Skip to main content

The Family Stone

คอลัมน์/ชุมชน


 


 


น้ำตาฟ้า


 


"อย่าให้เป็นเช่นนี้เลย..อย่าให้มันต้องกลายเป็นจริง"


ฉันรำพึงในใจเสียงดัง ๆ หลังจากที่น้องสาวคนดี คนเดียวของฉัน ส่งเสียงผ่านสายโทรศัพท์มาบอกเล่าว่าเธอกำลังเตรียมตัวเดินทางไปพบครอบครัวของแฟนฝรั่งตาน้ำข้าว ชาวสก็อตแลนด์ของเธอหลังจากที่คบหาดูใจกันมากว่า 5 เดือน


"ครอบครัวเขาอยู่ที่กันกลาสโกลวส์  มีแม่ พี่สาว พี่เขย และน้องสาวค่ะ" น้องฉันบอกอย่างตื่นเต้น 


 


ฉันแอบหวั่นใจแทนน้องว่า เธอจะมีชะตากรรมคล้ายคลึงกับ น้องแมริดิธ นางเอกของหนัง The Family Stone ซึ่ง Stone คำนี้จะแปลว่าหินเฉยๆ  รึหินล้ำค่า อย่างที่เห็นบนนิ้วในโปสเตอร์หนังที่ลูกชายของบ้านอยากได้หนักหนา เพราะมันเป็นแหวนเพชรประจำตระกูล และเขาจะได้มันเมื่อพบผู้หญิงที่เขาจะแต่งงานด้วย แม่เขาบอกไว้อย่างนั้น  แต่ฉันก็จะเรียกครอบครัวนี้ว่า "ครอบครัวใจหิน"


 


คิดดูสิ  พระเอกของเขาพานางเอกซึ่งเป็นคู่หมั้น คู่หมายมาให้พ่อแม่พี่น้องดูตัว ประสาธรรมเนียมฝาหรั่งเขาก็จะไปเจอกันในวันคริสต์มาสใช่ไหม 


 


 

                                 


                                                  


 


แค่รู้ว่าต้องไปเจอครอบครัวชายคนรักแถมเป็นคนรักชนิดที่หมายมั่นว่าจะมาเป็นคู่ชีวิต โอ!!! เป็นฉันก็ตื่นเต้นแพ้ใครที่ไหนกัน  สาวสวย เฉียบ เนี้ยบ นิ้ง อย่างแมริดิธ ก็ไม่ต่าง ทั้งตื่นเต้น เครียด กังวลสารพัดสารพัน


และเมื่อต้องมาพบกับพวกเขาจริงๆ เธอกลับยิ่งเครียดหนักกว่าเดิมไปอีกร้อยเท่าพันทวี ขนาดต้องเรียกน้องสาวของเธอให้มาเป็นขวัญกำลังใจนั่นเลยทีเดียว  


 


เอมี่ ลูกสาวคนเล็กของบ้าน Stone เปิดประเด็นชักชวนให้คนอื่น ๆ ในบ้านพลอยไม่ถูกชะตากับว่าที่พี่สะใภ้ตั้งแต่ยังไม่ทันเห็นหน้าโน่นแล้ว   พ่อแม่ก็ช่างกระไรไม่มีการปราม หรือว่ากล่าวตักเตือนลูกสาวเอาซะเลย     เอมี่ก็ยิ่งได้ใจใหญ่ ไม่ปล่อยว่าที่พี่สะใภ้ให้ลอยนวลไปได้ 


 


เธอชวนเขาเล่นเกมส์ใบ้คำ แล้วก็หลอกประชดประชันลามปามไปจนกลายเป็นแมริดิธ ไปเหยียดผิวของหนุ่มผิวดำแฟนของพี่ชายอีกคนที่เป็นเกย์  จนทุกคนกลืนไม่เข้า คายไม่ออก


 


 


       


 

   


 


ว่าก็ว่าเถอะ แมริดิธ เองก็ช่างกระไร ไม่รู้จักทำตัวผ่อนคลายซะบ้างเลย แถมกาลเทศะเธอก็ยังไม่รู้จักอีกต่างหาก  เจื้อยแจ้วจำนรรจาไปเรื่อยเป็นฉันก็คงรำคาญ   ก็แค่เขาถามกันว่าสองคนเจอกันยังไงเธอก็ร่ายไปเรื่อยไม่สนอาการรำคาญแกมเบื่อหน่ายของคนรอบข้างรวมทั้ง เอเวอร์เรตต์ แฟนหนุ่มของเธอเองด้วย


 


หรือตอนดินเนอร์ที่ทุกคนพร้อมหน้าบนโต๊ะอาหาร เธอพยายามจะชวนคุยแสดงทัศนะเกี่ยวกับการที่น้องชายของพระเอกที่หูหนวกและเป็นเกย์และแฟนหนุ่มผิวสีของเขาจะรับเด็กมาเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรม ด้วยความที่เกร็ง เกรงว่าใครจะมองเธอว่าไม่ใคร่มีความคิด ไม่เปิดกว้าง หรืออะไรก็ตามแต่  การณ์กลับกลายเป็นว่าเธอไปเหยียดผิวของเขาเข้าอีกจนได้  ซ้ำร้ายก็ไปย้ำปมที่พวกเขาเป็นเกย์ และที่ร้ายไปกว่านั้นคือเธอดันไปสะกิดปมการเลี้ยงดูลูกของยัยคุณแม่แห่งครอบครัว Stone เข้าให้จนได้เรื่อง    เลยกลายเป็นเรื่องใหญ่โตขนาดที่พ่อต้องทุบโต๊ะปังใหญ่ให้ทุกคนสะดุ้งโหยงกันทีเดียว 


 


นางเอกของฉัน เธอรู้สึกแย่ เพราะไม่ได้ตั้งใจให้สถานการณ์กลายเป็นแบบนี้  แต่ที่แย่กว่าอะไรทั้งหมด   ก็คือ เอเวอร์เร็ตต์  ของเธอก็ไม่ได้ปกป้องเธอจากอะไรทั้งหลายที่เกิดขึ้น ซ้ำร้ายเขาเองก็มองเธอไม่ต่างไปจากที่คนอื่นในครอบครัว Stone มอง   สยองชะมัด   ถ้าคนเดียวที่เรารู้สึกไว้ใจว่าเป็นพวกเรา อยู่ข้างเรา  เป็นของเรา   สุดท้ายกลายเป็นไม่ใช่  เฮ้อ!!!!!


 


แม้สุดท้ายในหนังจะ Happy   Ending  นางเอก  และพระเอกได้รู้จัก รู้ใจตนเอง   ครอบครัว Stone ก็ได้มองว่าที่สะใภ้ใหญ่ซึ่งกลายมาเป็นสะใภ้เล็กนั้นในมุมที่เปลี่ยนไป  แต่มันคือในหนังซึ่งทุกอย่างเป็นไปได้เสมอ 


 


ในชีวิตจริง ๆ ฉันก็ได้แต่ภาวนาว่าอย่าให้น้องสาวคนดี คนเดียวของฉันได้เจออะไรแบบนั้นเลย  แม้จะเข้าใจดีเสียยิ่งกว่า ว่าการที่ทั้งคู่จะพากันเดินเข้าสู่สถานการณ์หลายอย่างที่ต่างไปด้วยกันนั้นเป็นการเปิดมิติของความรักได้ชัดเจนยิ่งๆ ขึ้นไป   ซึ่งมันอาจจะหมายถึง ความรักที่แน่นแฟ้นมากขึ้นและลงเอยด้วยการแต่งงานสร้างครอบครัวที่แข็งแรงยิ่งใหญ่ในอนาคต


 


แต่ถ้าไม่ใช่  แน่นอนที่สุดถึงเราจะได้รู้จักรู้ใจตนเอง  แต่นั่นมันก็ต้องผ่านความรู้สึกเจ็บปวด ผิดหวัง  เสียใจ  มากกมายนัก  ที่สำคัญไม่ใช่ใครทุกคนที่ผ่านพ้นความรู้สึกนั้นไปได้ หรือกว่าจะได้ ก็ต้องใช้เวลาอยู่ไม่น้อย


 


อย่าให้เป็นเช่นนั้นเลย


 


 


ภาพประกอบ : http://www.siamzone.com/movie/m/3444/picture