Skip to main content

เหมือนดอกไม้มีเรื่องเล่า 3 : ดอกแก้ว ความฝัน และหญิงสาว

คอลัมน์/ชุมชน

ตะวันโผล่เหนือภูเขา  เช้าตรู่  รอยหมาดฝนแสดงตนบนสีแดงของอิฐ สีดำเข้มของดิน และสีเขียวสดของใบไม้


 


ทุกอย่างดูสะอาดตา อากาศดูเป็นมิตร ฉันรู้สึกชอบเวลานี้เหลือเกิน แม้เป็นฝนหลงฤดูก่อนพายุฤดูร้อนจะมา หลังฝนตกในกลางคืน ยามเช้าคือเป็นส่วนผสมของกาแฟโดยไม่ต้องเติมลงถ้วย ฉันยืนพิจารณาสวนเล็กๆ ในบ้านที่เพิ่งย้ายมา  และตอนนี้ ฉันกำลังใช้ชีวิตร่วมกับชุมชนเล็กๆ ทางทิศใต้ของเชียงใหม่  


 


ที่เห็นตรงหน้า บนผืนดิน คือกลีบดอกแก้วสีขาว หล่นร่วงด้วยแรงฝน เปื้อนกลีบบางด้วยหยดน้ำ ซ่อนตัวเงียบงันอยู่ใต้ต้น เหมือนหญิงสาวยามมีโลกส่วนตัว รอยช้ำที่มองไม่เห็น แตกต่างจากดอกแก้วบนต้นนั้น คลี่กลีบเบิกบานอยู่ท่ามกลางหมู่เพื่อน ยามดอกแก้วออกดอก เหมือนทุกอย่างจู่โจมเข้ามา ช่อเล็กๆ สีเขียวอ่อนของวันก่อน  บัดนี้กลายร่างเป็นหญิงสาวสะพรั่ง เปิดเผยตัวตนรับแสงแดดพร้อมกลิ่นหอมที่สุดแสนยวนใจ


 


และฉันก็รู้  อีกไม่กี่วันเท่านั้น พวกเธอก็จะจากไปอย่างพร้อมๆ กัน


           


........................................


 


 "เธอชื่ออะไรนะ"


 "ดอกแก้ว"


 "ชื่อเหมือนดอกไม้น่ะเหรอ"


แล้วฉันก็นึกไปถึงเธอ  มิ่งมิตรคนหนึ่งซึ่งเคยได้รู้จักกันมานานเกือบ 5 ปี


 


เมื่อครั้งเพิ่งได้คุยกัน  เธอยิ้มผ่านเครื่องมือสื่อสาร ซึ่งบวกลบผลลัพธ์แห่งอารมณ์ผ่านสมองสั่งการมาสู่นิ้วบนแป้นคีย์บอร์ด เทคโนโลยีอินเตอร์เน็ตถ่ายทอดความรู้สึกถึงฉันโดยใช้สัญลักษณ์ ใช่แล้ว เราไม่เคยเจอกันเลย รับรู้แต่ว่าเราต่างเป็นเพื่อนสนิทของเพื่อน พูดให้ง่ายก็คือ เธอเป็นเพื่อนของเพื่อนฉัน และเรายังไม่มีโอกาสได้เจอกันเลยตลอด 5 ปี


 


แต่ละวัน เธอจะเดินทางไปทำงานผ่านรถไฟฟ้า ก้าวสู่ตึกหลังใหญ่ที่เป็นสำนักงานของเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ เธอทำงานที่นั่น บริษัทยิ่งใหญ่ชั้นนำของประเทศ  การติดต่อมากหน้าหลายตา โทรศัพท์ของเธอคงแทบไม่ว่าง ฉันได้แต่จินตนาการ ในมุมหนึ่งเล็กๆ ของตึกหลังนั้น มีเธอนั่งอยู่ และบางเวลา เธอกำลังนึกถึงฉัน


 "ดอกแก้วเป็นคนที่ไหน"


 "พัทลุงจ้ะ"


 


บทสนทนาอันเรือนลางในอดีต ช่วยทบทวนความคิดถึง เธอเล่าว่า มาอยู่กรุงเทพฯ ตั้งแต่เรียนจบ  กลับบ้านบ้างตามโอกาส เมื่อถามว่าเบื่อเมืองหลวงไหม เธอตอบว่าไม่เชิงนัก สุดท้ายเมื่อฉันถามว่า อยากใช้ชีวิตอย่างไรในอนาคต เป็นต้นว่า แต่งงาน มีครอบครัว มีลูก ใช้ชีวิตในเมืองเล็ก


 


เธอเงียบไป ดูเหมือนกำลังทบทวน และตัดทิ้งไปทีละข้อ เธอตอบว่า ไม่คิดจะมีใครด้วยซ้ำ การแต่งงานดูยิ่งใหญ่และไกลเกินไป หนึ่งข้อในนั้นที่อยากทำ คือการใช้ชีวิตในเมืองเล็กๆ สักแห่ง อาจจะเป็นที่บ้าน อยู่ร่วมญาติพี่น้อง หรืออยู่ห่างออกไป ใช้ชีวิตลำพัง เธอตอบไม่ลังเล จึงรู้ว่าเธอไม่ใช่คนช่างเหงา แต่ฉันคิดว่าเธอเป็นคนมีโลกส่วนตัว


           


 "แล้วคิดจะไปอยู่เมืองเล็กๆ เมื่อไหร่"


ฉันถามอีก พร้อมทั้งเล่าถึงตัวเองเพื่อแลกเปลี่ยน เธอถามฉันว่า เมืองเล็กๆ ต่างจังหวัดเงียบเหงาไหม  ชีวิตเปลี่ยนแปลงไปมากหรือเปล่า ฉันตอบว่าเชียงใหม่ไม่เงียบ แต่บางทีอาจเหงา เธอหัวเราะ  ฉันชวนเธอมาอยู่ที่นี่ดู ดอกแก้วบอกว่า เชียงใหม่ก็คงไม่ต่างจากอยู่กรุงเทพฯ เพราะกลายเป็นเมืองใหญ่ไปแล้ว


 


 "ไม่เคยไปพัทลุงเลย"  ฉันว่า นึกอยากไปขึ้นมา แต่ก็ไม่กล้าให้เธอชวนหรอก


 "คิดว่าอีกนานไหมจะไปอยู่ที่โน่น" ฉันถามซ้ำอีก


 "ไม่รู้เหมือนกันนะว่าจะเป็นเมื่อไหร่" หญิงสาวตอบคำถาม ดูเหมือนเธออยากให้เป็นเร็วๆนี้ อาจจะอีกสองปี สามปี หรือจนกว่าจะมีใครสักคน


 "แล้วดอกแก้วมีความรักบ้างไหม"


 "มีสิ"


เธอตอบไม่ลังเล ฉันพยักหน้าเข้าใจ การไม่อยากมีใคร เป็นคนละคำตอบของการมีความรัก ฉันฟังเธอเล่าถึงความฝัน บ้านเล็กๆ มีทุ่งหญ้า มีสวนดอกไม้ มีฤดูกาล เมื่อนั้นเธอคงจะมีรอยยิ้ม


 


รอยยิ้มที่ฉันไม่เคยเห็นของจริง และอาจไม่มีวันเคยเห็น รอยยิ้มที่มีระยะห่างของการรู้จักกัน เช่นเดียวกับดอกไม้สีขาวตรงหน้า เพราะจากวันนั้นไม่นาน ฉันก็พบว่าดอกแก้วร่วงไปหมดแล้ว เหลือเพียงแต่ต้นไม้ใบสีเขียวช่วยกรองฝุ่นอยู่ริมรั้วบ้าน


 


ทุกครั้งที่ดอกแก้วบาน ฉันจะคิดถึงเธอ  ฉันคิดว่าเรามีความฝันเหมือนกัน เพียงแค่เธอยังลังเลที่จะจากเมืองหลวงและชีวิตของปัจจุบันไป  แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก ฉันแค่ภาวนาว่า หากเธอไม่ได้ทำทุกอย่างทั้งหมด   อย่างน้อยขอให้เธอได้มีโอกาสปลูกดอกแก้วของตัวเองสักต้น  เหมือนชื่อของเธอ.