Skip to main content

เหล้าตองสีสันข้างถนน 8

คอลัมน์/ชุมชน

ร้านชาวนา


 


ร้านชาวนาที่ว่า อยู่ในที่โล่งกว้างกลางทุ่งนาที่ราบเรียบ ไม่มีสิ่งใดขวางกั้นสายตา ไม่มีอาคารใด ๆ มีแต่เพิงเล็ก ๆ ที่ถูกสร้างขึ้นง่าย ๆ และไม่มีใครอยู่ในเพิงนั้น เป็นที่เก็บของมีกล่องอยู่สองสามกล่อง ร้านตั้งเหล้าอยู่ด้านนอก


 


ฉันเป็นลูกชาวนา ความรื่นเริงแห่งวัยเยาว์ยังอยู่ในความทรงจำ  แม้ไม่ได้ทำนาเองแต่ในวัยเยาว์ ฉันก็ได้ไปทุ่งนากับแม่ ไปรอพ่อแม่อยู่ที่เพิงพัก เที่ยงวันกินข้าวที่ทุ่งนา  เป็นข้าวมื้ออร่อยที่ทุกวัน


 


คำพูดหนึ่งที่แม่พูดเสมอในช่วงเก็บเกี่ยว และเป็นถ้อยคำที่ทำให้รู้สึกดีเหลือเกิน แม่ว่าช่วงเก็บข้าวแม่ไม่เหนื่อยไม่ร้อน ลมพัดมาเย็นสบาย ยิ่งเห็นรวงข้าวหนักเหลืองเต็มนายิ่งสบายใจ เก็บข้าวจนมืดค่ำ มันชื่นใจ


 


ฉันไม่รู้ว่าชาวนาคนอื่นรู้สึกเหมือนแม่หรือเปล่า


 


รวงข้าวหนักของแม่คือข้าวที่โค้งรวงลง หมายถึงว่า ข้าวสมบูรณ์ดี ไม่มีลีบเล็ก หากว่ารวงข้าวชี้ขึ้นแสดงว่าข้าวไม่สมบูรณ์มีเม็ดลีบมาก


 


ฉันได้ลงที่ทุ่งนาในช่วงที่หมดแดดแล้ว  ได้หัดเก็บข้าวบ้าง พ่อแม่ไม่ค่อยอยากให้ทำนา กลัวลูกจะเหนื่อย กลัวลูกจะร้อน กลัวลูกจะตัวดำ พ่ออยากให้ลูกเรียนสูง เป็นเจ้าคนนายคน เป็นครู เป็นหมอ เป็นตำรวจ แต่เป็นครูดีที่สุด พ่อว่าใครๆ ก็รักครูเพราะครูสอนลูกสอนหลานเขา เด็กปิดเทอมครูก็ได้หยุด เป็นหมอก็ได้ใครเขานับหน้าถือตา  ส่วนแม่ไม่ต้องการอะไร แม่ว่าขอให้ลูกสุขสบายไม่เจ็บไม่ไข้  ให้เป็นคนดี  พ่อมีลูกหลายคน  แกจึงได้ดังใจอยู่บ้าง มีลูกเป็นครูเป็นหมอแต่ไม่ใช่ฉัน  ฉันทำตามฝันของพ่อไม่ได้  คือฉันเป็นเจ้าคนนายคนไม่ได้ แต่ทำความหวังของแม่ได้ คือฉันมีชีวิตสุขสบายตามสมควร  ไม่ถึงกับเป็นคนทุกข์ ฉันคิดว่าถ้ามีกลุ่มคนมีความสุข ฉันก็อยู่ท้าย ๆ กลุ่มนั้น


 


เมื่อโตขึ้นมา ฉันมักจะเล่าเรื่องทุ่งนาของแม่ให้เพื่อนฟังเสมอ ในตอนที่แม่บอกว่า ช่วงเก็บเกี่ยวไม่เหนื่อยไม่ร้อน ลมพัดมาเย็นสบาย แม่พูดด้วยสีหน้าที่สบายและชื่นใจจริง ๆ


 


เรามีที่นาผืนใหญ่ที่เป็นของบรรพบุรุษและไม่ได้แบ่งปันกันแต่มาทำนาร่วมกันและเอาข้าวไปกินด้วยกัน ใครจะกินเท่าไหร่ก็ได้ มีห้องข้าวรวมที่บ้านแม่ เป็นบ้านที่เชื่อมต่อจากบ้านหลังใหญ่เป็นห้องข้าวขนาดใหญ่  มีครอบครัวที่กินข้าวในนาผืนนั้นถึง 4 ครัวเรือน และยังมีพอสำหรับพวกญาติห่าง ๆ และคนรู้จักที่เป็นชาวเลมาขอข้าวโดยเอากะปิ กุ้งแห้ง ปลาเค็ม มาให้ตอบแทน และทุกปีจะมีข้าวเหลือกินไม่หมด บางช่วงเหลือจากปีเก่าสองปีจนต้องกินข้าวแดง แม่ไม่ยอมทิ้งข้าว แม้ว่าจะเป็นข้าวเก่าแดงเราก็ต้องกิน 


 


อย่าว่าแต่ทิ้งเลย ข้าวเปลือกข้าวสารตกบนพื้นดินก็ต้องเก็บขึ้นมา เก็บที่ละเม็ดไม่ให้ติดดินติดทราย  แม่ว่าทำข้าวตกเรี่ยราดแม่โพสพจะโกรธเอา


 


เมื่อไม่นาน นั่งกินข้าวอยู่กับเพื่อนคนหนึ่ง ในขณะที่กินข้าวซึ่งแข็งมาก เธอพูดขึ้นว่า ข้าวบ้าอะไรแข็งจริง


 


ฉันตกใจเพราะคิดถึงแม่โพสพขึ้นมา ตำหนิเธอในใจว่า  เธอไม่น่าจะกล่าวคำว่าข้าวบ้า แต่นั่นแหละเธอคงไม่รู้จักแม่โพสพ  ในขณะที่เธอกินข้าวในทุกวัน หรือเธออาจจะไม่กินข้าวทุกวันก็ได้ คนรุ่นใหม่ คนสมัยใหม่เขาไม่กินข้าวทุกมื้อ เขากินขนมปัง กินมะกะโรนีก็ได้  


 


ฉันชอบกินข้าวมากกว่าอาหารอื่นใด มื้อหนึ่งหากไม่กินข้าวถึงกินอะไรสักเท่าไหร่หรือกี่อย่างก็จะไม่อิ่ม ต้องหาข้าวกินจนได้ 


           


ฉันจึงรู้สึกว่าผูกพันกับทุ่งนา  และทุกครั้งที่ผ่านทุ่งนา รู้สึกสบายใจ หายเหนื่อย  โดยเฉพาะในช่วงที่ข้าวกำลังเขียว มองไปในทุ่งนาสดชื่นสบายตา และทุกครั้งที่เห็นทุ่งนากำลังถูกถมด้วยรถดินเพื่อสร้างบ้านจัดสรรฉันก็เศร้าอย่างบอกไม่ถูก  ระยะหลังมีการถมนาเพื่อสร้างบ้านจัดสรรมากขึ้น


 


เย็นวันหนึ่งเราพบร้านเหล้าตองชาวนาเราจึงหยุดอยู่ที่นั้นทันที       ไม่ว่าจะเป็นยามเย็นดูพระอาทิตย์ตกหรือค่ำคืนที่หนาวเย็น นั่งและมองดูดาวเต็มฟ้ากว้างเหมือนดาวอยู่แค่เอื้อม ยิ่งในคืนเดือนหงาย แสงจันทร์สว่างนวลไปทั่วทุ่งนา


 


กับแกล้มของร้านนี้คือจิ้นหมูย่าง (เนื้อหมูย่าง) ไม้ละสองบาท บางวันมีไข่ปิ้งด้วย ของกินฟรีก็มีมะขามป้อม ลูกเขียว ๆ กัดกินฝาด ๆ แต่เมื่อกลืนเข้าไปหวานชุ่มคอ เขาว่าเหมาะสมสำหรับเดินทางไกล  เดินป่าเอาติดตัวไปก็เหมาะ 


 


ที่นี่…ไม่มีคาราโอเกะ ไม่มีเสียงเพลง มีแต่เสียงพูดคุยเสียงหัวเราะ ทักทายเมื่อคนใหม่เข้ามา และคนเก่ากลับไป คนที่กลับไปก็มีคำพูดทิ้งท้ายบอกว่าทำไมต้องรีบกลับ หรือไม่ก็ออกตัวว่ามานานแล้ว  "เออ…ไปเถอะ วันพรุ่งมาใหม่"


 


ที่นี่…ในเวลานี้คือโลกที่สันติโดยแท้


 


ในวันนี้ร้านเหล้าตองที่เป็นสีสันข้างถนนกำลังจะจบลง ฉันไม่ใช่คน"มักเหล้า" หรือชอบเหล้า แต่ฉันเสียดายวิถีแห่งชีวิตเดิม ๆ เสียดายสีสันอันเป็นธรรมชาติ