Skip to main content

ฉลองปีใหม่แบบสงบ (สยบเคลื่อนไหว)

คอลัมน์/ชุมชน

กลายเป็นเรื่องปกติไปเสียแล้วสำหรับประเทศไทยที่การเฉลิมฉลองสงกรานต์หรือปีใหม่นั้นจะต้องตามมาด้วยรายการ การบาดเจ็บล้มตายอันเนื่องมาจากอุบัติเหตุต่างๆ ทั้งจากการเมาแล้วขับ และจากความประมาทอื่นๆ จนทำให้มีการรณรงค์เรื่องเมาไม่ขับ ง่วงไม่ขับ การตั้งจุดอำนวยความสะดวกสำหรับผู้ที่ง่วงนอนระหว่างทาง ซึ่งต่างเป็นความพยายามที่จะแก้ปัญหาเพื่อให้มีการบาดเจ็บและล้มตายกันให้น้อยที่สุด


 


แม้ว่าจะเป็นด้วยเจตนาที่ดี ที่จะทำให้เกิดตัวชี้วัดว่า การทำงานต่างๆ นั้นได้ผล คือสามารถลดการตายหรือการบาดเจ็บลงในช่วงสงกรานต์ได้ ด้วยการใช้สถิติมาเทียบกันของแต่ละปี แต่เวลาที่ได้ยินทางระดับนโยบายออกมาแถลงว่า ปีนี้เราตั้งเป้าเอาไว้ว่าจะให้มีการตายไม่เกิน เท่านั้นเท่านี้ราย ก็รู้สึกแปร่งๆหูพอสมควรอยู่  เพราะฟังคล้ายกับว่าตั้งเป้าว่า ให้คนตายกี่คน???


 


แล้วต่อจากนั้นผู้คนและบรรดาสื่อต่างๆ ก็รอลุ้นว่าคนตายเท่าไร รายงานข่าวในช่วงแบบนี้ ไม่ว่าสื่อใดก็ไม่มีอะไรจะนำเสนอมากไปกว่าคนตายกี่คนแล้ว อย่างไม่ได้รู้สึกรู้สมกับความสูญเสียหรือโศกเศร้า เป็นการรายงานข่าวตามประเพณีและเป็นการเล่นกับตัวเลข ไม่ได้เล่นกับอารมณ์ความรู้สึก ประหนึ่งว่าเป็นการลุ้นแต้มในการเล่นกีฬา เช่น ตอนนี้แมนยูทำได้แล้วกี่ประตู หรือว่าควรจะเสียไม่เกินกี่ประตู


 


ที่ว่ามาข้างต้นนี้ก็ไม่ได้มีเจตนาที่จะตำหนิหรือหาข้อวิจารณ์ทั้งในเรื่องของระดับนโยบายหรือการรายงานข่าวแต่อย่างใด เพียงแต่ตั้งข้อสังเกตเท่านั้น ที่จู่ๆ วันที่เรียกว่าวันขึ้นศักราชใหม่ และวันครอบครัวของไทยที่เคยมีบรรยากาศแห่งความสุขและความปิติยินดี และความชุ่มฉ่ำที่ได้มีโอกาสได้กระทำความดีงามและการได้อยู่ร่วมกับครอบครัวนั้นมากลายเป็นวันที่คนตั้งประเทศต้องรอลุ้นว่าจะมีคนตายกันกี่มากน้อยไปเสียแล้วเท่านั้น


 


นอกจากนั้น มีเหตุที่ให้ได้ฉุกคิดและอดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบเกิดขึ้น เนื่องจากว่าเมื่อไม่นานมานี้เองเช่นกันที่ได้มีโอกาสไปเห็นการเริ่มต้นปีใหม่ของคนชาติอื่น ซึ่งคิดว่าน่าจะเป็นการฉลองปีใหม่ที่ไม่มีใครตายจากอุบัติเหตุทางรถยนต์เหมือนบ้านเราเป็นแน่ จึงอดไม่ได้ที่จะเอามาเล่าสู่กันฟัง


 


วันปีใหม่ที่ว่านี้ เรียกว่า วันเนย์ปี  (Nyepi) เป็นวันปีใหม่ของชาวบาหลี  (ต้องขออภัยหากจะเป็นการเอามะพร้าวห้าวมาขายสวนสำหรับผู้รู้ที่มีข้อมูลมากกว่านี้)  เป็นการนับวันทางจันทรคติ สำหรับปีนี้ตรงกับวันที่ 30 มีนาคม ผู้เขียนได้มีโอกาสไปรู้เห็นมาโดยบังเอิญ เนื่องจากมีภารกิจที่จะต้องเดินทางไปทำงานที่ประเทศหนึ่ง ซึ่งไม่มีเที่ยวบินตรง ต้องไป transit ที่บาหลี โดยนอนค้างคืนที่นั่น 1 คืน


 


วันที่ 28 มีนาคม เข้าไปพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่าน คูตาห์ บีช อันเลื่องชื่อ แต่ภายหลังจากที่มีเหตุการณ์ระเบิดไปถึง 2 ครั้ง 2 คราก็พบว่าซบเซาลงไปมาก บรรยากาศค่อนข้างเงียบเหงา พนักงานโรงแรม หรือคนขับรถต่างก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าแย่ เพราะว่าเขาอยู่ด้วยรายได้จากการท่องเที่ยว ตอนนี้คนตกงานเยอะขึ้น ร้านอาหารหรือร้านขายของที่ระลึกก็ไม่มีคนซื้อ โรงแรมก็ว่างเยอะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สถานบันเทิงต่างๆ ที่ในอดีตเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวหนุ่มสาวออสเตรเลีย


 


"ตอนนี้ นักท่องเที่ยวมีน้อยลงมาก ส่วนใหญ่จะเป็นชาวยุโรปที่เกษียณอายุการทำงานแล้ว พวกเขากินอาหารกันเล็กๆน้อยๆ  ดื่มเบียร์อย่างมาก 1 ขวด แล้วก็พากันเข้านอนแต่หัวค่ำ" ผู้จัดการบาร์ริมสระน้ำของโรงแรมว่าอย่างนั้น


 


บนถนนเลียบหาดคูตาห์ นี้เอง ที่ได้พบขบวนแห่ ทั้งหญิงและชายแต่งชุดพื้นเมืองงดงามมาก มีการขับกล่อมด้วยดนตรีพื้นเมืองไปตามท้องถนน เมื่อสอบถามก็ได้ความว่า นี่เป็นขบวนที่ออกมาบอกกล่าวว่า วันเนย์ปี มาถึงแล้ว ให้เตรียมตัวต้อนรับวันเนย์ปี และรับสิ่งดีงามที่จะเข้ามาในวันเนย์ปี


 


เมื่อกลับมาที่โรงแรมก็พบว่า นอกเหนือจากสมุดที่บอกรายละเอียดบริการต่างๆ ของโรงแรมและเมนูอาหารแล้วก็ยังมีกระดาษวางไว้อีก 1 แผ่น เขียนว่า เป็น "ประกาศพิเศษ ให้อ่านอย่างรอบคอบ" เนื้อความมีว่า วันที่ 30 เป็นวันเนย์ปี  ซึ่งเป็นวันปีใหม่ของชาวบาหลี  ขอความร่วมมือให้ผู้ที่เข้ามาพักในโรงแรมให้ความเคารพในการฉลองปีใหม่ของบาหลีด้วยการ :


-          เปิดไฟห้องพักให้น้อยที่สุด ในวันที่ 30 มีนาคม ตั้งแต่ 6 โมงเย็น ถึง 6 โมงเช้า   


-          ปิดไฟระเบียง ไฟหน้าห้อง


-          หากจะเปิดโทรทัศน์และวิทยุให้เปิดให้เบาที่สุด


-          ร้านบางร้านของโรงแรมจะปิดทำการ บางร้านจะปิดเฉพาะช่วงเวลา


 


นอกจากนี้ ในใบประกาศระบุเวลาอาหารเช้า กลางวัน และเย็น จะเปิดด้วยเวลาที่จำกัด และมีการบอกรายละเอียดเกี่ยวกับเนย์ปีอีกเล็กน้อย เพื่อให้ผู้ที่เข้ามาพักได้เข้าใจว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น


 


จากประกาศดังกล่าวก็เลยไปพูดคุยและสืบค้นข้อมูลเรื่องวันเนย์ปีกับคนท้องถิ่นมาเพิ่มเติม ได้ความว่า เนย์ปี หรือ  Teak New Year หรือ วันปีใหม่ของชาวบาหลี เป็นวันที่บาหลีทั้งเกาะจะเงียบสนิท ผู้คนจะไม่ทำกิจกรรมใดๆ จะไม่มีการสัญจรไปมา บนท้องถนนจะไม่มีรถราวิ่งเลยแม้แต่คันเดียว แม้แต่เครื่องบินก็จะไม่บินผ่านบาหลีในวันนั้น ไม่มีการจุดไฟ ไม่มีกิจกรรมบันเทิงใดๆ ทั้งสิ้น ทุกคนจะต้องอยู่กับบ้าน หรือไปรวมตัวกันที่วัด (ฮินดู) ในตอนเย็น


 


1 วันก่อนถึงวันเนย์ปี ซึ่งในปีนี้คือวันที่ 29 มีนาคมที่ผ่านมานั้นจะมีพิธีกรรมที่ชาวบาหลีเรียกว่า Ngerupuk เป็นพิธีกรรมเพื่อการชำระล้างมลทินและเซ่นสรวงบูชา (Purification and Sacrificial Rites) ที่จัดขึ้นเพื่อขจัดวิญญาณร้ายให้ออกไปจากตัวผู้คน  ในวันนั้นจะมีการจัดขบวนแห่ Ogoh-Ogoh  หุ่นยักษ์น่าเกลียดน่ากลัวไปทั่วทุกมุมเมืองของทุกหมู่บ้าน และยักษ์ร้ายตนนี้ก็จะถูกทำลายลงในตอนเย็น ถือว่าวิญญาณร้ายได้ถูกทำลายลงไป ในวันรุ่งขึ้นผู้คนเตรียมตัวต้อนรับความดีงามที่จะเข้ามา โดยที่จะไม่กระทำกิจกรรมใดๆ ดังที่ได้กล่าวแล้วข้างต้น ทั้งนี้รวมถึงจะไม่มีการพูดคำหยาบ หรือพูดจาด้วยถ้อยคำที่ไม่เป็นมงคลด้วย


 


อย่างที่ว่าไว้ข้างต้น เมื่อเห็นการเฉลิมฉลองปีใหม่แบบบาหลีแล้ว เห็นว่าเป็นการเริ่มต้นปีที่เต็มไปด้วยความสงบ และเชื่อแน่ว่าคงไม่มีใครต้องสูญเสียชีวิตจากอุบัติเหตุแน่นอนเพราะจะไม่มีการสัญจรใดๆ เกิดขึ้น และแม้แต่ไฟไม่ว่าจะเป็นไฟฟ้าหรือไฟฟืนก็จะไม่มีการจุด ต่างกับการฉลองปีใหม่ของไทยเราอย่างสิ้นเชิงที่เต็มไปด้วย ความอึกทึกคึกโครม เมามาย ส่งเสียงกันได้เต็มที่และเต็มไปด้วยกิจกรรม ดังนั้น จึงช่วยไม่ได้ที่จะมีความสูญเสียเกิดขึ้นในแต่ละปี


 


แต่ที่ว่ามาทั้งหมดนี้ ไม่ได้หมายความว่าจะต้องให้เราฉลองแบบนั้นหรอกนะ เพราะก็เป็นไปตามประเพณีของแต่ละแห่ง  แม้ว่าแต่เดิมโดยประเพณีไทยนั้นอาจจะไม่ได้มีอะไรที่รุนแรงเช่นที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน แต่ว่าเรื่องการเปลี่ยนแปลงนั้นคงเป็นธรรมดาโลก เงื่อนไขชีวิตของคนก็ได้เปลี่ยนไปแล้ว การจะเรียกคืนวิถีปฏิบัติเก่าๆ นั้นคงจะยาก  สิ่งที่พึงจะกระทำได้หรือชวนคิดสำหรับวิถีชีวิตไทยในปัจจุบันก็คือ ทำอย่างไรผู้คนจะมีวินัย และปฏิบัติตนให้ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท