โทนเจอผี
คอลัมน์/ชุมชน
เชลซีเป็นหมาที่โทนเลี้ยงไว้เป็นเพื่อน ด้วยความที่ทีมฟุตบอลเชลซีแห่งพรีเมียร์ชิพกำลังโด่งดังเป็นที่นิยมและหมั่นไส้ของใครหลายคน อาของโทนจึงตั้งชื่อหมาพันธุ์ไทยแท้ว่าเชลซี มันเป็นหมาหน้าตาบ๊องแบ๊วที่ชอบดมโน่น ดมนี่อยู่เป็นประจำเพราะนั่นเป็นวิธีที่มันจะทำความรู้จักกับผู้คนและสิ่งต่าง ๆ
โทนกำลังเรียนอยู่ชั้นประถม 3 เขามีของเล่นหลายอย่าง อาทิ เช่น ตัวไดโนเสาร์สีแดงซึ่งสามารถขยับได้ รถบังคับคันจิ๋ว ที่เขามักจะแกล้งบังคับให้มันมาวิ่งวนฉวัดเฉวียนผ่านหน้าผ่านหลังของเจ้าเชลซีเพื่อยั่วให้มันไล่ตะครุบ เจ้าเชลซีจะหลงกลไล่ตะครุบไว้ในฉับพลันทุกครั้งไป ดูเหมือนว่าโทนจะสนุกกับการเล่นอย่างนี้มาก
โทนอาศัยอยู่กับอาเพราะพ่อของเขาแยกทางกับแม่และทิ้งเขาไว้ อาของโทนรับโทนมาเลี้ยงและพามาอยู่กรุงเทพมหานคร ส่วนเจ้าหมาเชลซีเป็นของขวัญวันเกิดครบ 9 ขวบที่อาเขาซื้อให้
โทนมักไปไหนมาไหนกับเชลซีอยู่เสมอ คืนหนึ่งโทนลืมสมุดการบ้านวิชาคณิตศาสตร์ไว้ที่บ้านเพื่อน เขาต้องไปเอากลับมาเพราะต้องทำส่งครูในวันรุ่งขึ้น แต่ทางไปบ้านเพื่อนนั้นต้องเดินผ่านวัด และผ่าน "บัว" ที่ใช้เก็บกระดูกของคนตาย เขาต้องผ่านเส้นทางนี้เพราะมันใกล้ หากเขาไม่อยากไปทางนี้ เขาก็ต้องเดินอ้อมซึ่งไกลกว่ากันมาก
"ไป เชลซี ไปเป็นเพื่อนฉันหน่อย" ตอนนั้นเป็นเวลาประมาณ 2 ทุ่มครึ่ง แต่ในวัดก็เงียบและมืดแล้ว
"ไปหน่อยน่า เชลซี" โทนคะยั้นคะยอ เมื่อเห็นหมานิ่งเฉย เจ้าเชลซีมันไม่ค่อยอยากเดินผ่านวัดสักเท่าไหร่เพราะมีฝูงหมาวัดอยู่เป็นจำนวนมากที่จ้องจะเล่นงานมัน แต่ในที่สุดมันก็จำใจต้องไปเป็นเพื่อนโทน
โทนเดินนำหน้า ถือไม้แกว่งไปแกว่งมาเพื่อกันบรรดาหมา ๆ ข้างทางและหมาในวัดไม่ให้เข้ามารุมกันกัดเจ้าเชลซีอีก แต่เสียงเห่าของหมาวัดก็ยังดังขรมไปตลอดทาง แล้วจู่ ๆ เสียงเห่าของหมาก็มาเงียบลงตอนที่เข้าบริเวณวัด มีแต่เสียงหอนของหมาตัวผู้ที่ดังวังเวงโหยหวนอย่างน่ากลัว อากาศเย็นลงทันที
โทนเดินตัวแข็งขณะผ่านที่เก็บกระดูกของคนตายหรือที่เรียกกันว่า "บัว" ซึ่งอยู่ทางด้านซ้ายมือ เขาพยายามบังคับตนเองไม่ให้หันไปมอง แต่อีกใจหนึ่งเขาก็อยากหันไปดู หางตาของโทนกระตุกราวกับว่าได้เห็นอะไรเข้าสักอย่าง เขารู้สึกเหมือนมีบางสิ่งกำลังเคลื่อนไหวอยู่บริเวณที่เก็บกระดูก
ที่ใกล้ ๆ กันนั้นมีต้นไทรย้อยต้นใหญ่ มีรากห้อยย้อยลงมาราวกับเป็นม่าน ลมพัดมาวูบหนึ่ง เสียงรากไทรกระทบกันดังกราว
"เฮ้ย!" โทนอุทาน
เหมือนกับมีใครขึ้นไปเขย่าต้นไทรจนกิ่งใบโบกสะบัด ทันใดนั้นก็มีอะไรซักอย่างหนึ่งคล้ายหม้อดินหล่นมาจากต้นไทรใหญ่ หล่นลงข้าง ๆ ตัวของโทน เสียงดัง "โพล๊ะ" ทั้งหมา ทั้งคนออกวิ่งพร้อมกันทันทีโดยไม่ต้องนัดหมาย
โทนกับเชลซีวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต เจ้าเชลซีวิ่งเร็วพอ ๆ กับโทน โทนมาหยุดอยู่ที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง เป็นบ้านของเพื่อนนั่นเอง โทนกดออดหน้าบ้านเรียกเพื่อน
เพื่อนออกมาในทันทีและบอกว่า "โทน ฉันอยากจะเอาสมุดการบ้านไปคืนนายเหมือนกัน แต่แม่ไม่ให้ออกนอกบ้าน"
"ไม่เป็นไรหรอก" โทนว่า ยังหายใจหอบ
"แล้วนายวิ่งหนีอะไรมา" เพื่อนถาม
"ไม่รู้สิ ฉันเดินมาทางวัด มันรู้สึกยังไงก็ไม่รู้" โทนตอบ
"ฉันก็เคยเดินผ่านทางนั้นตอนกลางคืนเหมือนกันนะ ฉันเห็นอะไรซักอย่างอยู่บนต้นไทร ฉันกลัวมากเลย แล้วยังมีคนเล่าให้ฟังอีกว่าเคยเห็น" เพื่อนพูดยังไม่จบคำ โทนก็รีบชิงพูดตัดบทเสียก่อนว่า
"พอแล้ว ๆ นายไม่ต้องเล่าหรอก ฉันยิ่งกลัว ๆ อยู่"
"นายเดินอ้อมไปอีกทางก็ได้นะ ฉันว่า" เพื่อนแนะนำ "มันไกลหน่อย แต่มันก็ปลอดภัยกว่ากันเยอะ"
"ไม่เป็นไรหรอก ฉันหายกลัวแล้วล่ะ และฉันก็ชอบผจญภัยด้วย อันที่จริงเจ้าเชลซีต่างหากที่นำฉันวิ่ง ฉันเลยวิ่งด้วย ที่จริงฉันไม่ได้กลัวอะไรหรอก เจ้าเชลซีมันเป็นหมาขี้ตื่น อะไรนิด อะไรหน่อยก็ตกใจ" โทนบอก
"ฉันไปล่ะ"
"โชคดีนะ"
ตอนขากลับ พอถึงตรงทางแยก โทนทำท่าว่าจะไปอีกทาง ซึ่งเป็นทางอ้อม เขาเดินไปทางนั้นได้ 4-5 ก้าว แล้วก็เกิดเปลี่ยนใจ เขาเดินไปตามทางที่จะนำไปวัด เขาหยุดด้วยลังเล แต่ความกล้าหาญมาจากไหนก็ไม่รู้ เขาเดินต่อไป
"แกอย่าวิ่งหนีอีกนะ เชลซี" โทนสั่ง "แกนั่นแหละที่ทำให้ฉันตกใจ แกเป็นหมาประสาอะไรวะ กลัวไม่เข้าเรื่อง"
โทนเดินร้องเพลงเสียงดัง เดี๋ยวเพลงนั้น เดี๋ยวเพลงนี้ แต่ไม่เคยร้องจบซักเพลง บางทีก็พูดคนเดียว พอใกล้ถึงตรงบริเวณวัด เขาก็บอกว่า
"แกเดินไปก่อนสิเชลซี แล้วไม่ต้องแวะไปโน่น ไปนี่นะ เดินนำหน้าฉันไป"
พอถึงที่เก็บกระดูก ซึ่งอยู่ใกล้ต้นไทรใหญ่ เสียงเพลงของโทนก็เงียบหายไปดื้อ ๆ ลมเย็นพัดมาวูบหนึ่ง ม่านไทรไหวกระทบกันดังกราว เสียงหมาวัดเห่าหอนมาจากที่ใกล้ ๆ เสียงหอนดังโหยหวนยาวนาน ฟังแล้วน่าขนลุกขนพอง ราวกับว่าหมาพวกนั้นเห่าหอนเพราะได้เห็นอะไรบางอย่าง
โทนทำลายบรรยากาศน่าวังเวงขนลุกนี้ด้วยการฮัมเพลงเบา ๆ อยู่ในคอราวกับว่ากำลังอยู่ในอารมณ์สบายอกสบายใจเสียเต็มประดา เขาฮัมเพลงไปได้สัก 2 ท่อนแล้วก็หยุดกึก ทั้งหยุดร้องเพลงและก็หยุดเดิน
ส่วนเจ้าเชลซีมองเห็นอะไรซักอย่างหนึ่งเคลื่อนไหวไปมาอยู่ระหว่างต้นไทรใหญ่ กับที่เก็บกระดูก เคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้า เหมือนคนกำลังเดินหาของ เชลซีหอนขึ้นมาทันทีทันใด ภาพที่เห็นกระตุ้นให้หมาหอนขึ้นมาโดยไม่ตั้งใจ
โทนเห็นภาพนี้ด้วยเช่นกัน ทีแรกโทนยืนนิ่งไม่ขยับ ไม่หันไปดู แต่เหมือนมีใครมาบิดคอให้เขาหันไปมอง ท่าทางเขากลัวมาก เส้นขนตั้งชัน ผมบนศีรษะชี้ฟู แล้วก็ร้องเสียงหลงว่า "ผีหลอก!"
โทนออกวิ่งพร้อมกันอีกครั้งกับหมา ทีนี้โทนโกยอ้าว นำหน้าหมาไปทั้ง ๆ ที่หมาตัวนี้วิ่งเร็วมาก โทนวิ่งไป ปากก็ตะโกนร้องว่า "ช่วยด้วย! ผีหลอก ช่วยผมด้วย! ผีหลอก" หมาช่วยโทนโดยการเห่าอย่างเต็มเสียงไปตลอดทาง
โทน นอนจับไข้หัวโกร๋นอยู่ 2 วัน เขาไม่ได้ไปโรงเรียน แต่มีเพื่อนนักเรียนพากันมาเยี่ยมที่บ้านและต่างก็ขอร้องให้เขาเล่าเรื่องผีให้ฟัง โทนจึงกลายเป็นคนดังไปในชั่วข้ามคืน.