Skip to main content

คณิตศาสตร์ว่าด้วย "การแพร่ของข้อมูลข่าวสาร" ในการยิกทักษิณ

คอลัมน์/ชุมชน



 


คำนำ


 


หลายท่านคงไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่า ผลการเลือกตั้งที่ผ่านมาจะมีจำนวนผู้ลงคะแนนในช่องไม่เลือกใครมากมายถึงเพียงนี้ ไม่เพียงแต่ในพื้นที่ภาคใต้เท่านั้น แต่มีทั้งในเมืองหลวงและลามไปตามหัวเมืองใหญ่หลายเมืองทั่วทุกภาคทั้งเหนือ อีสาน และภาคตะวันออก


 


แม้ผลการสำรวจความคิดเห็นก่อนหน้านี้ถึงความนิยมในตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้ลดลงเรื่อยๆ ก็ตาม แต่ก็ไม่มีใครคาดคิดอยู่ดีว่าคะแนน "ไม่เอาทักษิณ"  จะสูงมากถึงขนาดนี้  ในหลายเขตเลือกตั้ง พบว่ามีผู้ไม่เลือกใครมากกว่าผู้ที่ได้รับการเลือกตั้งถึงเกือบ ๑๐ เท่าตัว


 


อะไรเป็นเหตุให้เกิดปรากฏการณ์ที่เหลือเชื่อเช่นว่านี้ ในช่วงเวลาอันสั้นเพียง ๒ เดือนหลังการเกิดของ "พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย" เท่านั้น


 


ในบทความสั้นๆ นี้ ผมให้ความสนใจเพียงเรื่องเดียวคือ "การแพร่ข้อมูลข่าวสาร (Information Diffusion)"   เพราะการตัดสินใจจะรักจะชังใครย่อมขึ้นอยู่กับข้อมูลที่ตนได้รับ


 


ความสำคัญของข้อมูลข่าวสาร


 


ถ้าข้อมูลข่าวสารไม่มีความสำคัญแล้ว ทำไมรัฐบาลเผด็จการของทุกประเทศจึงพยายามปิดกั้นคุกคามเสรีภาพของสื่อมวลชนกันนักหนา


 


ท่านที่เคยใช้ชีวิตในชนบท คงทราบดีว่า ฝูงไก่ในรั้วบ้านเดียวกัน โดยปกติจะอยู่กันค่อนข้างสงบ ไม่จิกตีกันเอง เพราะไก่แต่ละตัวได้รับรู้ "ข้อมูลข่าวสาร" ว่าตัวใดมีพละกำลังเหนือว่าตัวใด ชุมชนไก่จึงมีข้อตกลงและควบคุมกันเองอย่างลงตัว


 


ถ้าเราอยากจะให้ไก่คู่ใดในบ้านเดียวกันจิกตีกัน สามารถทำได้ง่ายมาก คือโดยการเอาเขม่าก้นหม้อมาทาแก้มไก่ตัวใดตัวหนึ่ง ในที่สุดไก่คู่นั้นก็จะตีกันเพราะจำกันไม่ได้ พูดด้วยภาษาทันสมัยหน่อยก็เป็นเพราะข้อมูลชุดเดิมได้ถูกเปลี่ยนไปแล้ว


 


ในที่นี้ ผมจะนำตัวแบบคณิตศาสตร์อย่างง่ายมาอธิบายการแพร่กระจายของข้อมูลข่าวสารที่คนธรรมดาทั่วไปคาดไม่ถึงว่า มันเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร   และในตอนท้ายจะขอเสนอสักเล็กน้อยว่าถ้าจะให้ข้อมูลข่าวสารสามารถแพร่กระจายได้ดีกว่านี้แล้ว เราควรจะปรับปรุงกระบวนการสื่อสารอย่างไรบ้าง


 


ตัวแบบคณิตศาสตร์ (Mathematical Model)


 


นักวิชาการได้เปรียบการแพร่ของข้อมูลข่าวสารว่าเหมือนกับการแพร่ของเชื้อโรค  เชื้อจากคนหนึ่งจะแพร่ไปสู่อีกคนหนึ่งที่ยังไม่ติดโรคได้ก็โดยการสัมผัสรับเชื้อ


 


สมมุติว่าเริ่มต้นในชุมชนหนึ่งมีคนติดเชื้อเพียงหนึ่งคน และสมมุติอีกว่าผู้ที่ติดเชื้อแล้วแต่ละคน สามารถทำให้เกิดผู้ติดเชื้อรายใหม่ได้วันละหนึ่งคน  เราสามารถคำนวณได้ว่าเมื่อเวลาผ่านไปแต่ละวัน จะมีจำนวนผู้ติดเชื้อเกิดขึ้นในชุมชนเป็นจำนวน ๒,,, ๑๖ และ ๓๒ คน ตามลำดับ


 


ถ้าเราอยากจะเข้าใจเรื่องนี้ให้ง่ายขึ้น เห็นจริงเห็นจังขึ้น เราสามารถทำการทดลองได้ด้วยการพับกระดาษบางๆ เช่น กระดาษหนังสือพิมพ์ เริ่มต้นเอากระดาษหนังสือพิมพ์ขนาดใหญ่มาพับครึ่ง แล้วนับจำนวนชั้นของกระดาษ เมื่อพับครั้งที่หนึ่งเราจะได้กระดาษจำนวน ๒ ชั้น เมื่อพับไปเรื่อยๆ เราจะได้จำนวนชั้นของกระดาษเป็น ๔, , ๑๖ และ ๓๒ ชั้นตามลำดับ ซึ่งเหมือนกับจำนวนคนติดเชื้อโรคข้างต้นเปี๊ยบเลยครับ


 


เพื่อทดสอบความคาดหมายหรือจินตนาการของคนเรา ผมเคยถามนักศึกษาจำนวนหลายร้อยคนว่า "ถ้าเรามีกระดาษแผ่นใหญ่เพียงพอ แล้วพับไปเรื่อย ๆ จนถึง ๔๐ ครั้ง เราจะได้กองกระดาษหนาหรือสูงสักเท่าใด"


 


นักศึกษาหลายคนตอบว่า ความสูงของกระดาษจะไม่เกินหนึ่งเมตร ท่านผู้อ่านที่อยากสนุกลองคิดตามดูไปด้วยซิครับ 


 


ในที่สุดผมก็เฉลยว่า กองกระดาษนี้จะสูงพอๆกับระยะทางจากผิวโลกถึงดวงจันทร์ เราคาดไม่ถึงจริงๆนะครับ ทำนองเดียวกับผลการเลือกตั้งครั้งนี้


 


ที่ผมเล่ามานี้อยู่บนสมมุติฐานว่ากระดาษของเราแผ่นใหญ่โตมาก แต่ในความเป็นจริงกระดาษของเราไม่ได้ใหญ่ขนาดนั้น  จำนวนคนในชุมชนหรือในประเทศก็เช่นเดียวกัน เรามีจำนวนจำกัด  ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อโรค (หรือผู้ได้รับข้อมูลข่าสาร) เพิ่มจำนวนมากขึ้นอย่างช้าๆในช่วงแรก เพราะผู้ติดเชื้อเองยังมีจำนวนน้อยอยู่ เมื่อเวลาผ่านไปสักระยะหนึ่ง กล่าวคือเมื่อผู้ติดเชื้อแล้วมีจำนวนใกล้เคียงกับผู้ที่ยังไม่ติดเชื้อ ในตอนนั้นแหละที่จะส่งผลให้จำนวนผู้ติดเชื้อระบาดมากขึ้นอย่างรวดเร็วที่สุด


 


ท่านที่อยากจะเข้าใจเรื่องนี้ให้ชัดเจนขึ้น กรุณาดูกราฟของจำนวนผู้ติดเชื้อซาร์ส (SARS) สะสมรายวันในช่วงเวลา ๑๗ วัน ในเมืองหนึ่งของประเทศจีน ในวันที่ ๘ จากเริ่มต้นติดเชื้อ จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นรวดเร็วมาก ในวันท้ายๆ การเพิ่มก็เริ่มเฉื่อยเนือยลง


 


 


 



 


ก่อนการเกิดขึ้นของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยไม่นานนัก  จำนวนคนที่ได้รับรู้ถึงความไม่ชอบธรรม ความไม่มีจริยธรรมของผู้นำประเทศมีจำนวนไม่มากนัก  แต่เมื่อชุดข้อมูลข่าวสารนี้ได้ถูกเผยแพร่ออกไปจากคนจำนวนน้อยใน "ปรากฏการณ์สนธิ" ด้วยกระบวนการที่ได้บันทึกไว้ในเพลง "เทียนแห่งธรรม" ที่ว่า "จุดเทียนเล่มน้อย   แล้วนำร้อยรวมกัน   ประคองให้มั่น   หลอมรวมกันให้เป็นดวงใหญ่ ..."


 


การเคลื่อนไหวนี้ก็ส่งผลสะเทือนมาก และในบางจังหวะก็จะสะเทือนมากจนเราคาดไม่ถึงดังที่ได้กล่าวมาแล้ว


 


ในวันนี้ แม้เรามั่นจะใจว่า จำนวนคนที่ตื่นรู้ที่จะรักษาและพัฒนาให้กระบวนการขับเคลื่อนการ "ยิกทักษิณ" และ "ปฏิรูปการเมืองครั้งที่ ๒" เติบใหญ่ต่อไปมีจำนวนมากพอแล้ว (นักวิทยาศาสตร์เรียกว่ามวลวิกฤติ, Critical   Mass)   แต่เราจะไม่ปรับปรุง พัฒนากระบวนการอะไรเลยก็คงไม่ได้


 


ข้อเสนอปรับปรุง


 


ต่อไปจะกล่าวถึงประเด็นที่ว่า เราควรจะจัดการอย่างไร เพื่อให้ข้อมูลข่าวสารแพร่ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เท่าที่ผมได้ศึกษามา มีผู้เสนอแนะว่า เราควรจะพิจารณาใน ๓ องค์ประกอบ คือ


 


๑. ต้องมีผู้ประสานงานเครือข่าย (connector) ที่มีความสามารถ มีมนุษย์สัมพันธ์ รับฟังความคิดเห็นผู้อื่นและมีความคล่องตัวสูง ให้แต่ละองค์กรได้มีโอกาสเรียนรู้และรับข้อมูลข่าวสารอย่างทั่วถึง  การขยายเครือข่าย ASTV วิทยุชุมชน ให้ทั่วถึงชุมชนเป็นความจำเป็นเร่งด่วน จากนั้นผู้ตื่นรู้รายใหม่ก็จะทำหน้าที่ "แพร่ข้อมูลข่าวสาร" ไปยังผู้ใกล้เคียงต่อไป


 


๒.  ต้องมีผู้รู้ นักวิชาการและผู้ชำนาญการ ที่รู้ลึกในแต่ละสาขา ทุกสาขา (เขาเรียกว่า Maven) ที่ผ่านมารายการ "รู้ทันทักษิณ" ที่จัดโดย ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ได้ผลิตชุดข้อมูลที่น่าสนใจยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากคณะทูตที่มีเครดิตทางสังคมสูง   อย่างไรก็ตามต้องรีบให้ครอบคลุมประเด็นต่างๆให้ครบถ้วน และขยายกลุ่มไปยังสื่ออื่นๆ เช่น เอกสารสิ่งพิมพ์ และศิลปะอื่นๆ ด้วย


 


๓.   ต้องมีผู้แปลงข้อมูลในข้อ ๒ ออกมาให้ประชาชนสามารถเข้าใจได้ง่ายขึ้น เพราะบางเรื่องเป็นเรื่องที่ซับซ้อน เช่น เรื่องตลาดหุ้น พลังงาน เอฟทีเอ และตัวบทกฎหมาย เป็นต้น  เราเรียกคนกลุ่มนี้รวมๆ ว่า เซลแมน (Salesman)   พวกนักดนตรี  งิ้วการเมือง และศิลปินอื่นๆ ก็จัดอยู่ในกลุ่มนี้


 


สรุป


 


ในอนาคตอันใกล้นี้ การชุมนุมใหญ่อาจจะมีขึ้นนานๆครั้งก็ได้ เพื่อไม่ให้รัฐบาลใช้เป็นข้ออ้าง แต่ต้องขยันจัดเวทีย่อย เวทีวิชาการให้บ่อยขึ้น  ถ้าเรายังสามารถใช้ ASTV ได้อยู่ต่อไปก็ทำการถ่ายทอดสดให้ทุกครั้ง


 


ตราบใดที่การเคลื่อนไหวของเรายังคง "มีธรรมนำหน้า" อย่างที่คุณสนธิประกาศย้ำอยู่บ่อยๆ และเป็นการเคลื่อนไหวที่พึ่งตนเอง "ไม่หวังพึ่งปาฏิหารณ์" อย่างที่คุณสนธิเพิ่งได้ข้อสรุปตลอด ๗ เดือนของการเคลื่อนไหวที่ผ่านมา


 


ถ้าระบอบทักษิณจะยืนอยู่ต่อไปแบบฉีกตำรา ฉีกทฤษฎีได้อีก ก็ให้มันรู้ไป