Skip to main content

ผลงานที่ต้องจดจำ

คอลัมน์/ชุมชน

รัฐบาลเพิ่งเสร็จจากงาน คิก ออฟ แคมเปญ ไปไม่นานพร้อมกับการโฆษณาผลงานที่ผ่านมา และนำเสนองานว่าจะทำอะไรอีกบ้างในอนาคตโดยใช้สโลแกน 4 ปีซ่อม 4 ปีสร้าง ที่รัฐบาลโดยการนำของ พ.ต.ท. ดร.ทักษิณ ชินวัตรมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่า สมัยหน้าจะกลับมานำประเทศอีกแน่นอนเพื่อจะมาสร้างต่ออีก 4 ปีที่หน้าหวั่นเกรงเหลือเกินว่า ถึงวันนี้ ยังสร้าง...ไม่พออีกหรือ


ในการโฆษณาผลงานของรัฐบาลนั้นคงไม่ต้องนำมากล่าวซ้ำ ณ ที่นี้ ว่าได้ทำอะไรกันไปบ้าง เพราะคงได้ยินได้ฟังกันมาหมดแล้ว แต่มีหลายผลงานที่รัฐบาลไม่ได้นำมาพูดถึงอันเนื่องแต่เป็นเรื่องที่ไม่ค่อยงามนัก แต่เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่ประชาชนพึงจะต้องรู้และจดจำไว้ เพื่อให้เป็นหลักฐานหรือไว้เป็นบทเรียนหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่เรียกว่าควรจะต้องรู้เอาไว้ก็แล้วกันว่านี่ก็เป็นอีกผลงานของรัฐบาลชุดนี้


รัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลใช้ชีวิตมนุษย์เปลืองที่สุดตราบเท่าที่ประเทศไทยมีรัฐบาลมา เปล่าหรอก นี่ไม่ได้พูดถึงเรื่องการปรับคณะรัฐมนตรีมากถึง 10 ครั้งหรอก แต่กำลังจะพูดถึงเรื่องของ การสูญเสียชีวิตของพลเมืองของประเทศโดยสาเหตุที่ไม่ปกติจำนวนมากนับตั้งแต่รัฐบาลได้เข้ามาบริหารประเทศ โดยรัฐบาลไม่ได้มีทีท่าว่าจะต้องแสดงความรับผิดชอบใด ๆ


ขอยกตัวอย่างความสูญเสียสัก 2 เหตุการณ์ อันเกิดขึ้นจากการบริหารประเทศภายใต้การชี้นำของนายกรัฐมนตรีที่ชื่อทักษัณ ชินวัตร เริ่มจากนโยบายแก้ปัญหายาเสพติดที่ทำให้มีคนตายไปจำนวนกว่า 2,500 คน ที่มีทั้งจากการวิสามัญฆาตกรรม และฆ่าตัดตอน แต่ไม่ได้ชี้แจงหรือมีการทำความกระจ่างให้ประชาชนได้เห็นกระจ่างในรูปคดี เมื่อเห็นคนตายในช่วงนั้นตำรวจสรุปว่าฆ่าตัดตอนแล้วก็จบกันไป เรื่องก็ยังคงคาใจผู้คนอยู่จนถึงวันนี้ จะตอบได้หรือไม่ว่าในนั้นเป็นคนที่กระทำผิดตามกฎหมาย และสมควรได้รับโทษถึงตายทุกคน


ต่อมาในเรื่องของสถานการณ์ในภาคใต้ที่นับวันมีแต่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ และอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะบอกว่า ตัวผู้นำรัฐบาลเองมีส่วนอย่างมากในการจุดประกายให้เกิดความรุนแรงขึ้น เริ่มตั้งแต่การให้สัมภาษณ์เป็นเชิงยั่วยุ และท้าทาย และดูเบาต่อปัญหา แน่นอนว่าประชาชนในพื้นที่ต่างก็รู้ดีว่าสถานการณ์ในภาคใต้การลอบทำร้าย การลอบสังหาร หรือการก่อกวนนั้นอาจมีมาก่อนสมัยรัฐบาลทักษิณ แต่ก็ไม่เคยมีครั้งไหนที่จะรุนแรงเท่ากับสมัยของรัฐบาลชุดนี้ และไม่เคยมีรัฐบาลชุดไหนทำให้ประชาชนในสามจังหวัดภาคใต้อยู่ด้วยความหวาดระแวงและไม่ปลอดภัยเท่านี้มาก่อน


ข้อมูลตั้งแต่ก่อนรัฐบาลนี้ขึ้นมาบริหารประเทศนั้น สถานการณ์ความไม่สงบเกิดขึ้นเฉลี่ย 30-50 ครั้งต่อปี แต่ในปีนี้ นับตั้งแต่มกราคมเป็นต้นมา จนถึงเดือนกันยายน มีเหตุการณ์เกิดขึ้น 547 ครั้ง มีการสูญเสียชีวิตผู้บริสุทธิ์และเจ้าหน้าที่บ้านเมืองไป 267 คน นี่ยังไม่รวมกับการปราบปรามในเหตุการณ์ที่กรือเซะ เมื่อเดือนเมษายนที่การปราบปรามทำให้ 107 คนเสียชีวิต และไม่ได้รวมเหตุการณ์ที่โรงพักตากใบในเดือนนี้ ที่จนถึงวันนี้อยู่ที่ 85 คน


รวมแค่เหตุการณ์กรณีต่อต้านยาเสพติดและสถานการณ์ 3 จังหวัดภาคใต้ ประชาชนซึ่งทั้งหมดเป็นพลเมืองของประเทศไทยต้องสูญเสียชีวิตไปเปล่า ๆ โดยไม่ได้มีคำชี้แจงใด ๆ ให้น่าฟังหรือมีการแสดงความรับผิดชอบใด ๆ จากรัฐบาลไปถึงเกือบ 3 พันคน ซึ่งแม้ในยุครัฐบาลไหน ๆ ก็ยังไม่เคยมีในประวัติศาสตร์ว่า ผู้คนจะต้องล้มตายมากขนาดนี้ แม้กระทั่งในรัฐบาลที่เป็นเผด็จการ


นี่ยังไม่นับไปถึงบรรดาแกนนำการทำงานด้านอนุรักษ์ หรือผู้ผู้คนที่ทำงานเรื่องสิทธิมนุษยชนที่ถูกลอบสังหารไปรายต่อรายแล้วเรื่องก็เงียบไป นี่นับแค่คนแล้วยังไม่นับรวมไปถึงชีวิตไก่ที่ต้องถูกฆ่าตายไปกว่า 1 ล้านตัวอันเนื่องมาจากการปกปิดข้อมูลของรัฐบาลจนทำให้เรื่องไข้หวัดนกบานปลาย


กรณีของการต้องสูญเสียชีวิตของผู้คนมากมายขนาดนี้นั้น ถ้ามองหาสาเหตุลึกลงไปแล้วก็พอที่จะอนุมานได้ว่าเกิดขึ้นเนื่องจากรัฐบาลเชื่อในเรื่องของการใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหา สังเกตจากการใช้คำว่า " สงคราม " เช่น สงครามต่อต้านยาเสพติด สงครามล้างเผ่าพันธุ์ไข้หวัดนก จึงชวนให้คิดได้ว่าหรือจะเป็นรัฐบาลที่กระหายสงคราม หรือในกรณีของการให้สัมภาษณ์ว่า คนดี ๆ เท่านั้นจึงอยู่ได้ คนไม่ดีจะไม่เอาไว้ ก็แปลว่า คนไม่ดี ไม่เชื่อฟังคำสั่ง ก็จะต้องถูกกำจัดหรืออย่างไร เน้นนโยบายปราบปรามแทนการเสริมศักยภาพ และใช้หลักเมตตาธรรม


แต่จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของสถานการณ์ในภาคใต้ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ยิ่งใช้ความรุนแรงมากขึ้นเท่าไร ความรุนแรงก็สะท้อนกลับมาเป็นเท่าทวี จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่มัสยิดกรือเซะที่มีคนเพียงจำนวนน้อยที่เข้ามาชุมนุมกัน แต่การปฏิบัติการโดยใช้ความรุนแรงก็ส่งผลให้เกิดเหตุการณ์ที่รุนแรงขึ้นกว่าที่ตากใบ ที่จะนำไปสู่สถานการณ์แห่งความไม่สงบให้สืบเนื่องต่อไปเรื่อย ๆ


สิ่งที่ยิ่งเสริมให้สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายไปกว่านั้นก็คือ การไม่พยายามชี้แจงข้อเท็จจริงให้กับประชาชนทราบ มีความพยายามที่ปกปิดข้อมูล ตัวอย่างการแจ้งยอดผู้เสียชีวิตในวันแรกเพียง 6 คน แต่ต่อมาพบว่าเป็น 78 คนนั้นคงไม่ได้เป็นเรื่องบังเอิญ รวมทั้งไม่ได้ให้ข้อมูลทั้งหมดถึงการปฏิบัติงาน ซึ่งยิ่งทำให้เป็นที่เคลือบแคลง และยิ่งเสียแนวร่วมที่จะทำให้คนให้ความร่วมมือ ที่เลวร้ายไปกว่านั้นก็คือ แน่นอนว่าหลังจากถูกซักถามถึงกรณีดังกล่าว (โดยที่ไม่ได้คิดที่จะออกมาชี้แจงก่อน) นายกรัฐมนตรีก็บอกว่า เสียใจที่มีคนตายมากขนาดนั้น แต่เป็นเหตุสุดวิสัยไม่ได้ตั้งใจ


จะตั้งใจหรือไม่เมื่อแก้ปัญหาไม่ได้ก็ควรจะต้องมีคนออกมาแสดงความรับผิดชอบมิใช่หรือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหตุการณ์นี้ไม่ได้ทำให้พี่น้องมุสลิมเท่านั้นสะเทือนใจ แต่ชาวไทยพุทธก็ต้องอยู่อย่างขวัญผวา และเรื่องคนที่รับผิดชอบนั้น เลิกเสียทีเถอะที่จะเอาแพะ หมายถึงผู้ปฎิบัติหน้าที่ตามเบี้ยใบ้รายทางทั้งหลายขึ้นมารับผิดชอบ แต่จะต้องถึงคราวที่เป็นตัวผู้นำเอง ควรจะต้องกระทำการใดบ้างเพื่อแสดงความรับผิดชอบ มาถึงตอนนี้ก็ยังไม่เห็นมีการกระทำใด ๆ ที่แสดงถึงความรับผิดชอบเลย


กล่าวโดยสรุป หากรัฐบาลภายใต้การนำของ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรีที่ชื่อทักษิณ ยังคงอยู่ และยังคงเชื่อมั่นในการแก้ปัญหาโดยวิธีใช้ความรุนแรงอยู่ คนใน 3 จังหวัด และรวมไปถึงสตูลกับสงขลาบางส่วนด้วยคงไม่สามารถอยู่อย่างมีความสุขได้แน่ ไม่ว่าจะเป็นชาวพุทธหรือชาวมุสลิม และเรื่องสันติสุขในภาคใต้นั้นก็คงเป็นได้แค่นามธรรม