Skip to main content

คล้ายสายลมมิได้เปลี่ยนทิศ

คอลัมน์/ชุมชน


สายลมที่พัดผ่านเลยพ้นไปแล้ว จะเปลี่ยนทิศย้อนทางกลับมากระนั้นหรือ  ยอมมิอาจเป็นเช่นนั้น  นั่นเพราะสายลมของฤดูกาลหนึ่ง  พัดผ่านไปในทิศทางหนึ่ง  เมื่อถึงวาระสายลมอีกสายย่อมพัดมาจากอิกทิศทาง  สายลมจึงมีแหล่งกำเนิด  หนทาง และจุดหมายแตกต่างกัน  นั่นมันเป็นสายลมคนละสาย นั่นเพราะสายลมมิได้เปลี่ยนทิศ


 


ว่ากันว่า…  คนผู้หนึ่งมุ่งเดินตามหาความฝันของตน  ไกลออกไป…ไกลออกไป…   นานนับเนิ่นนาน  บ้านอยู่ห่างออกไปทางเบื้องหลัง  ห่างออกไปเรื่อยๆ  ระหว่างนั้นพลันพานพบผู้คน และเรื่องราวมากมาย  ความสำเร็จ  ความล้มเหลว เสียงหัวเราะ และน้ำตา  บางคราวหัวใจก็สั่นไหวหวาดหวั่น  บางวันก็อิ่มเอมเบิกบาน  แต่ไม่ว่าอย่างไร  บ้านอยู่ห่างเพียงไหน  จุดหมายอยู่ไกลเท่าใด  หวั่นไหวหวาดกลัวเพียงไร  เขาก็ยังคงมุ่งมั่นจะไปตามหาความฝันของตน  ความฝันที่เขาก็ยังไม่รู้แน่ชัดว่ามันคืออะไร


 


ว่ากันว่า…  สองพันปีก่อนหน้านี้  คนผู้หนึ่งมั่นเดินทางตามหาความฝันของตน  ไกลออกไป  ไกลออกไป  นานนับเนิ่นนาน  ผู้คนมากมายผืนแผ่นดินมากหลาย  แม่น้ำหลายสาย ขุนเขาตระหง่านฟ้า  ถึงมหาสมุทร  เสียงหัวเราและร่ำไห้  ทั้งหมดนั้นอาจเพียงทำให้หวาดหวั่น  แต่เขาก็ยังตามหาความฝันของตน   ความฝันที่เขายังไม่แน่ใจนักว่าคืออะไร  เขาเพียงจะไปให้ถึงจุดหมาย  จุดหมายที่เขาก็ยังไม่รู้เช่นกันว่า  ณ ที่แห่งนั้น มันเป็นสถานที่แบบใด


 


สิ่งที่เรียกว่า ยุคสมัย  นั่นมันหมายถึงระยะเวลานานเท่าใด  เสี้ยววินาที?  วัน?  เดือน? ปี? ร้อยปี?….และสิ่งที่เรียกว่า  อาณาจักร  แท้จริงแล้วมันกว้างใหญ่เพียงใด  ขอบยุคสมัยกับขอบอาณาจักร มันเป็นแบบไหน  ในร่องรอยนั้น  ดูเหมือนมันทับ เหลื่อมซ้อนกันอยู่  การเดินทางตามหาความฝันของคนผู้หนึ่ง  ในอาณาจักรของยุคสมัยหนึ่ง  หรือมิได้ต่างจากการตามหาความฝันของคนอีกผู้หนึ่งในอีกช่วงเวลา


 


สายลมจากทิศหนึ่ง   ย่อมให้สัมผัสอย่างหนึ่ง…   เช่นกัน  สายลมจากอีกทิศหนึ่งย่อมให้สัมผัสอีกอย่างหนึ่ง  แต่ว่า  ในความต่างกันนั้นคล้ายมีบางอย่างที่คล้ายเหมือน  เช่นนั้นแล้ว  ถ้อยคำที่บอกเล่าเรื่องราวหนึ่ง  แตกต่างกันหรือกับการเล่าเรื่องราวเดียวกันนั้นด้วยถ้อยคำที่แตกต่าง  ค่าแห่งคำกับค่าแห่งความเหลื่อมซ้อน  หรือคำล้วนให้ค่าของความที่ต่างออกไป  ดังว่า  หยดน้ำค้างในบทกวี  กับหยดน้ำค้างในสารคดีมิได้เป็นหยดเดียวกันหรอกหรือ


 


ความฝันของผู้คนมีแหล่งกำเนิดจากคนละที่  ทิศทางที่เคลื่อนผ่านก็เป็นคนละสาย  เป้าหมายยิ่งมิใช่แบบเดียวกัน  ร่างของความฝันก่อรูปขึ้นจากความว่างในอาณาจักรภายใน  ผ่านการต่อเติมเสริมแต่งด้วยการรับรู้  ผืนดิน น้ำค้าง  แม่น้ำ อากาศ  แม้กระทั่งด้วยคนอีกผู้หนึ่ง….    แล้วสิ่งใดเล่าที่ควรค่าจะเรียกมันว่าความฝัน  และเรื่องราวใดกันที่จะนิยามมันว่าเป้นความจริง…  นั่นแล้ว  โลกที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า  มันเป็นเช่นนั้นจริงหรือ  …  หรือว่าโลกที่ปรากฏตรงหน้า เพียงเป็นภาพที่ถูกสร้างขึ้นจากอาณาจักรภายใน  อย่างนั้น  เราก็ย่อมเปลี่ยนภาพนั้นได้ดังกดปุ่มเปลี่ยนช่องโทรทัศน์  ….    เสียงร่ำไห้มิได้เป็นอันเดียวกับเสียงหัวเราะหรอกหรือ  เพียงแต่…เพียงแต่ว่า  ผู้คนแปรผลสัมผัสแห่งถ้อยคำและเรื่องราวเป็นอย่างไร….