Skip to main content

จุดหมายในระหว่างทาง

คอลัมน์/ชุมชน


 "ชีวิตของเราคือการเดินทางอันยาวไกล"  ว่ากันมาอย่างนั้นตั้งแต่ครั้งบรรพกาลอันยาวนาน   จวบจนถึงปัจจุบันสมัยเราทั้งหลายต่างก็ยังมีชีวิตที่กำลังเดินทางอยู่บนหนทางอันยาวไกล   เช่นนั้นแล้ว…หนทางย่อมจะมีจุดหมาย หรือ หนทางก็เป็นเพียงแค่หนทาง หาได้มีจุดหมายแต่อย่างใด  ดูเหมือนแท้จริงแล้วการเดินทางอันยาวไกลนั้นซับซ้อนยิ่งนัก  ในหนทางบางมิติมีเค้ารูปเลือนลาง แจ่มชัด  คล้ายเหมือน แตกต่าง เนิ่นนาน ฉับไว  รวดเร็ว เชื่องช้า  แท้จริงแล้วมนุษย์เราอยู่บนหนทางอันยาวไกลอันเดียวกันหรือไม่  หรือหนทางอันยาวไกลของใครก็ของใคร  มิได้ปะปนแบ่งปันเป็นวิถีเดียว


 


จะอย่างไร…จุดหมายปลายทาง  ว่ากันอย่างนั้นว่า  ปลายทางโน้นจึงเป็นจุดหมาย  บางคนใกล้ ง่าย บางคนไกล และยากยิ่ง  อย่างนั้นจุดหมายของใครก็ของใคร  เพียงพึ่งพาอาศัยบางคราว หรือมิอาจจับมือจูงไปสู่ปลายทางด้วยกัน…ช่างมันเถอะ   แต่มีสิ่งใดเล่าที่พบเห็นจนเป็นความเคยชิน นั่นก็คือ มนุษย์ เรา  ต่างกำลังเดินทางบนหนทางอันยาวไกล  ซ้ำร้ายกลับไม่ได้เดินทางอย่างสนุกสนานเท่าไหร่นัก เพราะต่างก็แบกภาระหนักหนามากมาย  หรือไม่ก็เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า  บางคราวถึงกับถอดถอนกำลงวังชา  ในภาวะทั้งหลายทุ้งปวงนั้นยังต้องแข่งขันแย่งชิงทรัพยากร  บางคราวก็ต้องเข่นฆ่า กดขี่ ข่มเหงกันและกัน  คนผู้หนึ่ง เป็นทั้งผู้ล่า และผู้ถูกล่า  ที่สุดต่างก็เจ็บปวดบอบช้ำอยู่พอกัน  นั่นก็เพียงเพราะให้หนทางอันยาวไกลของตัวเองมั่นคง  ระหว่างนั้นก็เฝ้าฝันถึงแต่  จุดหมาย…ปลายทาง..จุดหมาย…ปลายทาง…


 


ช่างกระไรนักหนอ…  การเดินทางที่เร็วเกินไปช่างขาดความใส่ใจในรายละเอียด  สิ่งเล็กๆ  น้อยๆ  ข้างทางที่ผ่านเม็ดดินเม็ดทราย  ดอกไม้ใบหญ้าหรือแม้แต่ลมฟ้า อากาศ เมฆหมอก พายุฝน  ดั่งคำกวีเขียนความว่า  เม็ดน้ำค้างยามเช้าที่เกาะพราวบนยอดหญ้าต้องแสงแรกแห่งรุ่งอรุณระยิบระยับงามจับใจ  คำพูดที่กล่าวจนพร่ำเพรื่อ  จนคุ้นชินฟังดูเฉย เชย  แต่ใครสักคนกัน  สักกี่ครั้งที่เราได้เห็น เม็ดน้ำค้างยามเช้าที่เกาะพราวบนยอดหญ้าต้องแสงแรกแห่งรุ่งอรุณระยิบระยับงามจับใจ  สักกี่คนกัน….


 


กระนั้นก้าวที่ยังรวดเร็วเกินไป  เพราะมุ่งแต่จะเอาชัยหรือได้อยู่ข้างหน้า นั่นความเป็นที่หนึ่งที่ปรารถนา  นั่นล้วนทำให้ก้าวแต่ละก้าวโยกไกว คลอนแคลน ขาดความมั่นคง  บางคราวเราจึงเห็น ผู้ใดเร็ว  ก้าวล้ำ ชนะ เป็นที่หนึ่ง มักถูกขัดแข้งขา สะดุดล้มลงได้ง่ายดายนัก  เพียงขัดเบาๆ เขาก็จะล้มลงไม่เป็นท่า  เมื่อนั้นเอง จะมีผู้คนอีกมากมายแซงหน้าเขาไป  แล้วเขาก็จะกลับมาเป็นคนที่ต้องเร่ง เร่ง เร่ง พร้อมกับการจ้องโอกาสขัดขา ทำลายจังหวะของผู้อื่น  วนไปเวียนมาอยู่เช่นนั้นเป็นวัฏจักรอันบอบช้ำอัปยศ   และผู้คนก็ยอมให้มันเป็นกงกรรมอันเป็นนิรันดร์โดยไม่ยอมเปลี่ยนแปลง           


 


เมื่อคนผู้หนึ่งเหนื่อยล้าจนถึงที่สุด  ปลายทางของเขาไม่รู้อยู่ตรงไหน  เขาต้องเดินทางอีกนานเท่าไหร่  จุดหมายจะงดงามตามที่หวังไว้หรือไม่ อย่างไรก็ล้วนขบคิดไม่เข้าใจ   สิ้นเรี่ยวแรงบางขณะ  เขาจึงหยุดพัก….. เฝ้ามองย้อนไปบนหนทางที่ผ่านมาอย่างเนิ่นนาน  แล้วก็มองไปเบื้องหน้า หนทางยังทอดยาวไกลออกไป  ความอ่อนล้าทำให้เฉื่อยชา  เมื่อนั้น…บางสิ่งได้ปรากฏ 


 


เมฆสีขาวตรงเส้นของฟ้ากำลังบอกเล่าเรื่องราวสนุกสนาน  สายลมตรงนั้นได้แปรขบวนก้อนเมฆ  เป็นรูปร่างต่างๆ  เป็นเรื่องราวที่เกี่ยวโยงสัมพันธ์ เชื่อมต่อตามจินตนาการ  เมฆมิได้มีรูปร่างของเมฆ  เมฆเป็นได้ทุกสิ่ง  บางคราวก็เป็นนางฟ้าแสนงามใจดี   บางคราวเป็นปิศาจร้ายกาจ  บางครั้งเป็นดอกไม้ผลิบาน บางทีก็เป็นไฟแผดเผาโลกไหม้มลาย  แต่…ไม่ว่าขบวนแห่งมวลเมฆจะเปลี่ยนรูปแปรร่างไปอย่างไร  เมฆก็ยังคงเป็นเมฆ  ที่เคลื่อนไปอย่างไร้ขอบเขตจำกัด  ไม่มีจุดเริ่ม ไม่มีรอยต่อ ไม่มีจุดจบ…. 


 


บัดนั้น  ความเฉื่อยชาทำให้พบเรื่องราว เรื่องราวทำให้หยุดนิ่ง การหยุดนิ่งทำให้มองเห็น…   ต้นไม้ใบหญ้า  เม็ดทราย ฝุ่นดิน สายลม แสงแดด  สรรพสิ่งรอบข้างล้วนสวยสดงดงาม  ว่าไปแล้ว  นี่คือจุดหมายของการเดินทางอันยาวไหลแห่งชีวิต  จุดหมายหนึ่ง… ในระหว่างทางที่ยังทอดยาวไกลออกไป…..