หมามหาลัย
คอลัมน์/ชุมชน
ชัยเนตร ชนกคุณ
ต้องขอออกตัวมาก่อน ณ ที่นี้ว่า ผมเป็นคนที่เกลียดหมาเป็นที่สุด เกลียดเข้าไส้เข้ากระดูกดำมาแต่ไหนแต่ไร และขอบอกด้วยว่า ไม่เพียงแต่ผมจะเป็นฝ่ายเกลียดมันเท่านั้น หมาเองก็รู้สึกไม่ต่างไปจากผม หลักฐานที่ชัดเจนนั่นก็คือรอยเข็มฉีดยาตรงรอบสะดือตั้งแต่สมัยเด็กของผมนั่นเอง
การเว้นระยะห่างให้ไกลมากเท่าไหร่ระหว่างผมกับพวกมันจึงเป็นเรื่องที่ต้องพยายามให้มากที่สุด
หากมีเหตุที่ต้องเข้าใกล้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ผมก็ต้องหยุดนิ่งทำใจอยู่นาน เพื่อที่จะพยายามเดินผ่านพวกมันอย่างเย็นชา ไม่สบตา และทำเป็นปกติมากที่สุด ทั้งๆที่ใจมันรุ่มร้อน
แต่สำหรับชีวิตที่ต้องคลุกฝุ่นในปัจจุบัน จึงเป็นเรื่องยากนักที่จะหลีกเลี่ยงการเข้าไปพัวพันกับพวกมัน โดยเฉพาะชีวิตบนตึก อ.มช. หมาที่นี่มีอยู่หลายตัว และมีลักษณะนิสัยหลายประเภท คอยแฝงตัวอยู่กับลูกค้าที่มาทานอาหารที่นี่ ด้วยวิธีการเรียกร้องอาหารที่ต่างกัน
บางกลุ่มก็นั่งจ้องหน้าลูกค้า บางกลุ่มก็ใช้ขาหน้าเขี่ยเท้าจนกว่าจะได้ชิมชิ้นเนื้อโน่นล่ะถึงจะไป หรือไม่ก็โดนกระทืบเท้าไล่ถึงจะยอมจาก
นี่คือหมา อ.มช.กลุ่มหลักที่ทำการแบ่งคร่าวๆโดยผมเอง แต่ยังมีอีกตัวหนึ่ง ตัวสุดท้ายนี่แหละที่เด็ดสุดของ อ.มช. มันเป็นหมาที่ผู้คนบนตึกรู้จักกันดี นักกิจกรรมทุกรุ่นจำชื่อของมันได้ดียิ่งกว่าอาจารย์สอนหนังสือบางคนเสียอีก มันเป็นหมาแสนดี มันเป็นหมาแสนซื่อ ฉลาดและจริงใจ หากนั่นคือคำนิยามของผู้คนทั้งหลาย...
แต่สำหรับผม หมอนี่ร้ายกาจอย่าบอกใคร มันทั้งแสนเจ้าเล่ห์ เหลี่ยมของพวกโจรห้าร้อยที่ว่าแพรวพราวก็ยังห่างจากหมออีกหลายร้อยขุม มันมีชื่อว่า เป้ปซี่...
เพราะนิยามของมันดังที่ทุกคนพากันแต่งตั้งให้ ทำให้เป้ปซี่ไม่เคยไปขอข้าวใครกินให้เสียเกียรติ ไม่ต้องจ้องหน้า ไม่เคยเขี่ยขา แค่เพียงสบตา ประกายแวววาวของมันก็เรียกคะแนนความสงสารได้ถมเถ
ด้วยความที่เป็นผู้ที่อยู่อาศัยบนตึกอ.มช.เหมือนกัน เจ้าเป้ปซี่จึงเหมือนว่าได้ดิบได้ดีกว่าเพื่อน หรือแม้กระทั่งผมที่เป็นนักศึกษาพเนจรน้องใหม่บนตึกนี้ แต่สัญชาตญาณความเกลียดชังของมันก็ยังคงฉายแววมาที่ผมอยู่เสมอ แววตาที่ดูเหมือนท้าทาย และรอยแสยะยิ้มเย้ยหยันของมันยังคงมีความข่มทับอยู่ในทีเสมอ โดยเฉพาะตอนที่คาบน่องไก่งามๆผ่านหน้าผมไป บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าผมควรจะตอบกลับไปด้วยอะไรให้มันเจ็บใจดี ...อ้ายหน้าหมา...อย่างนั้นหรือ !
มันรู้จักผู้คนที่มีอันจะกินทุกคนบนตึกมันรู้เสมอว่าเวลาไหนที่ชมรมใดกำลังจัดงาน meeting ชมรมไหนกำลังทำอาหารกันกิน มันรู้เสมอว่าของบนตึกมีความโอชารสมากกว่าข้าวราดแกงเย็นชืดข้างล่าง ดังนั้น มันจึงวนเวียนอยู่แต่บนตึก
นอกจากความเจ้าเล่ห์ของหมอจะดูเกินหมาแล้ว ลูกไม่ตบตาก็เป็นที่หนึ่ง เจ้านี่มักจะมีวิธีการเดินผ่านคนที่เขามีของกินดีๆ ด้วยวิธีการเขย่งขาหลังด้านซ้ายอยู่เสมอ แสดงให้เห็นว่าขาข้างนั้นเจ็บ เป็นหมาสามขา หมาพิการ ต้องการความรักความเอาใจใส่เป็นพิเศษมากกว่าหมาตัวไหนในโลก ได้ผลของกินอย่างดีจากนักศึกษาผู้อารีจะติดไม้ติดมือมาเป็นของกำนัลทุกครั้งไป แต่หาได้เล็ดลอดการสังเกตของผมไม่ ใครจะรู้บ้างว่าแท้ที่จริงแล้วมันแกล้ง
ขาของมันใช้การได้เป็นปกติดีทั้งสี่ข้าง หากลองสังเกตให้ดีจากระยะไกลหรือแอบมองโดยที่มันไม่รู้ตัว เป้ปซี่จะวิ่งได้ทั้งสี่ขา กระฉับกระเฉง ว่องไว ทั้งการเดิน วิ่ง แม้กระทั่งมีเรื่องกับหมา อ.มช.ด้วยกันเอง ... เห็นความตอแหลของมันหรือยังเล่าครับ
แต่เรื่องมหัศจรรย์อันใดก็แล้วแต่ที่ได้เคยบังเกิดกับผม ก็คงไม่เท่าเรื่องนี้ เรื่องที่ทำให้ผมและเจ้าเป้ปซี่มาซี้กันได้ ทั้งยังช่วยลดอัตตาตัวเองที่มีต่อหมาทั้งหลายลงอีกด้วย
ช่วงปิดเรียน แม้จะเพียงวันหรือสองวัน ตึกอ.มช.จะเงียบสงัด ยิ่งวันไหนที่โรงอาหารข้างล่างปิดด้วยแล้วละก็ หมาที่นี่ก็จะนอนซึมกะทื่ออยู่กับที่ไม่ขยับไปไหน เจ้าเป้ปซี่ก็เช่นกัน มันกำลังคิดถึงห่อข้าวของทุกคนอยู่...มันกำลังหิว...ก็หลายวันมาแล้วที่ไม่มีอาหารดีๆ ตกถึงท้อง
ด้วยธุระที่รีบร้อนของผมในช่วงเช้าวันหนึ่ง จึงต้องเดินออกจากชมรมด้วยความรีบเร่ง เดินผ่านทางเดินแคบๆ ที่คั่นกลางระหว่างชมรมต่างๆ ให้มีความห่างเข้าไปอีก วันนั้นเจ้าเป้ปซี่ถือโอกาสนอนยาวเหยียดแผ่ขวางทางไว้หมด ผมเองขาเดินออกไปก็เกือบจะเหยียบหางของมันเพราะมัวง่วนอยู่กับการตรวจเอกสารในย่ามสะพายบ่า แต่ก็หยุดไว้ได้ทันก่อนที่จะย่ำขาทับลงไป ผมเองก็ตกใจเช่นกัน เพราะหากตัวเองไม่เงยหน้าขึ้นมามองทางผมคงต้องประกาศสงครามกับมันอย่างเป็นทางการอีกเป็นคำรบ
หลังจากที่เย็นสงบด้วยกันทั้งคู่มานาน แต่แววตาของมันกลับเฉยชาและเฉยเมย เพียงแค่ผงกหัวขึ้นมามองดูผมแล้วก็เหมือนบ่นอุบอิบอยู่ในคอก่อนที่จะพาดหัวลงนอนตามเดิม แต่ก็ไม่ได้ขยับเขยื้อนตัวให้กับคนกำลังรีบเลย ผมเองเกิดอาการหมั่นไส้ขึ้นมาทันที อยากที่จะจงใจเหยียบหางของมันลงจริงๆด้วยความมันเขี้ยวและขยี้ให้เละคารองเท้า เพราะท่าทีที่วางกล้ามของมันราวกับว่าเป็นเจ้าที่เจ้าทางมาจากไหน แต่อารมณ์ขุ่นเคืองเหล่านั้นต้องระงับไปด้วยความเร่งรีบ ผมจึงก้าวผ่านมันไปอย่างไม่ไยดี พลางกระทืบเท้าเสียงดังระบายอารมณ์
เมื่อพ้นทางเดินออกมาตรงบันได พบว่าเอกสารบางชิ้นยังลืมทิ้งไว้ข้างบน จึงได้เลี้ยวกลับมาเอาอีกครั้ง ขณะนั้นเวลา 9.45 น. ผมมีธุระที่คณะเวลาสิบโมงตรงเหลือเวลาไม่มากนักสำหรับการเดินทาง ผมจึงรีบวิ่งอย่างรวดเร็วกลับชมรม ด้วยความไม่ได้คาดคิด บวกกับอาการวิตกจริตที่พลุ่งพล่าน ผมลืมไปแล้วว่ามีหมอนั่นนอนขวางอยู่ตรงทางเดิน ผมจึงเหยียบเข้าเต็มฝีตีน...
เย็นวันนั้น ผมควักแบงก์สุดท้ายของเดือนไปซื้อหมูปิ้ง ปลาหมึกย่าง ไส้กรอก และข้าวเหนียวกลับมาที่ชมรมอย่างล้นมือ ด้วยว่าเย็นวันนั้นผมมีนัดกับแขกพิเศษบนตึก อ.มช.
หลังจากที่สวมวิญญาณกล้า ผมก็ตามจับตัวหมอมาได้ไม่ยาก อาการของวันนั้นมันเป็นสำนึกต่อความผิดมากกว่าความกลัวหรือเกลียด ผมจัดแจงแกะถุงอาหารอย่างประณีตและบรรจงถอดไม้เสียบออกจากหมูปิ้งคลุกรวมกับกับอาหารทั้งหมด ใส่ถ้วยสังกะสีใหญ่ และด้านข้างมีถ้วยใส่น้ำวางอยู่ใกล้ๆ ผมเองก็แกะกินส่วนของตัวเองอย่างใจลอย เจ้าเป้ปซี่ชะโงกหน้าออกมากินอย่างเซื่องซึม แต่ก็กินจนหมดถ้วยด้วยความหิวกระหาย มันคงไม่ได้กินของดีอย่างนี้มาหลายมื้อ ผมเองก็เช่นกัน ด้วยอาการที่แปลกไปผมจึงสังเกตเห็นว่าหัวตาของมันเหมือนมีหยดน้ำที่ยังแห้งไม่สนิทเกาะอยู่พราว
ทันใดนั้น เสียงร้องที่โหยหวนของมันในยามเช้าก็กลับมาก้องหูผมอีกครั้ง เสียงที่บ่งบอกถึงความเจ็บปวดที่สุดในชีวิตหมาพเนจร ถึงตอนนี้น้ำตาของผมก็ไหลออกมาด้วยความสงสารอย่างหยุดไม่อยู่
ชะตาชีวิตของคนเราจะประสบพบเจอชะตาชีวิตของใครคนใดคนหนึ่งอาจเป็นเรื่องง่ายหรือยาก ผมไม่อาจล่วงรู้ได้เลย แต่สำหรับผมกับเจ้าเป้ปซี่มันก่อตัวด้วยความสงสารและเห็นใจ ขยายตัวมากขึ้นตามวันเวลา การเปิดพื้นที่ของจิตใจเพิ่มมากขึ้นทำให้ผมมองสัตว์ร้ายในจิตใจแตกต่างไปจากเดิม มันกลายเป็นมิตรและเข้าอกเข้าใจกันมากขึ้น
ทุกวันนี้ ผมภาวนาอยากเห็นเจ้าเป้ปซี่เดินครบทั้งสี่ขาได้ในเร็ววัน อยากแอบมองตอนที่มันเผลอเดินสี่ขา มากกว่าที่จะเห็นมันกะเผลกสามขาพร้อมขาหลังที่มีผ้าพันอยู่ตลอดเวลา...เป็นผ้าที่ผมพันมันเองกับมือ.