สำนึกที่บกพร่อง ของ ฟิล์ม รัฐภูมิ
คอลัมน์/ชุมชน
เละเสียยิ่งกว่าโจ๊ก สำหรับ ฟิล์มรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ เมื่อ เสี่ยอู๊ด-สิทธิกร บุญฉิม พ่อยกใจป้ำ เล่นขยายทั้งเอกสาร และภาพถ่ายให้หนุ่มฟิล์มแกต้องจำนนต่อหลักฐาน ก็จะแจ้งกันออกปานนั้น จะบอกว่า เป็นคนรู้จักของคุณแม่อย่างที่เคยบอกไว้ก็ฟังไม่ขึ้นเสียแล้ว ที่สำคัญงานนี้คนบันเทิงหลายคน ทั้งที่เคยเป็น และยังเป็นเด็กในคาถาเสี่ยอู๊ด ต่างสะบัดร้อนสะบัดหนาวไปตามๆ กัน
น่าเสียดายไหมที่อนาคตดีๆ ของเด็กหนุ่มหน้าตาดี มีแววจะโลดแล่นไปได้อีกไกลโพ้น อาจจะโดยรอบสุดขอบจักรวาลในวงการบันเทิงด้วยซ้ำ ต้องมาเจอหลุมดำทำให้ชะงักงันเพราะ สำนึก ที่ว่าด้วยเรื่องของ การรู้คุณ นั้น ไม่ได้ดีตามหน้าตาไปด้วย
คนบันเทิง นักแสดง นักร้อง ศิลปินทั้งหลาย ก็เปรียบเหมือนดวงดาวที่ต้นสังกัดใส่ถ่านให้เจิดจรัสอยู่บนฟ้า หน้าที่ของศิลปินก็เพียงแค่เลือกให้ถ่านก้อนนี้หมดลงเอง หรือเลือกที่จะให้ต้นสังกัดปิดถ่าน ทั้งนี้ ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับการกระทำของพวกเขาทั้งสิ้น
ในอดีต หนุ่มฟิล์มเคยเดินตามอดีตนักข่าวบันเทิงคนหนึ่ง ไปฝากเนื้อฝากตัวกับนักข่าวสายบันเทิงของหนังสือพิมพ์หลายฉบับ หลังจากนั้นก็มีข่าวของแกก็แพร่หลายตามสื่อบันเทิง เมื่อไปเข้าตาแกรมมี่ ฟิล์มได้ไปฝึกร้องเพลงเตรียมออกอัลบั้ม แต่เจ้ากรรมดันวางท่านักเลงโต มีเรื่องชกต่อยจนขึ้นโรงพัก แกรมมี่ก็เลยพักหนุ่มฟิล์มไปซะเลย
ครั้นได้เล่นหนังเรื่องแรก ว้ายบึ้ม เชียร์กระหึ่มโลก ของ พจน์ อานนท์ หนุ่มฟิล์มก็ลบชื่ออดีตนักข่าวบันเทิง สมยศ ศรีสมบูรณ์ ที่พาแกเดินสายไปฝากตัวกับใครต่อใครเสียสิ้น ฟิล์มเดินสายเองเลย บอกนักข่าวหรือใครต่อใครว่า พจน์ อานนท์ เท่านั้นคือนักปั้นคนแรกที่หยิบยื่นโอกาสในวงการบันเทิงให้แก เห็นแววออกจะชัดว่า พ่อหนุ่มคนนี้แกบกพร่องในเรื่องของ "สำนึก"
เมื่อ อาร์.เอสเห็นแวว ฟิล์มผ่านการขัดสีฉวีวรรณอย่างดีจากต้นสังกัด สร้างภาพลักษณ์ขึ้นมาใหม่ อุดช่องที่ดูไม่งาม ศัลยกรรมใหม่ทั้งตัว รูปร่าง หน้าตา ทรงผม การแต่งกาย ซึ่งถ้าใครไปให้ความสำคัญกับสิ่งพวกนี้มากกว่าความจริงใจ มันก็ดูท่าจะไปได้ยาก ต่อให้เก่งแสนเก่ง ท่องจำสคริปท์มาดีแค่ไหน ความไม่ "เนียน" ก็จะโผล่ออกมาให้เห็นในสักวัน
ตัวอย่างของคนดังทั้งหลายที่ตกม้าตายเพราะความดังของตนก็มีให้เห็นอยู่เนือง ๆ แต่ก็แปลกที่ไม่ยักมีใครจำใส่ใจสักคน
กรณีของฟิล์มกับเสี่ยอู๊ดก็อีหรอบเดียวกัน ปฏิเสธลั่นๆ ว่าไม่รู้จักเขาทุกกรณี แต่ครั้นจำนนต่อหลักฐาน ก็มานั่งน้ำตาคลอ ร้องขอความเห็นใจต่อหน้าสื่อมวลชน พร้อมบอก "ถ้าพี่เขาต้องการเงินคืนเท่าไหร่ ตอนนี้ผมก็พร้อม" แต่ไม่วายไว้เชิงทำเหินห่าง ไม่ขอเคลียร์เป็นการส่วนตัว ประมาณว่าตัดบัวไม่เหลือใยแล้วตอนนี้ เสี่ยอู๊ดถึงได้ลุกมาทำอะไรที่เป็นการดับอนาคตเด็กในคาถาของตนขนาดนี้
ไม่มีใครรู้ถึงเหตุผลที่ฟิล์มพยายามวิ่งหนีอดีตมากไปกว่าตัวฟิล์มเอง แต่สิ่งที่เห็นชัดเจนในตอนนี้คือเรื่องที่ ฟิล์มบกพร่องอย่างตั้งใจในเรื่องสำนึกในบุญคุณ ไม่รู้หรอกว่าผู้อ้างจะพูดเท็จจริงแค่ไหน แต่มันเสียหายอะไรหรือถ้าจะยอมรับว่ารู้จักเขา ถ้ารู้จักเขาจริง ๆ ไม่ต้องเป็นเกย์กันหรอก ลองเป็นเราก็ได้ หากเคยช่วยเหลือใครเอาไว้ แล้ววันหนึ่งเขาบอกไม่รู้จักเราเลยจะรู้สึกอย่างไร ถ้าฉันเป็นเสี่ยอู๊ด จะยอมไหม ไม่ทีทาง
จริงอยู่ มันอาจจะเป็นการแสดงจุดยืนที่ชัดเจนของหนุ่มฟิล์ม แต่อีกด้านหนึ่งก็มองได้ว่านั่นเป็นการตัดคนเคยช่วยเหลือออกจากชีวิต ไม่ว่าเขาจะเคยช่วยเหลือด้วยจุดมุ่งหมายอันใด แต่ความจริงที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงได้ คือเราได้รับการช่วยเหลือนั้นแล้ว
ถามว่ามันคุ้มกันไหม ที่ต้องเอาชื่อเสียงที่ได้มาใช่ว่าง่ายไปแลกกับคำโกหกเพียงไม่กี่คำที่ฟิล์มคิดว่าจะกลบเรื่องราวทั้งหมดได้ ไม่คุ้มเลยแม้แต่น้อย เพราะยิ่งเสี่ยอู๊ดออกโรงแฉมากเท่าไหร่ ตัวตนจริงๆ ของฟิล์มก็ยิ่งฉายชัดขึ้นเท่านั้น ที่สำคัญ เป็นตัวตนของคนที่ไม่มีสำนึกในการกตัญญูรู้คุณเสียด้วย นั่นเป็นเหตุผลใหญ่ที่ให้อภัยกันได้ไม่ง่ายเสียด้วย
เห็นจะจริงดังคำพูดนี้ที่ว่า "อย่างอื่นของมนุษย์สอนกันได้ แต่ความกตัญญูรู้คุณ และความซื่อสัตย์ ต้องมีในวิญญาณ" (ใยสเน่หา : ทมยันตี)
Photo: http://www.212cafe.com/freewebboard/view.php?user=besidefilm&id=371