เจ้าหญิงเบนโล Episode 2 : สองแหม่ม เรื่องรักน้อยนิดมหาศาล
คอลัมน์/ชุมชน
" ความสัมพันธ์ของเราจะกลับมาเหมือนเดิมไหม ณ วันนี้ ดิฉันตอบได้ว่าไม่มีทาง "
เป็นการประกาศถึงความรู้สึกที่มีต่อแหม่ม-คัทลียา อย่างชัดเจนของหนูแหม่ม - สุริวิภา กลางรายการ รักเอย เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (29 มี.ค.49) หลังผ่าน วิกฤติการณ์เบนโล ทำพิษมาได้ระยะหนึ่ง เห็นท่าทีของเธอนั้น ชัดเจนว่า ไม่โกรธ ไม่เกลียด ไม่แค้นเคือง แม้ว่าความผันแปรในหน้าที่การงานในวงการบันเทิงของเธอสาเหตุหนึ่งนั้นมาจากเจ้าหญิงเบนโล ที่เธอรักยิ่งน้องสาวร่วมอุทธรณ์
หนูแหม่ม เล่าถึงความห่วงใย ปรารถนาดีต่าง ๆ ที่เธอเพียรพยายามส่งสารถึงเจ้าหญิงที่รักยิ่งของเธอหลังเกิดเหตุการณ์แถลงข่าว "หนูไม่รู้" ที่ช็อกคนทั้งประเทศรวมทั้งตัวเธอด้วย เธอบอกชัดเจนว่ามิได้หวังผลใด ๆ จากการแสดงความรักที่มีต่อเจ้าหญิงเลย หากประสาคนเคยสนิทชิดเชื้อและเคยมีมิตรภาพที่ดีต่อกันตลอดเวลาที่อยู่ในวงการบันเทิง แค่เพียงตอบรับความรู้สึกดี ๆ ที่เธอมีให้นั้นมันเหลือบ่ากว่าแรงนักหรือ ???? นั่นเป็นที่มาของความน้อยใจใหญ่หลวงที่หนูแหม่มบอกเล่าด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ และเป็นที่มาของประโยคแสดงจุดยืนข้างต้น
เข้าใจถึงความรู้สึกน้อยใจของหนูแหม่มว่าเป็นอย่างไร???
เพราะ ณ วันนั้น ท่ามกลางสถานการณ์ที่ตกเป็นเป้าสายตาและเป็นจำเลยของสังคมกรณีท้องหรือไม่ ที่เกิดขึ้นกับแหม่มคัทลียา หนูแหม่ม-สุริวิภา ได้กระทำตนเป็นองครักษ์พิทักษ์เจ้าหญิง เคียงข้างใครต่อใครอีกหลายคนจนเป็นที่หมั่นไส้ กระทั่งนำมาซึ่งความไม่พอใจของสื่อมวลชนที่มีต่อเธอ
ต่อเมื่อความจริงปรากฎไม่เพียงแต่แหม่ม-คัทลียา เท่านั้นที่ถูกคลื่นความไม่พอใจจากมหาชนซัดกระหน่ำเข้าใส่จนต้องบินไปไกลถึงดีทรอยด์ มิชิแกน แต่คลื่นนั้นยังกระหน่ำเข้าใส่หนูแหม่มสุริวิภา ด้วยในฐานะองครักษ์พิทักษ์เจ้าหญิง จนต้องเว้นวรรคจากงานพิธีกรหลายรายการที่เธอประจำอยู่ไประยะหนึ่ง
แม้ ณ วันนี้ ทุกอย่างจะไม่ได้เปลี่ยนไปในทางที่เลวร้ายลงแต่อย่างใด หนูแหม่ม ในมาดพิธีกรเดี่ยวของรายการชื่อเดียวกับเธอ " สุริวิภา" ทุกคืนวันพุธ ทาง Modern 9 TV. ที่ดูดี สดใส ไฮโซฯ ชวนให้น่าติดตามไม่แพ้ " สมาคมชมดาว" ก็ตามที แต่เธอก็บอกกับสองพิธีกรหน่อย-แท่ง ด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า พื้นที่ที่สองพิธีกรแห่งรักเอยนั่งอยู่นี้เคยเป็นของเธอ ทุกคืนวันพุธ 4 ทุ่ม ทางช่อง 3 ที่ปกติแล้วต้องเป็นเธอที่ทำหน้าที่สื่อสารและส่งผ่านความสุขให้กับแฟนรายการของเธอ คิดกันหรือว่าเธอจะไม่เสียใจ ไม่เสียดาย
แม้ ณ วันนี้ เมฆหมอกมรสุมของชีวิต แหม่ม-คัทลียา จะคลี่คลายลงไปแล้ว เจ้าหญิงออกมาเอ่ยปากขอโทษประชาชนคนไทย รวมทั้งขอความเห็นใจจากสื่อมวลชนต่อเหตุการณ์ที่ผ่านมาทั้งหมด เธอขอน้อมรับความผิดพลาดทั้งหลายทั้งปวงที่เกิดนั้นด้วยตัวเธอเองเพียงคนเดียว โปรดอย่าดึงคนที่เธอรักทั้งหลายไม่ว่าเขาจะเกี่ยวข้องหรือไม่มาพาดพิงถึง
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เชื่อว่าไม่มีใครจะไม่ให้อภัยเธอหรอก อย่างน้อยฉันก็คนหนึ่งล่ะที่ไม่เคยติดใจในความผิดพลาดเหล่านั้น เพราะจะว่าไปตามตรงมันก็ไม่ได้ก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรงต่อชาติบ้านเมืองอย่างที่ใครคนหนึ่งกำลังดื้อแพ่งทำอยู่ในขณะนี้ รวมทั้งเรื่องราวเหล่านั้นมันก็เป็นชีวิตส่วนตัวของแหม่มคัทลียา ที่ถึงแม้ว่าจะเป็นบุคคลสาธารณะ แต่ก็ยังมีมุมส่วนตัวที่ไม่จำเป็นต้องให้ใครทุกคนเข้าไปถึงก็ได้ ไม่ว่ากัน
แต่สิ่งหนึ่งที่ฉันติดใจ สงสัยใคร่รู้ คือเรื่องของมิตรภาพของเพื่อนที่มีต่อกันของสองแหม่ม ในชีวิตนี้ ไม่ว่าคุณจะเป็นใครก็ตาม โอกาสที่จะมีใครมารู้สึกรักใคร่ ปรารถนาดี ห่วงใยและมอบให้ซึ่งมิตรภาพงดงามล้ำค่านั้นมันช่างน้อยนิดและยากเย็นเสียจนบางคนแทบจะหามิตรภาพดี ๆ อย่างที่ว่าไม่ได้เลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวงการบันเทิง โลกมายาที่ทุกสิ่งอย่างล้วนฉาบทาไว้ด้วยผลประโยชน์มหาศาล ต่อเมื่อหาเจอแล้วทั้งหนูแหม่ม และแหม่ม-คัทลียา ก็คงต้องใช้เวลาไม่น้อยเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์และความรู้สึกดี ๆ เหล่านั้น กว่าจะมาถึงวันนี้ได้
จริงอยู่ ที่แหม่ม-คัทลียา คงมีเหตุผลนานา รองรับในทุกการกระทำของเธอและไม่มีความจำเป็นใด ๆ ที่ต้องมาอธิบายให้ใครเข้าใจ แต่กับคนที่เป็นเพื่อน กับคนที่ห่วงใยอย่าง หนูแหม่ม-สุริวิภา ควรแล้วหรือที่แหม่ม คัทลียาจะเมินเฉย ไม่อ้าปากอธิบายอะไรให้เข้าใจทั้งสิ้น ควรแล้วหรือที่ต้องปล่อยวันเวลาแห่งความไม่เข้าใจนั้นให้เนิ่นช้าจนอีกฝ่ายต้องออกมาทวงถามคำอธิบายผ่านสื่อ ควรแล้วหรือที่ต้องให้ความบาดหมางจากเรื่องไม่เป็นเรื่องบ่มเพาะความน้อยเนื้อต่ำใจให้กลายมาเป็นคำพูดตัดสัมพันธ์ในครั้งนี้
แม้จะได้ฟังความเพียงข้างเดียว แต่สำหรับฉัน ก็เห็นว่ามันไม่ควร ส่วนคนที่เห็นควรและกระทำเช่นนั้น จะออกมาพูดให้ฟังอีกข้างบ้าง ก็คงดี