ก็จะมาถึงบ้านฉันก่อนอีกเช่นกัน ฉันยังจำความรู้สึกเร้าใจกับกระเป๋าใบใหญ่สีดำ ที่เปิดออกมาแล้วจะเต็มไปด้วยขนมแบบจีน ๆ เช่น พุทราเชื่อม บ๊วยหวาน พุทราอัดแผ่น ลูกอม และขนมที่เป็นแป้งมันทำเป็นก้อนสี่เหลี่ยม เรานำมาลวกน้ำร้อน กินกับน้ำเชื่อม ใส่น้ำแข็ง อร่อยแบบจดจำ
บางทีชีวิตก็ไม่ต้องสมบูรณ์พูนสุขนัก เหมือนตลาดวัยเด็กของฉัน ขาด ๆ เกิน แต่เต็มไปด้วยภาพความทรงจำที่เป็นสุข ไม่เดือดร้อนนำพา มีอะไรก็กินอันนั้น บางวันตื่นสาย ไปโรงเรียนแทบไม่ทัน ก็ควักข้าวเหนียวร้อน ๆ บ่าย (ทา) เกลือ หรือกะปิ แล้วปั้นเป็นก้อนเรียวยาวกินเป็นอาหารเช้า
แต่บางวันก๋งใจดีก็หิ้วโอวัลตินร้อนใส่กระป๋องนมร้อยเชือกตรงกลาง กับปาท่องโก๋ร้อน ๆ สักสองตัวมาให้ ก็รู้สึกเป็นเช้าอันหรูหราแล้ว
..................
เรื่องบางเรื่อง คนบางคน ความสมบูรณ์ก็ไม่อาจเยียวยา
0 0 0
0 0 0