Skip to main content

"ปวาเก่อญอ" ก็มีหัวใจ

คอลัมน์/ชุมชน


 


 


เขาวางหนังสือสองเล่มต่อหน้าผม...


"เล่มนี้ชื่อ คำคมล้านนา เขียนเมื่อปี 2529  เล่มสองชื่อ ธรรมะกู้ใจ เขียนเมื่อปี 2535"


 


"เขาเขียนว่าอย่างไร ?" ผมถามเขา


 


"แม่ยางเป็นผู้หญิงที่ไม่เอาไหนเลย คำว่า แม่ยาง ก็คือผู้หญิงปวาเก่อญอ เป็นผู้ที่ไม่สนใจงานบ้านงานครัว ชอบความสกปรกมักง่าย ที่นอนหมอนมุ้งไม่เคยเก็บ บ้านเรือนก็ไม่ทำความสะอาด ปล่อยให้รุงรังด้วยหยากไย่ ใบตอง แม้ตนเองก็ไม่สนใจที่จะทำความสะอาด ปล่อยร่างกายให้เหม็นสาบ สกปรก ผมกระเซิง กลิ่นตัวเหม็นเปรี้ยว เหม็นบูด เดินทางไปไหนแมลงวันบินตอมหึ่งทีเดียว จัดพวกผู้หญิงประเภทนี้ไว้ในพวกแม่ยาง มียางชนิดหนึ่งที่ไม่นิยมอาบน้ำ มีกลิ่นตัวเหม็นสาบสาง ยางพวกนี้เรียกว่า ยางเกอเลอ"


 


ผมอึ้งไปนิดหนึ่งกับสิ่งที่เขาอ่านให้ผมฟัง ผมเองต้องยอมรับตรงนี้ว่า ไม่ทราบมาก่อนและไม่คาดคิดมาก่อนว่า ข้อความเหล่านี้จะถูกเขียนและตีพิมพ์ออกมาสู่สาธารณชน


           


"แล้วจะเอาอย่างไรกันต่อ พวกเราชาวปวาเก่อญอคิดกันอย่างไร" ผมถามเขาต่อ


เราเรียกร้องให้ผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดออกมากล่าวคำขอโทษหญิงชาวกะเหรี่ยง โดยผ่านการตีพิมพ์ขอโทษในหนังสือพิมพ์อย่างน้อย 2 ฉบับ เป็นเวลา 7 วัน และผ่านเว็บไซต์เป็นเวลา 1 เดือน มิเช่นนั้น พวกเราเครือข่ายกะเหรี่ยงจะเดินหน้าแจ้งความฐานหมิ่นประมาทเพื่อเรียกศักดิ์ศรีและสร้างความเป็นธรรมให้คนกะเหรี่ยงต่อไป" เขาตอบอย่างจริงจัง


 


"เดี๋ยวจะให้ดูความรู้สึกของพี่น้องปวาเก่อญอ" เขาพูดพร้อมเปิดเว็บไซต์กระทู้สดให้ผมดูเว็บไซต์เว็บหนึ่ง


โดยชื่อหัวคอลัมน์ว่า "โวยดีเจชื่อดังหมิ่นชาวกะเหรี่ยง"


           


ความเห็นที่ 1    ขอฝากถึงผู้เขียนบทความว่า พวกเราชาวกะเหรี่ยงรู้สึกเสียใจที่ได้อ่านบทความของท่าน  เพราะเป็นคำที่ตอกย้ำความรู้สึกมานานแล้ว ที่ผ่านมาไม่รู้เลยว่ามีบทความเช่นนี้ คำว่าแม่ยางที่ท่านเขียนมานั้น นอกจากดูถูกผู้หญิงกะเหรี่ยงแล้วเป็นการดูถูกชาวกะเหรี่ยงทั้งประเทศ เราสูญเสียความเป็นมนุษย์เพียงคำที่ท่านให้เรามาผมขอเรียนเชิญชาวกะเหรี่ยงได้ออกมาเพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของชนเผ่าเราโดยเฉพาะปกป้องศักดิ์ศรีผู้หญิงชาวกะเหรี่ยงเราเจ็บปวด


 


ด้วยวาทะกรรมของผู้อื่นมามากแล้ว ขอให้เราสู้เพื่อศักดิ์ศรีชาวกะเหรี่ยง ขอความเห็นใจจากสังคมด้วยว่า พวกเราเจ็บปวด ขอให้เข้าใจเราบ้าง การออกมาปกป้องศักดิ์ศรีของพี่น้องชาวกะเหรี่ยงด้วยรักษาสิทธิ์โดยชอบธรรม ขอให้เห็นใจเราด้วยอย่างไรก็ตาม ผมเชื่อว่าผู้ที่เขียนบทความดังกล่าว คงมีความรับผิดชอบ


เพราะท่านมีวุฒิภาวะ เป็นที่เคารพนับถือขอสังคมการขอโทษเป็นทางออกที่ดีครับ


           


ความเห็นที่ 2   ผมไม่อยากเชื่อว่า คนยาง กะเหรี่ยง หรือปวาเก่อญอ ผู้ที่อยู่อย่างสันติที่สุดแล้วชนเผ่าหนึ่งของไทย จะยังมีการเหยียดหยามจากผู้ที่เป็นบุคคลที่มีอิทธิพลต่อสาธารณชนอย่างนั้น คนเรามองกันที่ภายนอกจริงๆ ยุคนี้น่าจะมีความคิดสร้างสรรค์กว่านี้


           


ความเห็นที่ 3 ขอฝากถึงผู้เขียนว่า ก่อนที่จะเขียนอะไรก็ให้ศึกษาข้อมูลต่าง ๆ ให้เรียบร้อยก่อน ไม่ใช่ว่าเอาข้อมูลที่ไม่เป็นความจริงมาเผยแพร่ สมัยนี้ผู้หญิงกะเหรี่ยงเขาพัฒนาไปถึงไหนแล้ว หัดมองดูความจริงในโลกปัจจุบันซะบ้าง


           


ความเห็นที่ 4   กรณีหนังสือ คำคมล้านา ที่เขียนโดย นายอำนวย กลำพัด คนเขียนคนอ่านค่าวกวีล้านนา กล่าวว่า ตนเองนั้นไม่มีเจตนาที่จะไปดูหมิ่นใคร ถ้าเป็นแบบนี้ เขียนบทความหรือเรื่องต่าง ๆ เขียนคำพูดที่ไม่สุภาพแล้วมองว่า ตนเองนั้นไม่มีเจตนานั้นไม่มีเจตนาที่จะไปดูหมิ่นใคร เดี๋ยวจะเป็นช่องว่างนะ จดจำไว้ คนทั่วโลก จากใจคนที่อ่านแล้วเอ็นดูชาวกะเหรี่ยง เรื่องนี้ไม่จบง่าย ๆ ๆ ๆ วันใดที่ไม่มีคำตอบ


 


ความเห็นที่ 5 เขียนด่า เผยแพร่ทุกเว็บ ในกระทู้ แล้วบอกว่าไม่เจตนา อยากถามพ่อครูอำนวย กลำพัด


ผิดมั้ยครับ


 


ความเห็นที่ 6 เหตุเกิดที่ภาคใต้ ลึก ๆ ๆ ๆ เกิดในรูปแบบนี้นะ


 


ความเห็นที่ ผมอยากเจอ นายอำนวย กลำพัด ผมอยากพาไปศึกษาวัฒนธรรมประเพณีชนเผ่ากะเหรี่ยง ทั่วโลก ทุกพื้นที่ว่าแบบไหน คนไม่รู้จริงนั้นชนเผ่าของผมกลัวที่สุด และเกลียดคนรู้ไม่จริงแล้วยังมาอวดเก่ง ไปไกล ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ สงสารนายอำนวย กลำพัด เดี๋ยวบาปกรรม


 


ความเห็นที่ 8 ปู่อำนวย ขะหลำแป๊ดเยี้ยะอย่างอี้ก่อบ่ถูกเน้อ เฮาในฐานะกะเหรี่ยง  อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ที่มีประชากรกะเหรี่ยงมากที่สุด ในอำเภอ ส.ส.ก็เป็นกะเหรี่ยง รองนายก อบจ. ก็เป็นกะเหรี่ยง ว่าที่ผู้สมัคร สว. ก็เป็นกะเหรี่ยง ขอประนาม และเฮาเพื่อนเครือข่ายนักศึกษากะเหรี่ยงในเชียงใหม่ (มช.แม่โจ้ ราชภัฎ พายัพ ราชมงคล ฟาร์ นอร์ท อาชีวะ เทคนิค) และนักศึกษาชนเผ่าจ้วยกั๋นประท้วงหื้อถึงตี้สุด เพื่อตี้จะได้บ่เป็นเยี่ยงอย่างแก่คนบ่ดีในอนาคตตวยเน้อครับ


 


ความเห็นที่ 9 ขอโทษทีกะเหรี่ยงก็มีศักดิ์ศรีนะ


 


"มีแต่ความเห็นความรู้สึกของพี่น้องปกาเกอะญอ ไม่มีความเห็นของอีกฝ่ายบ้างเหรอ?" ผมถามเขา ขณะที่เขายังอ่านความเห็นที่สิบ สิบเอ็ด สิบสอง และ ฯลฯ


           


"มีซิ เดี๋ยวจัดให้" เขาพูดพลางเลื่อนลูกศรหน้าจอคอมพิวเตอร์ไปยังคอลัมน์ใหม่ ชื่อ "ดีเจดัง ยันไม่ขอโทษกะเหรี่ยง"


 


ความเห็นที่ 1 ข้าพเจ้าขอยืนยันว่าบทความที่คุณอำนวยเขียนนั้นเป็นความจริง แต่เป็นความจริงในสมัยเมื่อหลายสิบปีมาแล้ว ยังจำได้ดีว่า ถ้าใครตัวสกปรก เช่น ไม่อาบน้ำ เนื้อตัวสกปรก แต่งตัวไม่สุภาพเรียบร้อย รุ่มร่ามรุงรัง เสื้อผ้าข้างในแลบหรือโผล่ออกมาให้เห็น หรือใส่เสื้อแขนยาวข้างใน ใส่เสื้อแขนสั้นข้างนอก และหรือทำบ้านรกรุงรังไม่เป็นระเบียบ เรียกว่าเป็น "ยางกะเลอ" ซึ่งจะหมายถึงคนที่ไม่รักษาความสะอาดและแต่งตัวไม่เรียบร้อย


           


ปัจจุบันนี้ ทางบ้านข้าพเจ้าก็ยังใช้เรียกกันอยู่ แต่ไม่มีเจตนาจะดูถูกดูแคลนหรือเหยียบย่ำใคร มันเป็นแค่คำเปรียบเทียบสมัยเก่าเท่านั้นเอง หรือยกตัวอย่างเช่น ดำเหมือนขมุและหน้าเหมือนขมุ (ชาวเขมรที่เราเรียกว่าชาวไทยใหม่) น้อง ๆ กะเหรี่ยงรุ่นใหม่คงเกิดไม่ทันและไม่รู้เห็น หรือสัมผัสความเป็นอยู่ของบรรพบุรุษ พอเกิดมาก็พบแต่ความเจริญความเป็นระเบียบเรียบร้อยและสะอาดสะอ้าน และได้รับการศึกษาที่ดี หูตากว้างไกล ก็เลยมีความรู้สึกว่า รับไม่ได้ กับสภาพของความเป็นอยู่ของบรรพบุรุษเมื่อหลายสิบปีที่ผ่านมา กลายเป็นการดูถูกดูแคลน


 


ความเห็นที่ กระผมเป็นบุคคล คนหนึ่งที่ซึ่งเคยทำงาน และใช้ชีวิตกับชาวเขาหลายชนเผ่าด้วยกันโดยเฉพาะเผ่ากะเหรี่ยง ในจังหวัดเชียงใหม่ และแม่ฮ่องสอน และกระจายตัวอยู่หลายจังหวัดในเขตภาคเหนือ โดยเฉพาะจังหวัดแม่ฮ่องสอนมากที่สุด คนพื้นเมืองเรียกกันมาตั้งแต่อดีตว่า (ยาง) หรือคำที่ไม่สุภาพว่า"ยางกะเลอ"


 


ซึ่งคุณอำนวย กลำพัด ได้เขียนในคำคมล้านนาอาจมีมูลจริงอยู่บ้าง แต่ลักษณะการเขียนลงในหนังสือคำคมล้านนานั้น ถ้าท่านซึ่งมีความรู้ และวิจารณญาณ พิจารณาให้ดีแล้ว คุณอำนวย กลำพัด ไม่มีเจตนาที่จะดูหมิ่นชาวกะเหรี่ยงเลย แต่นำข้อมูลมาเขียนเป็นบทความเผยแพร่ข้อมูล กระผมก็ขอเป็นกำลังใจให้ คุณอำนวย กลำพัด ทำงานต่อไป


 


ความเห็นที่ 3   ผมเห็นด้วยกับความเห็นที่ 2 บ้านผมก็เรียกชาวกะเหรี่ยงว่า "ยางกะเลอ"กันตั้งนานจนถึงปัจจุบันจะเปลี่ยนเป็น ปวาเก่อญอ ก็ตาม พวกที่ให้ความเห็นเข้าข้างเผ่าตัวเอง คงเป็นกะเหรี่ยงตกดอย รับวัฒนธรรมใหม่ในเมือง เลยลืมความเป็นตัวตนของตนเอง


 


ความเห็นที่ 4   ความเห็นที่ว่า (ผมอยากพาไปศึกษาวัฒนธรรมประเพณีชนเผ่า กะเหรี่ยงทั่วโลกทุกพื้นที่) กะเหรี่ยงมีรากฐาน เฉพาะในประเทศไทยนะ ถ้าต่างประเทศคงเป็นกะเหรี่ยงอินเตอร์แหละ อยากไปดูจัง(แม่ยาง)


 


ความเห็นที่ 5   อยากไปศึกษาดูวัฒนธรรมประเพณีจริงหรือ ถ้าอยากไป อยากรู้จริง ติดต่อโดยตรงมาที่ 09-3701933 หรือถ้าไม่มีเวลา ศึกษาจากหนังสือก็ได้เหมือนกัน


 


ความเห็นที่ ดูถูกหรือจะดูผิดก็ดูกันไป นึกถึงกะเหรี่ยงกาญจน์ฯ บ้างเคยรบในสมัยอยุธยาแล้วนะ


ที่กระจัดกระจายทั่วภาคเหนือเพราะหนีความวุ่นวาย


           


"ฮ่า ฮ่า มันดี มันดี ปริ๊นส์ออกมาให้หน่อยได้มั้ย ?" ผมบอกเขา


           


"ได้ซิ เดี๋ยวจัดให้" เขาพูดพร้อมกับเลื่อนลูกศรหน้าจอคอมฯสั่งให้เครื่องพิมพ์พิมพ์ข้อความออกมา


           


เมื่อผมได้กระดาษพร้อมข้อมูลอยู่ในมือผมลาเขา และขอตัวกลับบ้าน


 


"ช่วยบอกต่อกันด้วยเน้อ ปกาเกอะญอต้องออกมาเรียกร้องเพื่อศักดิ์ศรี" เขาย้ำผมก่อนกลับ


           


ผมกลับมาถึงบ้าน เปิดโทรทัศน์ดูข่าวภาคค่ำ...


 


"โจรใต้ฆ่าตำรวจชุดคุ้มกันนักเรียนในจังหวัดนราธิวาส" เสียงผู้ประกาศข่าวพร้อมภาพผู้ตาย


 


"เอาอีกละ" เสียงใครคนหนึ่งบ่นข้างบ้านผม


           


ผมนึกถึง ความเห็นที่ 6 ของคุณหวังดี "เหตุเกิดที่ภาคใต้ ลึก ๆ ๆ เกิดในรูปแบบนี้นะ" นึกถึง ความเห็นที่ 1 ของคุณคนบ่าเก่า ที่พูดถึงความทรงจำครั้นอดีตหลายสิบปีเรียกคนสกปรกว่า "ยางกะเลอ" เรียกคนดำเหมือนขมุ"


           


นึกถึง ครั้งหนึ่ง อ.สถาพร  ศรีสัจจัง ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณกรรมปี 2549 ณ สถาบันทักษิณคดีศึกษา เคยเล่าให้ฟังว่า เคยฟังเพลงกล่อมลูกของพี่น้องปัตตานีว่า "ลูกเอ๋ย เตรียมลับหอกเอาไว้ เตรียมลับดาบเอาไว้ เตรียมเอาไว้เพื่อฆ่าได้สัตว์สยาม"


 


นึกถึง ความเห็นที่ 7 ของคุณคนจบ ป.4 "นึกถึงคนกะเหรี่ยงกาญจน์ฯ บ้างเคยรบในสมัยอยุธยาแล้วนะ


ที่กระจัดกระจายทั่วภาคเหนือเพราะหนีความวุ่นวาย"


           


ทุกที ทุกเวลา ทุกกลุ่ม ต่างมีที่มาที่ไป...


มีเรื่องเล่าว่า มีความเป็น มีประวัติศาสตร์ตามเงื่อนไขต่าง ๆ ที่ต่างกัน แต่ควรไตร่ตรองสักนิดว่า การหยิบยกความจริงหรือความเท็จอย่างใดอย่างหนึ่งขึ้นมานั้น ก่อนเกิดผลดีมากกว่าหรือผลลบ การหยิบยกสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนสำหรับคนบางกลุ่ม


           


สำหรับคำคมล้านนานั้น ผมชื่นชมว่า มีคุณค่ามากมายที่จะเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ แต่ควรคัดเลือกคำที่สร้างสันติมากกว่า คำคมจะคมกว่าแต่ถ้าหากเป็นคำที่สร้างความร้าวฉาน จากคำที่เป็นคำคมที่สร้างคุณค่า


มันจะเป็นคำคมที่ทิ่มแทงสันติให้แตกกระจายได้


           


ธรรมะกู้ใจก็เช่นกัน ทุกวันนี้สังคมเสื่อมเพราะขาดธรรมะ หนังสือธรรมะกู้ใจน่าจะเป็นเครื่องมืออย่างหนึ่งที่สามารถให้คนที่อ่านติดสนิทกับธรรมะมากขึ้น แต่ควรเข้าใจว่าธรรมะคืออะไร ธรรมะอะไรบ้างที่จะเข้าใจของสังคมได้ ไม่ใช่ธรรมะที่สร้างความแตกแยก เจ็บปวดขึ้นกับคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งที่ไม่มีความผิดอะไร


หรือพวกเขาผิดที่เกิดมาเป็นกะเหรี่ยง ไม่ว่ากะเหรี่ยง ไทย ลาว หรือ ไหนๆ ล้วนเคยอยู่ในป่ามาก่อน กินหมากมาก่อน ความเป็นเมืองนั้นเกิดขึ้นทีหลัง และที่สำคัญความเป็นเมืองก็อาศัยชนบทหรือป่ามาโดยตลอด แต่เรื่องราวที่เกิดขึ้น คือ คนที่อยู่ในเมืองมักดูถูกดูแคลนคนที่อยู่ในชนบทหรือในป่าเสมอทั้ง


ๆ ที่ตัวเองก็มาจากที่นั่นมาก่อน


 


ผมไม่ได้ตั้งใจให้สิ่งเหล่านี้กลายเป็นความรุนแรง หรือกลายเป็นประเด็นชนเผ่านิยมจนกลายเป็นปัญหาใหญ่ เฉพาะไฟใต้ 3 จังหวัด ก็หนักหนาแล้ว หากไฟชนเผ่าลุกขึ้นมาอีกเห็นจะดับยากกว่าหลายเท่า


 


ผมเพียงอยากยกคำคมโดยผมไม่แน่ใจว่า เป็นธรรมะหรือเปล่า คืออยากให้เอาใจเขามาใส่ใจเรา แล้วจะรู้ว่าหัวใจของคนอื่นเป็นอย่างไร


 


 


 


 


 


มาถึงจุดนี้ ทำให้ผมนึกถึงบรรยากาศตอนที่ผมเข้ามาเรียนในเชียงใหม่ครั้งแรก


มีเพื่อนผมโยนเหรียญต่อหน้าผม "บ้านคิงมีก่อ"


มีเพื่อนผมโยนคำถามใส่ผม "บ้านคิงใช้ไม้แปรงฟันแม่นก่อ"


มีเพื่อนผมโยนคำถามถึงผม "คิงโหนเถาวัลย์มาเฮียนแม่นก่อ"


มีเพื่อนผมอีกโยนมา "คิงนั่งรถกะหล่ำมาแม่นก่อ"


มีเพื่อนผมโยนมาอีก "บ้านคิงค้ายา ! บ้านคิงปลูกฝิ่น! บ้านคิงทำลายป่า! ฯลฯ !!!


 


"คิงฮู้ได้จะใด" ผมถามคืนบ้าง


"เปิ้นเล่าหื้อฟัง" เขาตอบด้วยความมั่นใจ


           


บางทีการตัดสินอะไรบางอย่าง เห็นด้วยตาอย่างเดียวไม่เพียงพอ


ต้องใช้เวลาในการเรียนรู้ด้วย จึงจะเป็นการตัดสินที่ถูกต้องขึ้น


 


ผมแค่อยากบอกว่า "ชนเผ่าของผม ปกาเกอะญอ ก็มีหัวใจ!"


 


ใคร ใคร เขาหาว่าฉันนั้นเป็นคนป่า


เป็นคนไร้สิ้นที่อยู่อาศัย


เป็นคนต่างถิ่นต่างแดน


ซึ่งตัวฉันไม่เข้าใจ


ฉันอยู่กับป่ามาตั้งแต่เกิด


ถิ่นฐานกำเนิดฉันอยู่ตรงนี้


บรรพบุรุษฉันเคยทำกิน


สายน้ำพงพีหล่อเลี้ยงชีวี


ตัวฉันเรียกตัวเองว่า ปวาเก่อญอ


ซึ่งหมายความว่าฉันก็คือ "คน"


ปวาเก่อญอ ปวาเก่อญอ


ปวาเก่อญอ ปวาเก่อญอ


คนปวาเก่อญอ ก็มีหัวใจ


ฉันเป็นคนป่า เป็นคนภูเขา ใช่ฉันเป็น


ฉันอยู่บนภูเขา ทำมาหากิน


โปรดจงเข้าใจ


ฉันมีจิตใจเหมือนคนทั่วไป.


 


 


 


0 0 0