Skip to main content

เหมือนดอกไม้มีเรื่องเล่า 2 : เมื่อดอกกาหลาบาน

คอลัมน์/ชุมชน


 


 


ชายชราตรงหน้าทำปากขมุบขมิบ สายตาไล่ไปยังกระดาษสีขาวมีแต่ตัวอักษรโบราณ


ดูเหมือนเขาไม่สนใจด้วยซ้ำ ว่าฉันกำลังหิวแทบจะกินช้างได้ทั้งตัว


"วันนี้ยุ่งจริงๆ" เขาว่า และนั่นฉันก็เห็นแล้ว


จึงเก็บอาการน้อยใจเอาไว้ก่อน แล้วหยิบจักรยานปั่นออกไปหาอะไรกินเอง


 


เช้านี้ฉันขับรถออกจากตัวเมืองเป็นระยะทางเกือบหนึ่งร้อยกิโลเมตร หลังจากที่เมื่อคืนอยู่ก็ก็น้ำตารื้นขึ้นมา


ฉันคิดถึงพ่อ คิดถึงอดีตและเมืองเล็กๆ ในหมู่บ้านห่างไกล คิดถึงสวนกุหลาบของแม่ซึ่งบัดนี้ถูกทดแทนด้วยเพิงเล็กๆ ไว้สำหรับเก็บฟืน ขอเพียงเวลาสัก 3  ชั่วโมงเท่านั้นที่จะได้กลับมาเห็น บ้านไม้เก่าหลังเล็กซึ่งพ่อใช้ชีวิตร่วมกับครอบครัวใหม่แล้ว มันอยู่ริมคลองที่มีชื่อว่า "น้ำแม่โก๋น" ที่ซึ่งเคยเติบโตและใช้ชีวิตในช่วงวัยเยาว์ ร่วมกับแม่ซึ่งตายจากไปนานแล้ว


 


ป่วยการจะโศกเศร้า แกะถุงขนมจีนที่ซื้อมาแล้วนั่งกินลำพังอยู่บนบ้าน  จากนั้นงัดกล้องถ่ายรูปขึ้นมา เดินไปทั่วบริเวณ บันทึกภาพต้นไม้ใบหญ้า ยุ้งข้าวที่เก็บสมบัติของพ่อ ผักกาดต้นเล็กๆ บนแปลงผัก จนกระทั่งเดินไปจนถึงริมฝั่งคลอง ต้นไม้ชนิดหนึ่งแสดงความสูงใหญ่สง่างาม ขยายอาณาเขตของต้นและใบหนาแน่นยึดริมตลิ่ง


 


มันคือต้นกาหลา


 


นอกเหนือจากต้นที่งอกงามแล้ว วันนี้ดอกกาหลายังบานสะพรั่งด้วยสีแดงสด บางก้านที่ยังเป็นช่อดอกตูมมีสีชมพูอ่อน น่ารักนักหนา และนึกไปถึงหลายปีก่อนตอนที่พี่สาวหิ้วต้นกล้าขึ้นรถไฟมาปลูกทิ้งไว้


พ่อบอกว่า "ใครๆ เขาก็อยากรู้ว่ามันจะโตมาเป็นอะไร"


 


มันสูงเอา ใหญ่เอา พ่อบอกอย่างนั้น แต่ไม่เห็นมีดอก จนประทั่งปีที่แล้ว เมื่อสมบูรณ์เต็มที่ ก็เริ่มมีดอกไม่หยุดยั้ง


"บางคนมาขอซื้อ พ่อก็บอกตัดเอาไปเลย นี่ฟันทิ้งไปเยอะแล้ว กลัวมันเยอะเกินไปจะมองไม่เห็นฝั่งน้ำ"


 


แรกเริ่มเมื่อออกดอก พ่อบอกว่าชาวบ้านมาขอดู บางคนบอกว่าน่าจะกินได้ เพราะลักษณะเหมือน "จี๋กุ๊ก" สมุนไพรเครื่องเคียงกินกับหน่อไม้ยำ พ่อบอกว่าถ้ากินแล้วไม่ตายให้กลับมาบอกด้วย บางคนถามว่าดูแลยังไง พ่อโอ้อวดไปว่า โยนๆ มันไว้ถ้ามันชอบใจก็ขึ้นเอง แต่ถ้าไม่ชอบบ้านไหนก็คงไม่ขึ้น ฟังแล้วนอกจากขำ ก็อดคิดไม่ได้ว่าพ่อของฉันยังไงก็เป็นแบบพ่ออยู่ดี ไม่ยินดียินร้ายกับอะไรที่จะไปจะมา และมักสอนฉันว่า ทุกสิ่งเป็นไปตามกรรม


 


สำหรับบ่ายวันนี้ กาหลาแต่ละก้านยืนตรงแน่วอยู่ระหว่างต้น


 ฉันตะโกนบอกพ่ออย่างตื่นเต้นว่า "ดอกเยอะจังเลยยยย" จากนั้นก้าวเท้ายาวๆ ลงไปเหยียบหน้าตลิ่ง


เกาะต้นมันเอาไว้ เพราะกลัวจะพลัดตกน้ำ


มือหนึ่งจับกล้องถ่ายรูป ตะแคงตัวบันทึกภาพ เมื่อเหยียบพลาดก็ใจหายเพราะกลัวกล้องจะหล่น


 


"สวยจังเลยพ่ออออ"


เงียบ  ไม่มีเสียงตอบกลับมา หันหลังไปมอง ชายชราก็ยังจมอยู่กับหน้ากระดาษ


ความน้อยใจแล่นผ่านอยู่ในทรวงอกอีกครั้ง นึกอยากกลับไปเป็นเด็กในแบบที่เขาเคยอุ้ม และหยอกเล่น


เออหนอ วัยเยาว์ช่างผ่านไปแล้วจริงๆ


 


ถ่ายรูปตรงนั้นเสร็จแล้ว กลับมายังจุดใหม่


กาหลาอีกกลุ่มเจริญเติบโตอยู่หน้าบันไดทางเข้าบ้าน เขาแยกกันปลูกเอาไว้หวังให้เป็นไม้ประดับเล็กๆ เหมือนคุณนายตื่นสาย หางจระเข้ ดอกพุด หรือชบา แต่ที่ไหนได้ พ่อบอกว่าฟันทิ้งเกือบไม่ทัน สูงเกือบจรดหลังคา บังทางเข้าบ้านแทบมองอะไรไม่เห็น บัดนี้มันแตกหน่อ ออกดอก สีแดงสดกระจายไปทั่วกอ


 


"สวยจังเลยพ่อ"


ฉันว่า พลางเช็ดเหงื่อ นั่งแหมะลงข้างๆ ชายตัวใหญ่คนนั้น เขายังง่วนอยู่กับการเขียนอะไรสักอย่าง


อย่างไม่เงยหน้า เขาพูดเบาๆ ว่า


"มีคนมาขอดูดวงชะตา พ่อกำลังทำให้เขา เห็นว่าไม่สบายหนัก สงสัยต้องสะเดาะเคราะห์ แล้วไหนจะค่าวกลอนอีกเขียนยังไม่จบเลย ต้องใช้พรุ่งนี้แล้ว"


"อืม.." ฉันรับฟังอย่างเงียบๆ สักพักเขาก็เงยหน้า


"แล้ววันนี้ค้างหรือเปล่า เดี๋ยวพ่อต้องไปวัดก่อนนะ"


"เอ่อ..ไม่ค้างอ่ะพ่อ เดี๋ยวจะกลับแล้ว พรุ่งนี้มีงาน"


"อ้าวเหรอ อืมๆ ไม่เป็นไร ไปดีๆ มาดีๆ ล่ะ"


เขาว่าสั้นๆ อย่างพร้อมจะเข้าใจ ฉันถอนหายใจเล็กน้อย ในใจขัดแย้งระหว่างการอยู่ที่นี่สักคืน กลับการกลับเข้าไปสู่เมืองใหญ่ พ่อยิ้มอย่างรู้ทัน


"ไปเถอะ ว่างๆก็แวะมาอีก คนเรามีหน้าที่ต่างกัน"


 


ฉันพยักหน้า รู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องนั้น ความจริงคือบ้านหลังนี้ไม่มีห้องให้ฉันอยู่แล้ว อีกทั้งพ่อก็มีงานมากมายแทบไม่มีเวลาคุยกัน และอีกอย่างฉันเกรงใจครอบครัวใหม่ของพ่อ สิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปในบริเวณบ้าน ได้ช่วยเตือนความรู้สึกเสมอถึงการมีส่วนร่วมที่ไม่เหมือนเดิม จะเหลือก็แต่เพียงต้นกาหลาเท่านั้น ที่ช่วยบอกฉันว่าบางอย่างเติบโตได้งอกงามดีเสมอ แม้ไม่ต้องดูแลกันตลอดเวลา


 


ฉันเก็บกระเป๋า พ่อเปลี่ยนเสื้อผ้า


เขากำลังจะไปวัด ฉันเตรียมตัวลาภรรยาของพ่อ หากแต่ก่อนจะก้าวออกจากบ้าน เสียงพ่อก็แทรกขึ้นมาว่า


"เดี๋ยวๆ อย่าเพิ่งไป เอาไอ้นี่ไปด้วย"


ว่าแล้วพ่อก็เดินไปคว้ามีด มุ่งไปยังต้นกาหลา ตัดก้านมันฉับๆๆ ได้ดอกไม้มาหนึ่งกำใหญ่


มัดรวมกันด้วยเส้นตอกแช่น้ำ คลี่กระดาษหนังสือพิมพ์ ห่อก้านเอาไว้อย่างดี


"เอาไปใส่แจกัน" เขาว่า จากนั้นก็หยิบขัน เขาใช้วิธีอมน้ำไว้เต็มกระพุ้งแก้ม แล้วพ่นลงไป


"พ่อทำอะไรน่ะ" ฉันว่า


"พ่นคาถาไม่ให้มันเหี่ยว" ว่าแล้วก็หัวเราะเสียงดัง


ฉันขำจนหัวเราะ พ่อเอื้อมมือมาจับหัวเอาไว้


"แบ่งให้พี่เขาด้วยนะ เวลามันออกดอก พ่อดูแล้วก็คิดถึงลูกเสมอ ก้านมันก็แข็ง กลีบมันก็แข็ง แต่มันก็งามและสีอ่อนหวาน"


"ค่ะพ่อ"


 


ฉันตอบได้แค่นั้น ก่อนจะยกมือไหว้แล้วหอบกาหลาขึ้นรถ


รู้สึกเขินอายเกินไปที่จะให้เขาเห็นน้ำตาที่มาพร้อมกับรอยยิ้ม


มีแต่ดอกกาหลาหลังรถเท่านั้น ที่อยู่กับฉันในเวลานี้.


 


 


 ---------------------------------------------------------------------------------


 


 


 


 


 



 


 


 


 



 


 



 


 


 



 


 


 



 


 


 



 


 


 



 


 


 



 


 


 



 


 


 



 


 



 


 



 


 


 



 


 


 



 


 



 


 



0 0 0