การแพทย์ด้วยหัวใจมนุษย์
คอลัมน์/ชุมชน
ศ.นพ.ประเวศ วะสี พูดถึง การแพทย์ด้วยหัวใจมนุษย์ ในหลายสถานที่หลายเวลา อาจจะเป็นวาทกรรมใหม่ที่เปลี่ยนแปลงโฉมหน้างานรักษาพยาบาลในประเทศไทยครับ
การแพทย์ด้วยหัวใจมนุษย์มากจากคำว่า Humanized Health Care
ไม่ทราบเหมือนกันว่านิยามว่าอย่างไร แต่เพราะนิยามไม่ได้จึงให้โอกาสพวกเราที่จะเติมความหมายได้ตามใจชอบ หากนิยามได้ตั้งแต่ต้นก็อาจจะชักนำให้เกิดการปฏิบัติอย่างแข็งกระด้างเช่นเดิม
การแพทย์ด้วยหัวใจมนุษย์คงจะอยู่ฝั่งตรงข้ามกับการแพทย์ด้วยหัวใจแข็งกระด้าง หัวใจแข็งกระด้างไม่เหมือน หน้างอ รอนาน ปากร้าย สามอย่างหลังเป็นเรื่องของพฤติกรรมการให้บริการ ซึ่งน่าจะเป็นอีกเรื่องหนึ่งต่างหาก
ที่จริงแล้ว หัวใจแข็งกระด้างยังให้ความหมายในทางที่ดีอยู่บ้าง กล่าวคือมิใช่เจ้าตัวอยากจะให้หัวใจแข็งกระด้างสักเท่าไร แต่ด้วยเหตุปัจจัยจำนวนหนึ่งที่ทำให้แพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลในระดับต่างๆทำงานด้วยหัวใจแข็งกระด้างเสมอๆ หรือหนักกว่านั้นคือไม่มีหัวใจ
เหตุปัจจัยเหล่านั้นก็ไม่น่าจะใช่ งานหนัก เงินน้อย หรอกครับ สองอย่างนี้ก็ท่องติดปากพร่ำเพรื่อและใช้มอมเมาแพทย์พยาบาลรุ่นใหม่จนเสียนิสัย เป็นคนหนุ่มคนสาวถ้าไม่รักงานหนักเงินน้อยก็ไม่รู้จะว่าอย่างไร
หัวใจแข็งกระด้างน่าจะเกิดจากตัวโครงสร้าง
โครงสร้างที่หนึ่งคือโรงเรียนแพทย์สอนนักศึกษาแพทย์ให้เรียนเรื่องโรค มิใช่เรียนเรื่องคน
โครงสร้างที่สองคือโรงพยาบาลสอนให้บุคลากรทำตามมาตรฐานอย่างเคร่งครัดและแข็งกระด้าง หรืออย่างน้อยก็ชวนเชื่อให้บุคลากรคิดว่าตนเองกำลังทำตามมาตรฐานที่ดี แต่ลืมสนใจคน
กลับไปที่โรงเรียนแพทย์ มี 2 ตัวอย่าง
ตัวอย่างแรกคือนักศึกษาแพทย์ถูกบังคับให้ซักประวัติผู้ป่วยเพื่อการวินิจฉัยอย่างเอาเป็นเอาตาย ผลที่เกิดขึ้นคือนักศึกษาแพทย์ต้องใช้ทุกวินาทีที่มีจำกัดในการรีดเค้นเอาข้อมูลจากผู้ป่วยให้จงได้ พูดให้เว่อร์ๆคือเกือบจะคล้ายๆกำลังทรมานนักโทษสงครามในหนัง
ที่ผมเห็นเสมอๆคือแพทย์รุ่นใหม่มักเอาจริงเอาจังหรือเอาเป็นเอาตายกับเรื่องที่ผู้ป่วยตอบไม่ตรงคำถาม ถามอย่างหนึ่งตอบไปอีกอย่างหนึ่ง แพทย์ก็บันทึกไม่ถูกหรือไม่เป็นไปตามลำดับ ก็จะเพียรพยายามเซ้าซี้เอาคำตอบ เพียงเท่านี้ก็หมดโอกาสสร้างสายสัมพันธ์
ในทางตรงข้ามถ้าผู้ป่วยว่าเจ็บท้องมา "นาน" แล้ว แทนที่จะพยายามหาคำตอบให้ได้ว่านานเท่าไร ให้ลุกขึ้นเดินไปนั่งข้างๆผู้ป่วยใช้มือแตะท้องผู้ป่วยสักนิดแล้วแสดงความสนใจว่าเจ็บตรงไหนเสียก่อน สายสัมพันธ์ก็เริ่มก่อตัวได้โดยง่าย
ตัวอย่างที่สองคือนักศึกษาแพทย์ทุกคนต้องเรียนผ่าศพเพื่อศึกษากายวิภาคมนุษย์ วิชาผ่าศพเป็นวิชาที่ทรงคุณค่า แต่ที่ผ่านมานักศึกษาแพทย์สนใจศพและอวัยวะต่างๆว่าวางตรงไหน หันทิศไหน จนกระทั่งละเลยมิติทางจิตวิญญาณไปอย่างน่าเสียดาย
ศพ เป็น "มนุษย์" ที่สามารถเหนี่ยวนำให้นักศึกษาแพทย์เข้าถึงหัวใจมนุษย์ได้ง่าย เพียงแต่เรายังไม่รู้วิธีและไม่มีเวลาที่จะคุยกันเพื่อให้รู้วิธี
นั่นคือนักศึกษาแพทย์ถูกสั่งสอนมาให้ละเลยมนุษย์ตั้งแต่ต้น กลับมาที่โรงพยาบาล และเรื่องมาตรฐาน
"เตียงนี้สกอร์เท่าไร" เป็นพยาบาลท่านหนึ่งถามเพื่อนร่วมงาน เธอหมายถึงคะแนนบ่งบอกระดับความรู้สึกตัวของผู้ป่วย โคม่าหรือไม่โคม่า โคม่ากี่แต้มหรือไม่โคม่ากี่แต้ม
"เตียง 9 ปวดแผลมากเลยนะคะ" เป็นรุ่นน้องพยาบาลรายงานรุ่นพี่
"เพนสกอร์เท่าไรล่ะ" คนพูดกำลังหมายถึงคะแนนชี้บ่งระดับความเจ็บปวด Pain Score "บันทึกเอาไว้ด้วยนะ"
"เตียง 11 มีแผลกดทับแล้วนะคะ" อีกคนหนึ่งรายงาน
"ใส่คะแนนไว้ด้วย" หมายถึงคะแนนบอกความรุนแรงของแผลกดทับ
สรุปว่าเตียง 11 นั้นเฉลี่ยแล้ว 2.4 แต่ไม่ทราบว่าเขาชื่ออะไร ตัวเลขต่างๆเหล่านี้จะถูกบันทึกลงในประวัติผู้ป่วยอย่างได้มาตรฐาน นำไปสู่การรักษาพยาบาลเพื่อแก้ไขตัวเลขให้ดีขึ้น แต่การเคร่งครัดกับมาตรฐานอย่างแข็งกระด้างเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้การแพทย์ละเลยหัวใจมนุษย์ครับ